มกราคม 2567
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
11 มกราคม 2567

: วันพิพากษา :



: วันพิพากษา :





[ หมิงกับพี่ปั้น พี่ทิพย์ สองสาวเป็นลูกของน้องสาวผมเองครับ]



วันก่อนนั่งอ่านสารคดีเรื่องการสอบ ‘ซูนึง’ (Suneung)
ซึ่งเป็นการสอบวัดระดับเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยประเทศเกาหลีใต้
และจัดสอบขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น

(ใครสนใจอ่านรายละเอียดทั้งหมดตามลิ้งค์นี้ไปได้เลยครับ
https://www.thepeople.co/read/social/50726?fbclid=IwAR3giaB43M5Hmja0qZcOZ-iE1S4HdsT6rzwxR9XJ6u0_9BdW0zEFB5vmTdI)

ผมนึกถึงเรื่องราวของตัวเองเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว
ผมถามอาจารย์แนะแนวที่โรงเรียนว่าถ้าผมไม่อยาก ‘เอนทรานซ์’
ผมสามารถเลือกเรียนในระบบอื่นได้หรือไม่
อาจารย์บอกว่า

“งั้นเธอต้องไปเรียนสายอาชีพ เรียน ปวช. ต่อ ปวส. จากนั้นหากอยากเรียน ป.ตรี ก็ค่อยว่ากันอีกที”

ผมจึงไม่ลังเลใจเลยที่จะเลือกสอบเข้าเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคพายัพ สาขาสถาปัตยกรรม


ทำไมผมจึงไม่อยากเอนทรานซ์ ?

เพราะผมเป็นเด็กนักเรียนที่ไม่ชอบการอ่านแบบท่องจำ ไม่ชอบการเรียนพิเศษ
ไม่ชอบภาษาอังกฤษ ไม่ชอบวิชาวิทย์ คณิต
ผมชอบอ่านหนังสือทุกชนิด ยกเว้นหนังสือเรียน

ผมเห็นว่าการคัดคนเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษานั้นมีแต่ความกดดันและความเครียด
กังวลตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลย ว่ามหาวิทยาลัยคือความหวังของพ่อแม่
ทุกบ้านล้วนคาดหวังว่าลูกของตนจะต้องเรียนเก่ง ได้เกรดคะแนนสูง ๆ
มีผลงานต่าง ๆ ทั้งดนตรี กีฬา ต้องไปประกวดแข่งขันเยอะแยะมากมาย
เพื่อจะใช้ประกอบการยื่นเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

ผมไม่เคยถามลูกชายเลยว่าเขาอยากเรียนอะไร ?
เราคุยกันเกือบทุกวันบนโต๊ะอาหารมื้อเย็น ปกติก็นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ ประมาณหนึ่งชั่วโมง
ถ้าหัวข้อที่คุยนั้นต้องถกกันเข้มข้นก็ลากยาวไปเกือบสองชั่วโมงก็มี

อาทิตย์นี้หัวข้อที่คุยกัน คือ หมิงกลับมาอ่านหนังสืออีกครั้งในรอบหลายปี
รอบนี้เจ้าตัวเกิดอยากอ่านวรรณกรรมรัซเซียและฝรั่งเศส
ผมจึงมีหน้าที่ไปค้นหนังสือที่ตัวเองเคยอ่านมาให้ลูกอ่าน
เล่มไหนไม่มีก็สั่งออนไลน์มาให้ แล้วเราก็นั่งคุยกันถึงเนื้อหาภายในเล่ม

อีกวันหมิงชวนคุยเรื่องปรัชญาอัตถิภาวนิยมซึ่งผมก็ลืมไปหมดแล้ว
สิ่งที่ต้องทำ คือ ผมก็ต้องไปนั่งค้นคว้าหาอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับหัวข้อนี้

นี่คือ การเรียนรู้ที่ผมชอบ และผมคิดว่าลูกก็น่าจะชอบ
เหมือนวันที่เรานั่งคุยกันสองชั่วโมง เพื่อวิเคราะห์ว่าศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม
นั้นมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ?
หมิงดูคลิปภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผมใช้ประสบการณ์ตรงเท่าที่ผมมี
ผมฟังลูก ลูกฟังผม ผมแย้งลูก ลูกแย้งผม
การพูดคุยแบบนี้สนุกมาก สนุกจนหมิงบอกว่า

“ทำไมในโรงเรียนถึงไม่สอนศาสนาแบบที่ป่ะป๊าสอน ? ที่โรงเรียนสอนไม่สนุกเลย”

