ถ่านหินคือพลังงานที่มีต้นทุนถูกที่สุดจริงหรือ? แล้วต้นทุนที่แลกมาด้วยการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร สิ่งแวดล้อมที่ถูกทําลาย สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน และผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งเราต้องจ่ายให้กับการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินที่คุ้มกับการเสียแล้วหรือ? รายงาน ต้นทุนชีวิตโรงไฟฟ้าถ่านหินกับภัยคุกคามต่อสุขภาพของคนไทย โดยกรีนพีซและมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เปิดเผยถึงต้นทุนจริงของการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินและผลกระทบต่อประชาชนที่รัฐบาลไทยอาจนำมาตัดสินใจใหม่ว่า ควรแล้วหรือที่จะให้ประชาชนเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆ จากมลพิษทางอากาศของโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทั้งที่มีพลังงานที่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่าอย่างพลังงานหมุนเวียน
ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2558-2579 (PDP2015) รัฐมนตรีพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ประกาศเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่รวมกำลังผลิต 7.3 กิกะวัตต์ ขณะที่การใช้ถ่านหินในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงในเชิงโครงสร้าง และทั่วโลกกำลังเตรียมตัวเจรจาข้อตกลงร่วมกันในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Conference of Parties: COP) ณ เมืองปารีส ฝรั่งเศสในเดือนธันวาคม 2558 ที่จะถึงนี้ ตอนนี้จึงเป็นโอกาสของรัฐบาลไทยที่จะขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงระบบพลังงาน เลือกก้าวข้ามยุคถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ และในวันนี้ (19 พฤศจิกายน 2558) กรีนพีซร่วมกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้เปิดเผยผลการวิจัยในรายงาน ต้นทุนชีวิต: โรงไฟฟ้าถ่านหินกับภัยคุกคามต่อสุขภาพของคนไทย เป็นการศึกษาเกี่ยวกับอัตราการเจ็บป่วยและการตายที่เกี่ยวเนื่องกับโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทย ซึ่งชี้ว่าจนถึงปี พ.ศ. 2554 โรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชากรประมาณ 1,550 คนต่อปี และหากรัฐบาลไทยเดินหน้าขยายโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ในประเทศ อัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรอาจเพิ่มขึ้นถึง 5,300 คนต่อปี จำนวนต้นทุนที่แท้จริงทั้งด้านสุขภาพและชีวิตที่ต้องเสียไปเพื่อได้มาซึ่งพลังงานที่กล่าวว่ามีราคาถูกนี้ เมื่อต้องเทียบกับชีวิตของผู้คนที่ต้องสูญเสียไปนั้น... ถูกแล้วจริงหรือ?
สุขภาพของชาวไทย ที่ต้องแลกกับพลังงานถ่านหิน สะอาด
ในวันนี้ พี่น้องกว่า 100 คน จากชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้มารวมตัวกันเป็นเครือข่ายประชาชน 12 จังหวัดปกป้องพื้นที่จากโรงไฟฟ้าถ่านหิน เดินทางมาร่วมรับฟังข้อมูลในเวทีนำเสนอผลการศึกษาวิจัยนี้ พวกเขาเหล่านี้คือตัวแทนจากจังหวัดชุมพร สตูล ลำปาง สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช ตรัง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สงขลา กระบี่ ชัยภูมิ และระยอง อีกทั้งยังมีภาคประชาสังคมจากพม่า รวมถึงยังมีประชาชนอีกจำนวนมากเข้ามารับฟังข้อมูลด้านผลกระทบที่มีต่อสังคมจากถ่านหิน
จากรายงานเผยถึงข้อมูลศึกษาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและที่มีการวางแผนเปิดดำเนินการใช้จริงทั้งหมดแล้ว โดยไม่รวมโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา กำลังผลิต 2,200 เมกะวัตต์ เนื่องจากในขณะที่จัดทำรายงานยังไม่มีการประกาศเกี่ยวกับการสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งนี้ เผยว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินปล่อยมลพิษจํานวนมหาศาลออกมา ไม่ว่าจะเป็น สารประกอบออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) สารประกอบออกไซด์ของซัลเฟอร์ (SO2) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการเกิดฝนกรด และฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน โรงไฟฟ้าถ่านหินยังปล่อยเขม่า และอนุภาคที่นําาไปสู่การเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน รวมถึงโลหะหนักที่เป็นพิษต่างๆ เช่นปรอทและสารหนู เป็นต้น มลพิษจากถ่านหินได้คร่าชีวิตและทําให้คนเจ็บป่วยเป็น จําานวนมาก ในปี พ.ศ. 2554 องค์การอนามัยโลกได้รวบรวมข้อมูลด้านคุณภาพอากาศจากเมือง 1,100 แห่งใน 91 ประเทศ และพบว่า ประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองจําานวนมากกําลังเผชิญกับฝุ่นละออง ขนาดเล็กที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หนึ่งในแหล่งกําาเนิด หลักของฝุ่นละอองเหล่านี้คือโรงไฟฟ้าถ่านหิน
