BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : ลพบุรี : ศาลพระกาฬ

ลพบุรี : ศาลพระกาฬ

วิวัฒนาการของการก่อสร้างปราสาทของขอมนั้นเริ่มจากการก่ออิฐ
แบบที่เราพบที่เมืองหริหราลัย ปราสาทพระโคหรือย้อนกลับไปกว่านั้น
เมื่อเทคโนโลยี่สูงขึ้นพวกเค้าพบศิลาแลงที่แข็งแรงกว่าจึงนำใช้ในการสร้าง
แต่พบว่ามันแข็ง มีรูพรุน ไม่สวยงามจึงนำมาใช้เป็นโครงสร้างอาคาร
และใช้หินทรายที่แกะสลักได้นำมาเป็นทับหลัง หน้าบัน อย่างเช่นบันทายศรี

วิวัฒนการมาถึงจุดสูงสุดแรงงานมีมากพอ พวกเค้าจึงก่อสร้างด้วยหินทรายล้วน
ดังเช่นปราสาทตาแก้ว นครวัดและปราสาทอีกมากมายในยุคสมัยชัยวรมันที่ 7
แต่ในประเทศไทยนั้นยากที่จะดูเช่นนั้นได้ เนื่องจากห่างไกลจากแหล่งตัดหิน
ปราสาทที่เราพบในภาคกลางเช่นที่ลพบุรี จึงเป็นปราสาทที่สร้างจากศิลาแลงล้วนๆ
อีกส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการเป็นเมืองชายขอบ ห่างไกลจากอาณาจักรในสมัยนั้น

ศาลพระกาฬแต่เดิมเรียกศาลสูง เนื่องจากสร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง
มีทับหลังทำด้วยศิลาทรายสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์
วางอยู่ติดฝาผนังวิหารหลังเล็กชั้นบน (อยู่ตรงไหนเนี่ย หาไม่เจอ)
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งตรงกับสมัยชัยวรมันที่ 7

มีการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยพระนาราณ์มหาราช และน่าจะถูกทิ้งร้างไปเหมือนที่อื่นๆ
พระยาโบราณราชธานินทร์ได้มาพบหลักศิลาจารึกแปดเหลี่ยมจารึกอักษรโบราณ
จึงย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่อยุธยาพิพิธภัณฑสถาน ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงทราบจึงตรัสสั่งให้ย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่หอพระสมุดวชิรญาณ

ศิลาจารึกนี้ได้ได้รับหมายเลขที่ 18 หรือลพบุรี 1 หรือศิลาจารึกเสาแปดเหลี่ยม
ในตอนแรกนั้นไม่มีใครอ่านออกเพราะไม่ใช่ทั้งภาษาสันสกฤต บาลี หรือเขมร
ต่อมาเมื่อ ศ. ยอร์ช เซเดส์ ได้เข้ามารับราชการในตำแหน่งบรรณารักษ์
ในหอพระสมุดวชิรญาณได้พยายามอ่านจารึก แล้วพบว่ามีคำที่ส่อให้เห็นว่าเป็นภาษามอญ

ท่านจึงคัดลอกคำจารึกทั้งหมด ส่งไปให้ผู้ที่ชำนาญในการอ่านศิลาจารึกภาษามอญ
เช่น ศ. บลักเดน ที่กรุงลอนดอน นายดูรัวแซลล์ หัวหน้าการรักษาของโบราณในพม่า
และนายเรเวแรนต์ ฮัลลิเดย์ ผู้สอนศาสนาคริสตังที่เมืองเมาะลำเลิง ซึ่งเห็นด้วยว่า
คำจารึกนี้เป็นภาษามอญจริง แต่แปลยากมากเพราะเป็นภาษามอญโบราณ
จึงแปลจารึกออกเป็นคำๆ บางคำเท่านั้น

มีการนำคำแปลไปตีพิมพ์ในประชุมศิลาจารึกสยาม ภาคที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2472
และนำไปตีพิมพ์ในวารสารสำนักฝรั่งเศสปลายบูรพาทิศ เล่มที่ 30
ในปีถัดมานายฮัลลิเดย์กับนายบลักเดน ได้ร่วมกันอ่านและแปลจารึกหลัก
พ.ศ. 2504ได้มีการปรุงเนื้อหาของหนังสือประชุมศิลาจารึกสยาม ภาคที่ 2
ซึ่ง ศ. ยอร์ช เซเดส์ ได้นำคำแปลที่นายฮัลลิเดย์ได้แปลไว้มาตีพิมพ์รวมไว้ด้วย

