BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : พระนครศรีอยุธยา : วัดราชบูรณะ

พระนครศรีอยุธยา : วัดราชบูรณะ

วัดราชบูรณะเป็นวัดสำคัญเช่นเดียวกันกับวัดมหาธาตุ ดังนั้นจึงมีในอีกหลายจังหวัด
สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ. 1967

หลังจากเจ้านครอินทร์สามารถยึดอำนาจในอยุธยาจากราชวงศ์สายอู่ทอง
ได้อย่างเด็ดขาดโดยอาศัยสายสัมพันธ์กับทางสุโขทัย พระองค์มีพระราชโอรส 3 คน
หลังจากขึ้นครองราชย์ จึงส่งเจ้าอ้ายพระยาไปครองเมืองเก่าที่เป็นฐานอำนาจ
คือสุพรรณภูมิ เจ้ายี่พระยาไปครองเมืองคู่แฝดคือ แพรกศรีราชา
และส่งเจ้าสามพระยาไปครองพิษณุโลก ซึ่งเป็นหัวเมืองสำคัญทางฝ่ายเหนือ

หลังจากสมเด็จพระนครอินทราธิราชทรงเสด็จสวรรคตลงในปี 1967
พระราชโอรสทั้งสองที่ครองเมืองใกล้กัน ชิงกันคุมกำลังลงมาหมายจะชิงเมือง
เกิดการยุทธหัตถีที่บริเวณสะพานป่าถ่าน จนทั้งสองฝ่ายต่างสิ้นชีพลงทั้งสองคน

เจ้าสามพระยาที่มาช้าเนื่องจากอยุ่เมืองไกล จึงกลายเป็นพระมหากษัตริย์ของอยุธยา
ด้วยความเศร้าสลดที่พี่น้องต้องมาฆ่าฟันกันเพื่อชิงราชสมบัติ พระองค์จึงโปรดสร้าง
พระปรางค์และพระวิหารมีนามว่า เจดีย์เจ้าอ้ายพระยาเจ้ายี่พระยาขึ้น
บริเวณเชิงสะพานป่าถ่าน ติดกับวัดมหาธาตุทางบริเวณทิศตะวันออก
โดยทรงบรรจุเครื่องราชูปโภคทองคำไว้เป็นจำนวนมากภายในพระปรางค์

แสดงให้เห็นว่ากรุงศรีอยุธยาในเพียงช่วงเวลายุคต้น ก็มั่งคั่งและร่ำรวยมากมายเพียงใด

ปรางค์ประธานมีขนาดสูงใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลงบนฐานสี่เหลี่ยม
ซึ่งมีเจดีย์อยู่ทั้งสี่ทิศ มีบันไดขึ้นสู่องค์ปรางค์ทางทิศตะวันออกถือเป็นปรางค์แบบไทย
ที่นิยมทำฐานสูง ต่างจากปรางค์แบบขอมที่มีฐานเตี้ย
นอกจากนี้หน้าปรางค์เป็นมุขใหญ่ยืนออกมาเป็นห้องคูหา ส่วนยอดเรียวแหลมสูง
คล้ายฝักข้าวโพด ยอดมีฝักเพกาในขณะที่ขอมไม่มี

หลังสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 วัดราชบูรณะก็ถูกทิ้งร้างไป ไม่ต่างอะไรกับวัดอื่น
ปี 2499 กลุ่มคนร้ายจำนวนหนึ่ง ลักลอบขุดกรุภายในพระปรางค์ประธาน
และช่วงชิงทรัพย์สมบัติจำนวนมากมายมหาศาลหลบหนีไป
อันเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ ที่สร้างความฮือฮาในสังคมเป็นอย่างมาก
เกิดเรื่องราวมหัศจรรย์ที่เล่าขานถึงอาถรรรพ์ของทรัพย์สมบัติอันเป็นของสูง

เมื่อกรมศิลปากรเข้าไปขุดค้นกรุในพระปรางค์พบว่ากรุอยู่ 2 ตอน
คือตอนที่เป็นเรือนธาตุ และตอนกลางองค์พระปรางค์

กรุชั้นบนสูงจากระดับพื้นดินประมาณ 5 เมตร มีลักษณะเป็นกรุสี่เหสี่ยม
ขนาดกว้างด้านละ 4 เมตร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้น
กรุชั้นล่างอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 2.20 เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม
กว้างด้านละ1.20 เมตร สูง 2.65 เมตร ฝาผนังกรุชั้นล่างเจาะลึกเข้าไปเป็นช่องคูหาทั้ง 4 ด้าน

เพดานเขียนลายดาวตรงกลางล้อมรอบด้วยลายและเขียนกรอบด้วยเส้นลวด
เขียนเป็นลายเส้นดอกไม้สีแดงปิดทองเป็นวงกลมๆ ผนังเหนือซุ้มคูหา
ชั้นบนเขียนรูปพระพุทธรูปสลับกับสาวก ผนังซัมคูหาเขียนภาพชาดก
ในพระพุทธศาสนานับได้ 60 ชาติ แต่ปัจจุบันนั้นเลือนลางเต็มที

ภาพเขียนสีอยุธยาตอนต้นนั้นหายากมาก ใช้สีเพียง 4 สีคือ ดำ แดง ขาว เหลือง
เนื่องจากยังไม่มีสีที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากที่นี่ เราต้องตามไปดูที่
วัดมหาธาตุ ราชบุรี แม้จะผ่านเวลามาอย่างเนิ่นาน ภาพก็ยังอยู่ในสภาพที่ดี
จนถึงปี 2499 ที่โจรได้โรยตัวลงไป จนมีการขูดทำลายภาพจนสียหายอย่างรุนแรง

ภายในห้องกรุชั้นล่างนี้ เคยเป็นสถานที่เก็บสมบัติและของมีค่าไว้มากมาย
เช่น พระแสงขันธ์มงกุฎ และมงกุฏราชินี เสื้อทองคำ และพระพุทธรูปต่างๆ
พระแก้ว พระทองคำ พระนาก เป็นต้น

ปรางค์ที่วัดราชปูรณะไม่ได้รับการบูรณะเลยนับจากวันที่มันถูกสร้าง
ฉนั้นจึงเป็นปรางค์แบบอยุธยาตอนต้นที่สมบูรณ์และเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด
ที่หลงเหลือให้เราชื่นชมในเกาะเมืองอยุธยา โดยเฉพาะลายปูนปั้นขององค์ปรางค์
เมื่อรวมกับภาพจิตรกรรมในสมัยอยุธยาตอนต้น จึงเป็นวัดที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

Create Date : 15 มิถุนายน 2553

Last Update : 16 มิถุนายน 2553 10:07:19 น.

5 comments

Counter : 2508 Pageviews.