'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

~ กลรุกเกมรัก /The Mean War...เธอยอมก่อนได้ไหม...? โดย 'อัยย์เนญ่า' ~





กลรุกเกมรัก /The Mean War
ผู้เขียน : อัยย์เนญ่า
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(พ.ย. ๕๖)
๓๖๗ หน้า ราคา ๒๘๕ บาท



สั้น ๆ จากปกหลัง :


............

ขึ้นชื่อว่า...ผู้ชาย...เธอให้คำขยายว่า...ไว้ใจยาก...
ยิ่งเป็นเพลย์บอยที่คารมกินขาด เสน่ห์ร้ายกาจ เจ้าเล่ห์เพทุบายครบสูตร
งานนี้ขอถอยกรูดดีกว่า ทว่าโชคไม่ดีเสียเลยที่ความรู้สึกดันสวนทางกับความคิด
หนีใจตนมันใช่เรื่องง่ายเสียที่ไหน

ขึ้นชื่อว่า...ผู้หญิง...เขาให้คำขยายว่า...หอมหวาน...
จะน้ำผึ้ง น้ำตาล หรือต่อให้เปรี้ยวเป็นมะนาว ก็ยังจัดว่าเข้าที
แต่โชคไม่ดีเลย ดันเจอ ‘บอระเพ็ด’ เข้าเสียนี่!
ขมปี๋ผิดจริต แต่ผิดไหมที่ถูกใจ จะให้โยนทิ้งไปงั้นหรือ?
ตอบได้ทันทีว่า...ไม่มีทาง!







หลังอ่าน...
เล่มนี้เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่อง(ไม่เชิงว่าเป็นภาคต่อ เพียงแต่ตัวละครในเรื่องมีความสัมพันธ์กันเท่านั้น)
กับนิยายเล่มก่อนหน้าของผู้เขียนอย่าง'วิกฤตรักนักวางแผน' ที่จขบ.เคยติดอกติดใจนักหนามาก่อน

เมื่อได้เล่มนี้มาจึงอ่านด้วยความคาดหวังเต็มที่...
(ไม่บอกว่าผิดหวังหรือสมหวัง ฮ่า...)

เล่าเรื่องย่อแบบยาว ๆ ดีกว่า

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักของ ดิษพงศ์ จีเอ็มหนุ่มหล่อร้าย คุณชายเล็กแห่งตระกูลนฤมาส(ลูกพี่ลูกน้องของภาสพัทธ์แห่ง'วิกฤตรักนักวางแผน' )
ผู้หวงแหนชีวิตโสดเสียจนทำตัวลอยชาย จนใคร ๆ ต่างให้ฉายาว่า"ผู้ชายสายลม"

กับ บุศรัณย์ สาวมาดแมน ลูกสาวแม่บ้านแห่งบ้านเทพธารา(บ้านของภาสพัทธ์นั่นเอง)
เจ้าของร้านอาหารช่อมะลิบาร์

ทั้งคู่จึงรู้จักและค่อนข้างคุ้นเคยกันมาแต่เล็กแต่น้อย
แต่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาตกหลุมรักซึ่งกันและกัน
เพราะทั้งสถานะทางสังคม ทั้งไลฟสไตล์ ตลอดถึงอุปนิสัยใจคอของทั้งคู่ช่างแตกต่างกัน
ชนิดที่แทบจะเรียกว่า...สุดขั้วเลยทีเดียว...ถึงขั้นที่บุศรัณย์ต้องออกปากว่า...

"...ผู้ชายเจ้าสำอางกับผู้หญิงมาดเซอร์ติดดิน เดินด้วยกันแต่ละที
คนเขาจะพานหัวร่อว่ากามเทพช่างเข้าใจครีเอท ให้เกย์ควีนกับทอมมาเดตกัน!"


แต่อย่างไรก็ดี พวกเขาก็ทดลองคบกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว(จากตอนปลาย ๆ เรื่องวิกฤตรักฯ)
แต่ก็ภายใต้เงื่อนไขที่ต่างฝ่ายต่างยื่นให้กัน...

ดิษพงศ์คาดหวังให้บุศรัณย์เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขา...

แค่ลุกขึ้นมาแปลงโฉม ข้ออ้างความไม่เหมาะสมล้านแปดประการก็จะหมดไป...

ในขณะที่บุศรัณย์ก็มีกฏข้อบังคับสำหรับเขาเช่นกัน...

งั้นคุณก็หันหลังให้ผู้หญิงอื่น แล้วหยุดที่ฉันให้ได้สิ!

แต่มันไม่ง่ายเพียงนั้น...
ดิษพงศ์เป็นหนุ่มรักสนุก
เขารู้ว่าความรักนั้นงดงามอ่อนหวาน เขาจึงชอบที่จะมีมัน...ไปเรื่อย ๆ
บุศรัณย์ไม่ใช่สเป้กของเขามาแต่ต้น เขาไม่สามารถแสดงความรักอย่างเปิดเผย
หรือยอมรับกับเพื่อน ๆ ในวงสังคมของเขาได้ว่า...เขาชอบสาวมาดแมนอย่างเธอ

บุศรัณย์เองก็มีปมบ้านแตก เพราะพ่อทิ้งแม่ไปอยู่กับเมียน้อย เพราะฝ่ายนั้นเกิดท้องขึ้นมา...
ตัวอย่างมีให้เห็นตำตาตำใจทำให้เธอขาดความเชื่อมั่นในความรักความสัมพันธ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...จากผู้ชายสายลมอย่างดิษพงศ์