ผมบอกลูกว่ามันยากมาก เพราะอาจารย์ที่สอนอาจไม่ได้สนใจปรัชญาศาสนา
เขาก็จะสอนไปตามหลักสูตรหรือแผนการสอนที่เตรียมไว้
แต่ผมสอนจากการปฏิบัติจริง เรียนรู้จากการศึกษาแบบนอกกรอบ

‘ซูนึง’ และ ‘เอนทรานซ์’ แทบจะไม่ต่างกันเลย
มันตัดสินและพิพากษาเด็กคนหนึ่ง จากการสอบและผลสอบ
การศึกษาและการเรียนรู้ที่เรามีอยู่ ไม่ได้สร้างเด็กที่รักในการเรียนรู้
ไม่ได้ทำให้ผู้เรียนมีความสุขและสนุกกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์
ไม่รู้สึกบ้างหรือครับ ว่าเด็กไทยเรียนหนักมาก
ทั้งเรียนในชั้นเรียน เรียนพิเศษ กวดวิชา บางคนเรียน 7 วันไม่มีวันหยุด
แต่เราไม่เคยมีนักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์โนเบลเลยสักคน
เราแทบไม่เคยมีผลงานวิจัยระดับโลก ทั้ง ๆ ที่เด็กไทยนั้นสอบอะไรก็ชนะเลิศเกือบทุกรายการแข่งขัน


‘ชีวิต’ มันเป็นทั้งคำถามและคำตอบ
ในบททดสอบเดียวกัน



ผมรู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้ไหลเลื่อนไปตามกฎและกรอบนั้น
ผมเคยเป็นเด็กที่ไม่มีความสุขกับการเรียนรู้ในห้องเรียน
เคยสอบได้เกือบที่โหล่ ไม่ใช่เพราะโง่ แต่ผมแค่ไม่มีความสุขกับวิชาที่ผมไม่ชอบ

30 ปีผ่านไป การศึกษาไทยแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน
เรายังกลัว เหมือนที่เคยกลัว
และพร้อมส่งต่อความกลัวให้ลูกของตัวเองต่อไป


เราต่างเดินเข้าสนามสอบแข่งขันทางการศึกษาด้วยความกลัว
และเดินออกมาจากสนามสอบแห่งชีวิตด้วยความกลัว








Create Date : 11 มกราคม 2567
Last Update : 11 มกราคม 2567 5:08:27 น. 14 comments
Counter : 1062 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtanjira, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณkae+aoe, คุณอุ้มสี, คุณ**mp5**, คุณปัญญา Dh, คุณmultiple, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณnonnoiGiwGiw, คุณmcayenne94, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณRain_sk, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณThe Kop Civil, คุณสวยสุดซอย


 
สวัสดียามเช้าค่ะก๋า

หมิงหมิงนี่สูงใหญ่มากนะคะ พี่ๆก็น่ารัก
ก๋ามีหลานสาวหน้าตาน่ารักมากเลยค่ะ
ดีนะคะอย่างน้อยก็ยังมีลูกพี่ลูกน้องเป็นเพื่อน

เรื่องระบบการสอบ ถ้าเด็กๆเข้าใจ พ่อแม่ไม่กดดันลูก
พี่ว่าทุกเรื่องก็คงไม่ยาก ทุกวันนี้ระบบก็แย่
แถมโดนกดดันจากทางบ้านไปอีก จนน่าสงสารเด็กๆ

ปัญหาเรื่องการเรียนมักเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพ่อแม่
ทั้งๆที่พ่อแม่ก็ไม่ได้ไปเรียนกับลูกสักหน่อย
ปัญหาโลกแตกเลยค่ะเรื่องนี้ แก้ไม่ได้แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป

เมื่อวานงานเข้าเป็นงานดีค่ะก๋า
ตั้งแต่ออกจากบล็อกไปก็บ่ายสองเลยค่ะกว่าจะได้นั่งอีกรอบ

เช้านี้คุณหอมกรน่าจะยังไม่มานะคะ


โดย: tanjira วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:6:43:50 น.  

 
นักศึกษาที่ขอเข้าฝึกงาน... เท่าที่สังเกตเขาจะรู้ด้านวิชาการ
จากอาจารย์ที่สอนต่อ ๆ กันมา พอเข้าฝึกงานเริ่มปรารภว่า
การทำงานมิได้เลิศหรูอย่างที่เรียน

ต้องช่วยกันทำงานแต่ละหน้าที่ บางคนที่สนิทกัน หัวเราะผมคิดว่า
ที่เรียนมาเจ๋งแล้ว เรียนเป็นผู้บริหาร ผมกับเพื่อน ๆ ก็หัวเราะ
ว่ากว่าจะเป็นผู้บริหาร ก็อยากแล้ว เป็นฝ่ายจัดการก็อยากเหมือนกัน

ผมชอบคนที่เรียนสาธิตมาก่อนที่จะเข้ามหาลัย เขาช่่างซัก
ช่างคิด มีความคิดสร้างสรรรครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:6:49:46 น.  

