:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - สตีฟ จ็อบส์ ::
:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - สตีฟ จ็อบส์ ::
ผู้เขียน : Walter Isaacson
ผู้แปล : ณงลักษณ์ จารุวัฒน์ และ คณะ
หนังสืออัตชีวประวัติของสตีฟ จ็อบส์ เทพเจ้าของเหล่าสาวก Apple ความหนาของหนังสือเกือบ 700 หน้า ทำให้ได้ค้นพบด้านมุมที่เราไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับตัวตนของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งหลงใหลในการทำงานมากชนิดคลั่งไคล้และบ้างาน ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอาจไม่ได้เป็นเจ้านายที่ดีของลูกน้อง ไม่ได้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และไม่ได้เป็นสามีที่ดีที่สุดของภรรยา รวมถึงอาจไม่ได้เป็นพ่อที่ดีอย่างที่ควรจะเป็นของลูกๆเลย
เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่สตีฟ จ็อบส์อยากบอกเล่า ให้คนที่เขารักและคนที่เกลียดเขาได้อ่าน หลังจากที่เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว
สตีฟ จ็อบส์ในความรู้สึกของผม คือ อัจฉริยะที่น่าสงสาร เป็นคนสุดขั้วในการใช้ชีวิต และเป็นคนที่ความรู้สึกด้านในไม่สมดุล
เงื่อนปมในวัยเด็กที่เขาเล่าไว้ในหนังสือ เช่น การเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก ส่งผลสะเทือนต่อวิธีคิดและบุคลิกภาพในตอนโตมากมายมหาศาล ศิลปะ ศาสนา ความเชื่อและเซน ส่งผลอย่างลึกซึ้งต่องานออกแบบและการใช้ชีวิตประจำวัน การกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวัยหนุ่ม สร้างอัตตาขนาดมหึมา รวมถึงความเชื่อมั่นอันเกินขอบเขต จนวันที่ต้องล้มเหลวและสูญเสียธุรกิจที่ตนเองสร้างมากับมือให้กับคนอื่น เขาจึงได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต และจิตของผู้เริ่มต้นในทรรศนะคำสอนนิกายเซน ก็ทำให้เขากลับมาสู่เส้นทางแห่งความยิ่งใหญ่ในโลกธุรกิจได้อีกครั้ง
ตัวตนที่ฉุนเฉียว รุนแรง เจ้าเล่ห์ มุ่งมั่น ตั้งใจ พร้อมที่จะปะทะความคิดกับทุกๆคน ยึดมั่นในสิ่งที่ตนเองคิด คาดเค้นและรีดพลังความคิดจนหยาดสุดท้าย เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ
นี่คือ สิ่งที่สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับโลกธุรกิจของเขา นี่คือคนที่สร้างความแตกต่างในเกิดขึ้นกับโลกของเรา
สนามความจริงที่ถูกบิดเบือน
เป็นคำที่สื่อแสดงตัวตนของจ็อบส์ได้ดีที่สุด ใครที่หลงเข้าไปในวิธีคิดของจ็อบส์ จะถูกปรับเปลี่ยนให้คิด ให้ต้องเชื่อ ให้ต้องทำตามทุกสิ่งที่เขาต้องการ
วิธีตั้งคำถามของเขาน่าสนใจ จ็อบส์ไม่ถามว่าจะคงอะไรไว้ แต่ถามว่าจะตัดอะไรออกบ้าง เพื่อให้เหลือสิ่งที่ต้องการจริงๆ เขาคิดและทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดการใช้งานที่ง่ายที่สุด ผ่านการออกแบบที่เรียบง่ายที่สุดแต่ใช้งานได้จริงอย่างสมบูรณแบบที่สุด
คนเก่ง คนบ้า และอัจฉริยะ มีเส้นแบ่งบางๆแทบมองไม่เห็น
และทุกสิ่งที่เขาคิด พูด ทำในวันก่อน จะส่งผลสะเทือนลึกล้ำยาวนานบนโลกใบนี้ ไปอีกนานแสนนาน
{ ประโยคที่ผมชอบมากจากหนังสือเล่มนี้ }
คนที่บ้าพอที่จะคิดว่าตัวเองพลิกโลกได้ คือ คนที่ทำได้จริงๆ
ข้อความจากหนังโฆษณา ชุด Think Differrent ของ Apple ปี 1997
วิธีที่ดีที่สุดในการคาดการณ์อนาคต คือสร้างอนาคตนั้นขึ้นมาเอง
การเดินทาง คือ รางวัลอันยิ่งใหญ่
