รักน้ำ รักษ์ทะเล: สงกรานต์ไม่ขาดน้ำ มหาสมุทรไม่ขาดรัก
ภูมิปัญญาของไทยเราเป็นเรื่องน่าทึ่งเสมอ สงกรานต์กับประเพณีเล่นน้ำนั้นช่วยดับร้อนในช่วงเดือนที่ร้อนที่สุดของปีได้เป็นอย่างดี เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าโลกของเรานั้นเป็นดาวเคราะห์ที่ปกคลุมด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ และน้ำนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่โอบอุ้มโลกเอาไว้ โดยทั้งผืนดิน มหาสมุทร และชั้นบรรยากาศ ล้วนมีน้ำเป็นส่วนประกอบที่หมุนเวียนเป็นวัฏจักรทั้งสิ้น ในวันสงกรานต์อันชุ่มฉ่ำนี้ ลองมาทำความรู้จักกับความสำคัญของมหาสมุทรต่อวงจรของน้ำ และวิกฤตที่กำลังคุกคามมหาสมุทรของเรา เพื่อร่วมกันรักษาน้ำเอาไว้ได้อย่างยั่งยืน สงกรานต์ปีนี้หรือปีไหนๆ เราจะได้สนุกได้โดยที่ไม่ขาดน้ำ มหาสมุทรก็ไม่ขาดรักและขาดแคลนความอุดมสมบูรณ์
ความสำคัญของมหาสมุทรต่อวัฏจักรน้ำและโลกมหาสมุทรมีบทบาทสำคัญมากต่อวัฏจักรน้ำ โดยมหาสมุทรนั้นมีน้ำมากถึงร้อยละ 97 ของน้ำทั้งหมดบนโลก ร้อยละ 78 ของหยาดน้ำฟ้า (น้ำในอากาศ) เกิดขึ้นเหนือมหาสมุทร อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของการระเหยน้ำของโลกถึงร้อยละ 86 ซึ่งตัวเลขนี้นอกจากแสดงถึงความสำคัญของมหาสมุทรต่อการหมุนเวียนของน้ำ การเกิดฝน และการผลิตน้ำจืดแล้ว ยังรวมถึงสมดุลของสภาพภูมิอากาศโลกอีกด้วย มหาสมุทรของโลกนั้นช่วยให้โลกของเราอบอุ่น ขณะที่ผืนดินและชั้นบรรยากาศนั้นดูดซับแสงอาทิตย์ รังสีของดวงอาทิตย์ก็ถูกดูดซับไว้โดยมหาสมุทร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในน่านน้ำเขตร้อนบริเวณเส้นศูนย์สูตร และมีชั้นบรรยากาศของโลกช่วยในการกักเก็บความร้อนไว้ ไม่ให้กลับคืนไปยังอวกาศเร็วเกินไปหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน กล่าวได้ว่ากระบวนการระเหยของน้ำที่ทำให้เกิดฝนบนผืนดินนั้นส่วนใหญ่แล้วมีจุดเริ่มต้นมาจากมหาสมุทร นอกจากนี้กระแสน้ำยังช่วยสร้างสมดุลให้กับสภาพภูมิอากาศโลกด้วยการรับมือกับรังสีดวงอาทิตย์ที่กระจายไม่สม่ำเสมอบนพื้นผิวโลก หากไม่มีกระแสน้ำในมหาสมุทรแล้ว อุณหภูมิที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรจะร้อนจนเกินไป และหนาวสุดขั้วที่บริเวณขั้วโลก และทำให้บางพื้นที่ของโลกนั้นไม่สามารถอยู่อาศัยได้เลย วัฎจักรของน้ำ มหาสมุทร และสภาพภูมิอากาศ ขอบคุณข้อมูลจากนาซ่า มหาสมุทรนั้นแสนกว้างใหญ่ สง่างาม และทรงพลัง แต่ปัญหาต่างๆ กำลังก่อตัวขึ้นใต้ผืนน้ำสีน้ำเงินที่แสนสวยงาม นอกจากมหาสมุทรจะเป็นต้นกำเนิดของชีวิตแล้ว ในทางกลับกัน มหาสมุทรก็ยังเป็นที่รองรับมลพิษต่างๆ ที่มนุษย์ก่อขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขยะ ของเสียจากอุตสาหกรรม และแม้แต่ก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานฟอสซิล ทุกสิ่งที่เราทำบนผืนดินนั้นสะเทือนถึงผืนทะเลได้มากกว่าที่เราคิด ดังคำกล่าวที่ว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” โลกร้อน