 
อ๋อวันพิพากษาคือวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นทุกคนนะคุณก๋า
สมัยนี้มีมหาวิทยาลัยเอกชนเยอะแยะไป
หมิงหมิงมีเค้าหน้าตอนเด็กจ้า
วันนี้มาไม่ทันคุณธัญอีกแน่นอนจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:7:25:01 น.  

 
สรุปด้วยสองบรรทัด
ได้แจ่มมาจ้า
ใช่เลย


โดย: อุ้มสี วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:8:47:13 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:9:06:32 น.  

 
สวัสดีครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:11:09:38 น.  

 
ว้า 2 สาวเป็นญาติกันซะอีกแน่ะ
ไม่งั้น จะเชียร์ให้ หลานหมิงหมิง จีบซะทั้งคู่เล้ยย
แต่ เอ๊ะ หลาน หมิงหมิง ชู 3 นิ้ว นี่นา
แสดงว่า ขอ 3 คนเลยครับ ลุงเต๊ะ เย้ย 555

คุณก๋า บอก เอ็งไม่ต้องเลย แนะนำแต่เรื่องดีๆทั้งน้าน 555

อ.เต๊ะ นี่ยังทัน ‘เอนทรานซ์’ นะครับ
ถ้าใครทัน ต้องเป็นรุ่นไล่ๆกันแน่

อ.เต๊ะ ‘เอนทรานซ์’ ตั้ง2รอบ แน่ะครับ
รอบแรกติดครุ แต่ไม่อยากเป็นครู
ปีต่อมาเลยมา สอบ ถาปัด
โชคดีติด แต่เขาบอกเกลียดอะไร มักจะได้อย่างนั้น

สุดท้าย ต้องมาใช้ชีวิตเป็นครู มากกว่าเป็น สถาปนิกอีกนะครับ555

แล้วเรื่อง ระบบการเรียนการสอนของเรานี่
มีวิชาที่เรียนแล้วไม่เคยใช้ทำงาน เกินครึ่งอีกนะครับ
ถ้าไม่ใช่สายอาชีพ

เรียกว่าสอนกันให้เป็น เป็ด ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งซักกะอย่าง 555

ส่วน รร. ทางเลือกที่ ไม่เน้นทำการบ้าน ไม่เน้นสอบนี่
ต้องลูกคนรวยเรียนครับ เพราะ ค่าเทอมแพงมาก
บางที เกณฑ์ ผู้ปกครองไปช่วยสอนอีกตะหากนะครับ 555



โดย: multiple วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:11:59:41 น.  

 
หมิง หมิงโตขี้นมาก สาวเชื่อว่าพี่เลี้ยงน้องได้ดี ดังนั้นทางที่หมิง หมิงเลือกคงเป็นทางที่หลานชอบจริง ๆ


โดย: sawkitty วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:13:22:56 น.  

 
เผลอแพร่บๆ น้องหมิงเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว
เด็กที่เราไม่ได้เลี้ยงเอง นานๆ เห็นที
จะรุ้สึกว่าน้องๆ โตกันไวมากเลยค่ะพี่


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:16:18:03 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

บล็อกนี้ ได้เห็นรูปหมิงหมิง โตเป็นหนุ่มน้อย สะออน แล้ว
เรื่อง การที่พ่อแม่ ลูก มีการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยการถามตอบกัน นับเป็นวิธีที่เราจะได้เข้าใจความคิด ความ
ต้องการของลูกได้ดีวิธีหนึ่ง อะไรที่เราเห็นว่า ลูกยังอ่อนประสบการณ์
ในเรื่องใด เราก็สามารถสอดแทรกให้เขาได้ทางหนึ่ง จ้ะ เด็กเวลามี
ปัญหาอะไร เขาจะกล้ามาปรึกษาเล่าให้เราฟังได้ ครูว่า วิธีการเลี้ยง
ลูกของเธอ เป็นวิธีที่ดี จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียนฯ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:16:35:38 น.  