มลพิษทางอากาศจากโรงไฟฟ้าถ่านหินทำให้เกิดฝุ่นละอองและมลพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผลวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่า การขยายการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินตามแผนที่วางไว้จะทำให้มลพิษทางอากาศเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้นทุนสุขภาพและชีวิตของผู้คนจากมลพิษถ่านหินควรจะต้องนำมาพิจารณาตัดสินใจถึงทางเลือกอนาคตพลังงานของไทย แซนนอน คอบลิซ นักวิจัยทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ในรายงานจะศึกษาเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ซึ่งถูกโฆษณาว่าเป็น ถ่านหินสะอาด แต่ปริมาณมลพิษทางอากาศที่ปล่อยออกมาจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้มากถึง 1,800 คนในช่วงระยะเวลา 40 ปีของการดำเนินงาน และหากนำมลพิษทางอากาศที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีพีและเก็คโค่วันที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดรวมเข้าไปด้วย จะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 14,000 คนตลอดระยะเวลา 40 ปีของการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า
ด้วยเหตุนี้จึงยังเป็นข้อถกเถียงว่า ในเมื่อประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองเพียงพออีก 10 ปี แล้วทำไมจึงต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน รวมถึงยังมีการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านอีก แต่ไม่มีการระบุว่าซื้อไฟฟ้าประเภทใด ซึ่งอาจจะเป็นการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินประเทศอื่น อย่างไรก็ดีการขายไฟฟ้าที่มาจากการผลิตเกินกำลังให้กับพม่าไม่ใช่คำตอบของประเทศไทย เพราะสิ่งเหล่านี้ประเทศไทยต้องจ่ายต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมไปทุกวัน และยังมีต้นทุนทางสุขภาพที่รัฐบาลไม่เคยพูดถึง
ฝุ่นละอองมลพิษขนาดเล็กจากโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ได้หยุดอยู่แค่ปอด แต่เข้าไปในกระแสเลือด ก่อให้เกิดโรคทางทางเดินหายใจและโรคมะเร็งได้ ซึ่งปัญหามลพิษนี้ข้อมูลวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งระบุว่า ทำให้ผู้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 160,000 คน ทั่วโลกต่อปี ไม่เพียงแค่ชุมชนพื้นที่โรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ทุกคนต่างได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศทั้งสิ้นจากการพัดของลมและมรสุม อาทิ ในกรณีของโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ที่มลพิษอาจลอยไปถึงภูเก็ตหากเกิดมรสุมในทะเลอันดามัน เถ้าลอยที่เกิดจากการเผาถ่านหินที่มีสารโลหะหนักอย่างสารปรอท ทำให้เกิดฝนกรด และส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมได้เช่นกัน น่ายินดีที่การใช้ถ่านหินในระดับโลกมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จีน และสหภาพยุโรปนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว กำลังผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นใหม่ในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป มาจากพลังงานหมุนเวียน ในขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในจีนที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจากแหล่งพลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิลนับตั้งแต่ปลายปี 2554 นายลาวรี่ มิลลีเวียตา ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กรีนพีซสากลกล่าว จมูกมีสองรู แต่ปล่องโรงไฟฟ้าถ่านหินมีจำนวนมาก แม้ว่าจะไม่มีปล่องโรงไฟฟ้าถ่านหินใดไม่เกินมาตรฐาน แต่ว่าแต่ละปล่องมีฝุ่นละออง มีคาร์บอน มีตะกั่ว และปรอท ไม่มีใครรู้ว่าสารเหล่านี้สะสมนานๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นในร่างกาย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งปกติ และการได้รับมลพิษที่ไม่เกินมาตรฐาน แต่บ่อยครั้งทุกวันเป็นระยะเวลานานย่อมเกิดภาวะในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการรับสารพิษหลายตัวในช่วงเวลาเดียวกัน ต้นทุนสุขภาพไม่เคยมีการวัดในรายงาน EHIA สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนจริงที่ต้องเสียไป ในความเป็นจริงสุขภาพไม่ใช่แค่โรคที่เกิดขึ้นฉับพลัน สามารถวัดได้ แต่เราอาจรู้ตัวในอีก 30-40 ปี ทำไมถึงต้องให้ชาวกระบี่ เทพา และระยอง ต้องเสียสละถึงเพียงนี้ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อํานวยการโรงพยาบาลจะนะและชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ กล่าวถึง ต้นทุนสุขภาพจากถ่านหิน
หากจินตนาการไม่ออกว่าฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน นั้นมีขนาดเล็กมากเพียงใด อยากให้ลองนึกว่าฝุ่นละอองเหล่านั้นมีขนาดที่เล็กเกินกว่าที่ขนจมูกจะกรองได้ เป็นฝุ่นผงที่เข้าไปทำลายปอด และก่อมะเร็ง ในวันนี้อาจก้าวเกินจุดที่จะถกเถียงกันว่าเราจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มหรือไม่แล้ว แต่ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐจะหันมาผลักดันกฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่เอื้อต่อการผลิตและพัฒนาพลังงานหมุนเวียนอย่างแท้จริง
อ่านเพิ่มเติม: การลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินของประเทศไทย และทางออกของพลังงานที่ชุมชนเลือก
ที่มา: ต้นทุนชีวิตโรงไฟฟ้าถ่านหิน ราคาที่แท้จริงของถ่านหินกับภัยต่อสุขภาพ