มหาสมุทรยิ่ง(เดือด)ร้อนปัญหามลพิษทั้งจากการทิ้งลงทะเลโดยตรง มลพิษจากน้ำเสีย รวมถึงจากการชะล้างมลพิษทางอากาศและพื้นดินของน้ำฝนที่ไหลลงสู่ทะเล นอกจากนี้สภาวะโลกร้อนที่กำลังรุนแรงขึ้นทุกปีนั้นทำให้อุณหภูมิของท้องทะเลสูงขึ้น สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (U.S.Environmental Protection Agency) ระบุว่าในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา อุณหภูมิของผิวน้ำทะเลนั้นเพิ่มสูงกว่าในอดีต จากการบันทึกข้อมูลไว้ตั้งแต่ประมาณปี 2423 เมื่อมนุษย์ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น ก๊าซเหล่านี้หากไม่ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ก็จะละลายไปกับน้ำทะเล คาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งถูกดูดซับโดยมหาสมุทร ทำให้น้ำทะเลมีสภาวะเป็นกรด ส่งผลต่อสัตว์ที่มีโครงสร้างหินปูนเพื่อดำรงชีวิต เช่น แพลงก์ตอนพืชซึ่งเป็นอาหารหลักของสัตว์น้ำ และหอย ซึ่งพวกมันจะสร้างเปลือกหุ้มตัวได้ยากขึ้น ที่เด่นชัดคือปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว และความเปลี่ยนแปลงนี้เองจะส่งผลกระทบกันต่อไปเป็นทอด ๆ ทำให้ระบบห่วงโซ่อาหารในทะเลแปรปรวนทั้งระบบ รวมถึงยังมีสัตว์น้ำบางชนิดไม่สามารถรอดชีวิตได้ในอุณหภูมิและกระแสน้ำที่แปรเปลี่ยน แน่นอนว่าปลาเศรษฐกิจที่เราชอบรับประทานก็จะยิ่งลดจำนวนลงเนื่องจากไม่สามารถปรับตัวและฟื้นตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางทะเล ด้วยเหตุนี้สภาวะน้ำทะเลเป็นกรดจึงถูกขนานนามว่าเป็น “แฝดตัวร้าย” ของสภาวะโลกร้อน เมื่อมนุษย์มีความต้องการทางการบริโภคเพิ่มขึ้น จากการจับปลาเพียงเพื่อพอเพียงต่อการบริโภคก็กลับกลายเป็นอุตสาหกรรมประมงขนาดใหญ่ โดยไม่นานมานี้ วารสารวิทยาศาสตร์ชื่อดัง sciencemag.org ได้เผยงานวิจัยว่า สภาวะทะเลเป็นกรด การประมงเกินขนาด และกิจกรรมของมนุษย์อื่นๆ นั้นเป็นตัวการที่คุกคามอนาคตที่ยั่งยืนของท้องทะเล ซึ่งนี่เป็นเพียงปัญหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่มหาสมุทรซุกซ่อนไว้ภายใต้ความเวิ้งว้างอันสวยงาม ที่เรามักนำปัญหาและความทุกข์ไปฝากไว้ทุกครั้งเมื่อไปเยี่ยมเยือนทะเล สงกรานต์ปีนี้นอกจากสนุกกับการเล่นน้ำกันแล้ว อย่าลืมหันมาปกป้องมหาสมุทรอันเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของแหล่งน้ำบนโลกเพราะหากปราศจากมหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์แแล้ว โลกใบนี้ก็ไม่สามารถอยู่รอดได้เช่นกัน มาร่วมกัน รักน้ำ รักษ์ทะเล เพื่อให้สงกรานต์ไม่ขาดน้ำ มหาสมุทรไม่ขาดรัก ด้วยกันค่ะ เต่ากระที่ใกล้สูญพันธุ์ ณ เกาะ Kanawa ใกล้เมือง Flores อินโดนีเซีย ปะการัง บ้านของนานาสัตว์น้ำ ที่กระบี่ Blogpost โดย รัตนศิริ กิตติก้องนภางค์ -- เมษายน 13, 2558 ที่ 10:23 ที่มา : //www.greenpeace.org/seasia/th/news/blog1/blog/52590/
Create Date : 23 เมษายน 2558 |
Last Update : 23 เมษายน 2558 10:43:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1282 Pageviews. |
|
|
|