 
ว้าว เห็นหลานๆแล้วสดชื่นสดใส เหมือนต้นไม้กำลังที่กำลังเติบโตงดงาม
เย็นผ่านชีวิตมานาน เวลามีคนถามความเห็น (ก็ไม่เคยมีใครถามสักที ) ส่วนตัวเห็นว่าเป็นอะไรก็ได้ที่เขาชอบทำแล้วมีความสุข โดยเฉพาะถ้ามีสนามบินให้ลงแลนดิ้งได้ทุกเมื่อ มีพ่อแม่มีครอบครัวที่ดีที่พร้อมจะสนับสนุนเป็นกำลังใจให้ ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรยาก ชีวิตจะเอาอะไรมากมาย การยังชีพไม่ได้ใช้ทรัพยากรอะไรมากนัก แต่ถ้าอยากจะได้มากตามกิเลสที่ปั่นหัวอยู่ก็เหนื่อยหน่อย แค่ไม่ทุกข์ในทุกๆวันก็เป็นสุขแล้ว อยากได้อยากมีอยากเป็นยิ่งดิ้นยิ่งไขว่คว้ายิ่งทุกข์ ชีวิตคนไม่ได้ยืนยาว บางทีนอนแล้วเช้าไม่ได้ตื่น ไปเล่นกีฬาไม่ได้ออกจากสนามกีฬามาอีก ก็พบเห็นบ่อยไป
ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง เรียนคณะที่ใครๆแข่งขันแย่งกันเข้า แล้วมันก็แค่นั้น คนเราไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง น้ำไม่ไหล ไฟไม่มีจะตัดเสื้อผ้าสวยๆสักตัวก็ต้องเอาอกเอาใจช่างทุกสาขา คนดีคนเก่งในแต่ละส่วนแต่ละแขนงนั่นทำให้สังคมเจริญต่อไปได้ ไม่มากระจุกอยู่ที่ไม่กี่อาชีพ
เย็นขอแค่ให้ลูกหลานได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ อย่างมีความสุข เลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวได้ไม่เป็นภาระสังคม เป็นคนดีช่วยเหลือแบ่งปันคนอื่นตามสภาพบ้าง นั่นก็พอแล้ว ( แต่ไอเดียนี้ ก็ไม่เห็นพ่อแม่คนไหนเห็นด้วย ส่วนใหญ่ไม่อาจต้านทาน ต้องจัดไปให้ถูกใจตามความอยากของพ่อแม่ค่ะ ) สรุปว่าเดินสายกลางดีที่สุด ประนีประนอมไม่สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง น่าจะดี บางทีชีวิตคนคนนึงต้องผ่านการเรียนรู้และเข้าใจอารมณ์ การถูกปกป้องไม่ให้กระทบกระเทือนมากเกินไป ก็จะเสียโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเสีย ต้องมีการได้เสมอ อย่างน้อยมีการเติบโตของจิตวิญญาณค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:18:02:15 น.  

 
ผมว่าการศึกษาไทยมันมืดบอดจริงๆ แหละครับ จนถึงวันนี้เรายังพูดเรื่อง ทรงผมอยู่เลย ครูยังไม่รู้หน้าที่อยู่เลย เอาแต่จะตัดผมเด็ก ทั้งที่ครูกำลังละเมิดกฎระเบียบในการลงโทษอยู่แท้ๆ

ครูเอาแต่บ่นว่านักเรียนไม่ตั้งใจเรียนทั้งที่ตัวเองเอาแต่ถ่ายคลิปติ๊กตอก สร้างคอนเท้นต์ไปเรื่อยๆ เพื่อสนองความใคร่ และยอดวิว ทำไปเพื่อ? นี่คุณกำลังทุจริตเบียดบังเอาเวลาราชการมาใช้ในทางนี้อยู่นะเออ เด็กมันเลียนแบบใคร ก็เลียนแบบครูนี่แหละ

ครูดีๆ ก็มี แต่น่าเสียดายครูไม่ดีมันเยอะกว่า


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:21:39:20 น.  

 
ผมทันเอนทรานซ์เหมือนกันครับ สมัยนั้นเรียน ๆ ท่อง ๆ อย่างเดียวจริง ๆ ครับ เพิ่งมารู้ว่าวิชาที่เรียนมาอย่างหนักได้ใข้ก็ตอนทำงานแล้วนี่หละครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:23:13:42 น.  

 
พ่อกับแม่ผม ไม่เคยถามเรียนอะไร อยากเป็นอะไร ไม่เคยบังคับ
ใครอยากเรียน ป.ตรี ก็ส่งให้เรียนจนจบ จะทำงานอะไร ก็ตามใจ
(น้องสาวเรียนจบป.ตรี มหาวิทยาลัยเอกชน )
ผมเลือกเรียนวิชาชีพ ที่จบแล้วได้งานทำเลย ไม่ต้องเดินเตะฝุ่น
ไม่เคยเรียนกวดวิชา แต่ชอบซื้อหนังสือเตรียมสอบมาลองทำข้อสอบ
อนาคตของเด็กรุ่นใหม่ถูกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตัดตอนจนเงียบหายไป




โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 11 มกราคม 2567 เวลา:23:19:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 393 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]