ศิลาจารึกนี้มีจำนวน 8 ด้าน 24 บรรทัด หัวเสาทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมจำหลักลาย
กว้างด้านละ 9 ซม. สูง 145 ซม. เนื้อหาในจารึกนี้ แบ่งเป็น 4 เรื่อง
กล่าวถึงการทำบุญของบุคคลและคณะบุคคลต่างๆ กัน
โดยการถวายสัตว์ สิ่งของ และข้าพระแก่พระพุทธรูป

พ.ศ. 2494 มีการก่อสร้างศาลพระกาฬทับบนรากฐานเดิมที่สร้างไว้
ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในวิหารประดิษฐาน
เจ้าพ่อศาลพระกาฬ ซึ่งมี 4 พระกร ทำให้คนเชื่อว่าเป็นพระนารายณ์สี่กร
แต่เนื่องจากพระเศียรหายไป และมีผู้นำเศียรพระของพระสมัยอู่ทองมาต่อ
ทำให้ไม่ทราบว่า แท้จริงแล้วรูปเคารพนี้เดิมเป็นพระโพธิสัตว์อวโลติเกศวรหรือไม่

ซึ่งควรจะเป็นเช่นนั้นเนื่องจาก ศาสนสถานนี้น่าจะสร้างในสมัยชัยวรมันที่ 7

ในบริเวณรอบศาลพระกาฬมีลิงศาลพระกาฬอาศัยอยู่

Create Date : 17 มีนาคม 2554

Last Update : 17 มีนาคม 2554 16:10:42 น.

4 comments

Counter : 2800 Pageviews.

ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ

ไม่กล้าไปกลัวลิง

วันนี้อั๊บบล็อกต่อเสร็จแล้ว แต่พอกด ออกอากาศ หายไปหมดเลยค่ะ

ต้องทำใหม่ ...

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:15:09:51 น.

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เพิ่งจะได้ทราบประวัติของศาลพระกาฬก็จากบล็อกนี้เองครับ ผมเคยไปอยู่ไม่กี่ครั้งเองครับ แต่จำได้ว่าไปครั้งสุดท้ายโดนลิงแย่งบุหรี่มาโบโร่ไปทั้งซองเลยครับ ไม่รู้ว่าป่านนี้ลิงตัวนั้นเป็นมะเร็งตายไปหรือยังก็ไม่ทราบครับ

อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง

วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:15:45:46 น.

สมัยที่อยู่ลพบุรี เคยแวะเข้าไปที่ศาลพระกาฬนี่แหละค่ะ
ลิงเขาชอบกระดุมเสื้อมากหรืออย่างไรไม่รู้ มาปีนตัวแล้วดึงกระดุมไปเคี้ยวกินหน้าตาเฉยเลย
เวลาไปตลาด ก็จะเห็นลิงอยู่ตามร้านค้า บนกันสาดบ้านคนเต็มไปหมด
ถ้าให้อาหารเขากิน เขาก็จะไม่ทำอะไรค่ะ
เห็นกันจนชิน เวลาเห็นเขาแล้วก็พยายามเดินเลี่ยงๆ ค่ะ ไม่อยากจะไปทำร้ายอะไร ไม่อยากมีเรื่อง
เพราะเขาว่ากันว่า ลิงพวกนี้เป็นลูกสมุนพระกาฬ ใครทำร้ายจะเกิดสิ่งไม่ดีกับตัวเองค่ะ

โดย: addsiripun

วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:23:22:59 น.

เรื่องเที่ยว

ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ถามกันว่าไปเที่ยวไหนดี
เราก็เลยชวนทางปู กับ ข้าวหน้ากั้งระยอง
แล้วก็ค่อย ๆ ใส่รายทางที่จะแวะลงไป

เป็นคนแรกที่สังเกตุนะคะว่า
เรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องเที่ยวเรื่องรอง

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:12:14:33 น.