ภาษิตฮินดูกล่าวว่า 30 ปีแรกของชีวิตเป็นเวลาแห่งการสร้างสมนิสัย 30 ปีสุดท้ายในชีวิต เป็นเวลาที่นิสัยสร้างความเป็นตัวคุณ
การตัดสินใจ ไม่ทำอะไร มีความสำคัญ พอๆกับการตัดสินใจว่าจะทำอะไร เรื่องนี้จริงทั้งในระดับกลยุทธ์บริษัท และในระดับผลิตภัณฑ์ด้วย
บางคนอาจจะบอกว่า ก็ให้สิ่งที่ลูกค้าต้องการไปก็หมดเรื่อง แต่นั่นไม่ใช่วิธีทำงานแบบของผม หน้าที่ของเรา คือ คิดให้ออกว่าลูกค้าอยากได้อะไร ก่อนที่เขาจะทันรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ผมคิดว่าเฮนรี่ ฟอร์ดเคยพูดไว้ว่า ถ้าผมถามลูกค้าว่าอยากได้อะไร รับรองว่าคำตอบที่ได้คือ อยากได้ม้าที่วิ่งเร็วขึ้น ! คนส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไร จนกว่าเราจะโชว์ให้เขาเห็น และนั่นคือสาเหตุที่ผมไม่เคยสนใจเรื่องผลวิจัยการตลาด ภารกิจของเรา คือ อ่านสิ่งที่ยังไม่ได้ถูกเขียนลงบนกระดาษ
อะไรคือแรงขับดันของผมน่ะเหรอ ผมคิดว่าคนที่หัวคิดสร้างสรรค์ส่วนใหญ่ อยากแสดงความชื่นชมที่ได้มีโอกาสต่อยอดงานที่คนอื่นได้ทำไว้ก่อนหน้า ผมไม่ได้ประดิษฐ์คิดค้นภาษา หรือวิชาคณิตศาสตร์ที่ผมใช้ ผมไม่ค่อยได้ทำอาหารกินเอง หรือเย็บเสื้อผ้าใส่เอง แต่ทุกอย่างที่ผมทำ อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่คนอื่นได้สร้างไว้ และยืนบนบ่าของคนอีกหลายคน พวกเราหลายคนอยากมีโอกาสสร้างประโยชน์เพื่อเผ่าพันธุ์ของเรา และเพิ่มเติมอะไรบางอย่างจากที่มีอยู่เดิม เป็นความพยายามแสดงออกในสิ่งที่พวกเราส่วนใหญ่รู้และสามารถทำได้ เพราะเราร้องเพลงอย่างบ็อบ ดีแลนไม่ได้ และเขียนบทละครได้ไม่เก่งเหมือนทอม สต็อปพาร์ด เราพยายามใช้พรสวรรค์และความสามารถที่มีอยู่ เพื่อแสดงความรู้สึกเบื้องลึกของเรา เพื่อแสดงความชื่นชมต่อสิ่งที่มีคนสร้างสรรค์ไว้ให้เราก่อนหน้านี้ และเพิ่มเติมอะไรบางอย่างจากที่มีอยู่เดิม และนั่นคือพลังที่ขับเคลื่อนตัวผม
สตีฟก็เหมือนคนสำคัญอีกหลายคนที่มีพรสวรรค์พิเศษนั่นแหละ เขาไม่ได้วิเศษไปเสียทั้งหมด เขาไม่มีมารยาททางสังคม ไม่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่เขาเป็นคนแคร์และอยากผลักดันให้ใครๆทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ และหยิบยื่นเครื่องมือที่ถูกต้องไว้ในมือของคนเหล่านั้น
: พาวเวลล์ (ภรรยาของจ๊อบส์)
ผมอยากเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเราที่เหลืออยู่ หลังจากที่เราตายไปแล้ว มันแปลกที่จะคิดว่าเราสั่งสมประสบการณ์มาตลอดชีวิตขนาดนี้ อาจมีภูมิปัญญามากขึ้นอีกหน่อย แล้วพอตาย ทุกอย่างก็หายไป ผมอยากเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างหลงเหลืออยู่ สิ่งที่เหลืออยู่และคงทนต่อไป อาจเป็นสำนึกของเราเองก็ได้
จ็อบส์นิ่งไปนานมาก ก่อนจะพูดต่อว่า
บางทีมันอาจเหมือนสวิตช์เปิด-ปิดก็ได้ คลิก ! แล้วคุณก็หายไปเลย
เขาเว้นวรรคหนึ่งจังหวะ แล้วยิ้มบางๆ
คงเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง ผมถึงไม่ยอมเอาสวิตช์เปิด-ปิดมาใส่ไว้ในอุปกรณ์ของ Apple เลย
Create Date : 29 เมษายน 2556 |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2558 18:02:30 น. |
|
47 comments
|
Counter : 1512 Pageviews. |
|
|
|
|
พี่เล็งๆ จะซื้อหนังสือเล่มนี้ ให้เครดิตคุณสุทธิชัย หยุ่นแนะนำ แต่ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที คงต้องไปเอาแน่ค่ะ