ในขณะที่เธอพยายามถอยห่าง เขากลับพยายามรุกไล่...
ร้อนถึงกองเชียร์รอบข้างต่างคอยลุ้น ว่าใครจะเพลียงพล้ำก่อนกัน

แต่แล้ว...ในช่วงเวลานั้นเอง ก็เกิดมีมือที่สาม ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน
หากแต่เป็นณาริน-น้องสาวนอกไส้ของบุศรัณย์นั่นเองแทรกเข้ามาระหว่างกลาง
บุศรัณย์บังเอิญได้ยินแม่เลี้ยงสอนให้ณารินจับดิษพงศ์ให้ได้ เหมือนกับที่หล่อนเคยจับชาตรี พ่อของเธอสำเร็จมาแล้ว...
บุศรัณย์รู้สึกเป็นห่วงว่า ผู้ชายเจ้าชู้อย่างดิษพงศ์อาจจะพลาดท่าเสียทีณารินได้ง่าย ๆ
จึงตัดสินใจยอมปรับโฉม ปฏิรูปตัวเอง กลายเป็นสาวที่ไม่เหลือมาดแมนอีกต่อไป...
สมใจดิษพงศ์ !

ทว่า...แม้ปัญหาจากมือที่สามจะคลี่คลายไปได้ระดับหนึ่ง
บทพิสูจน์รักแท้ของทั้งคู่ยังไม่จบลงแค่นั้น เมื่อมีมือที่สี่ที่ห้าโผล่ขึ้นมาท้าทายพวกเขาอีก

ซึ่งคราวนี้มันหนักหนาสาหัสสากรรจ์กว่านางร้ายน้ำเน่าอย่างณารินหลายเท่าตัวนัก
เพราะมาในรูปของแฟนเก่าที่แสนดีอย่างรติรส(ที่ตอนนี้เป็นทั้งเพื่อนทั้งกิ๊กของดิษพงศ์)
กับเด็กน้อยแสนจะน่ารักอย่างน้องดรีม...ที่เหตุปัจจัยหลายอย่างชี้ชัดว่าเจ้าหล่อนเป็นสายเลือดของเขา

.............

โอ๊ะโอ...เช่นนี้แล้ว เกมรักของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร ต้องตามไปลุ้นกันในนิยายแล้วล่ะค่ะ

................





ก็ชอบนะคะ อ่านสนุก สำนวนภาษาคนเขียนยังคงลื่นไหลคงเส้นคงวา...
พล็อตยุ่ง ๆ อีนุงตุงนังดี การสร้างสรรค์ตัวละครก็โอเค

ชอบนางเอกแบบบุศรัณย์ค่ะ เธอเท่ดี สมกับฉายาสาวมาดแมน
พระเอกอย่างดิษพงศ์ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนัก แม้จะถูกให้ภาพว่าเป็นหนุ่มเพลย์บอย เจ้าชู้ เจ้าสำอาง
แต่ก็มีมุมดี ๆ ที่น่าชื่นชมอยู่ไม่น้อย อย่างการที่เขาไม่ทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด เมื่อถูกณารินยั่วยวน

หรือการยอมตัดใจจากบุศรัณย์เพื่อรับผิดชอบรติรสกับลูกสาว...

แถมพระรองอย่างหนุ่มเจค เชฟหนุ่มลูกครึ่งที่ถูกส่งตัวมาเข้าใกล้บุศรัณย์
เพื่อเร่งปฏิกิริยาของดิษพงศ์นั่นก็มีเสน่ห์ดึงดูดไม่เลว...น่าจับมาเป็นพระเอกได้อีกสักเรื่อง

และถึงแม้ตัวร้ายอย่างณารินกับแม่...จะอ่านแล้วออกแนวละครหลังข่าวมากไปหน่อย
หรือตัวแทรกอย่างรติรสกับลูกสาวนั่นจะให้ความรู้สึก
เหมือนกับเห็นพวกเธอเดินออกมาจากซีรีส์เกาหลียังไงยังงั้น...ก็ตามที
ก็ยังรู้สึกว่าคนเขียนเค้าสามารถอะ...
สามารถแยกเฉดสีสันและระดับของแต่ละคนได้ชัดเจนดี
ประมาณว่าไฮโซก็ร้ายแบบไฮโซ...โลว์คลาสก็กรี๊ดกร๊าดน้ำเน่าแบบโลว์ ๆ ไป แหะ ๆ

สรุปว่าชอบนั่นแหละค่ะ

แต่...หากให้เทียบความรู้สึกหลังอ่านเรื่องนี้กับเรื่องก่อน(วิกฤตรักฯ)แล้วล่ะก็...
ต้องยอมรับว่าชอบเล่มนี้น้อยกว่า...จึ๋งหนึ่ง
อาจจะเป็นเพราะว่า ตอนที่อ่านเรื่องนั้นเราไม่ได้ตั้งความคาดหวังอะไรไว้
เพราะเป็นนามปากกาใหม่สุด ๆ สำหรับคนอ่านคนนี้
สิ่งที่ได้รับและสัมผัสได้จากการอ่านจึงเป็นความสด ความใหม่ ของมุกของแก๊ก...
อะไรก็ตามที่ปรากฏในเรื่อง มันลื่นไหล พรายพรูเป็นธรรมชาติไปหมด...

มาถึงเล่มนี้...อย่างที่บอกตอนต้นว่า อ่านด้วยความคาดหวัง...
(มันช่วยไม่ได้จริง ๆ นะคะ เจ้าความคาดหวังนี่สำหรับนิยายจากนักเขียนที่เราเคยอ่านเล่มอื่นแล้วสนุกมาก ๆ มาก่อน)
มาเจอมุกประดิษฐ์ แก๊กพยายามเข้า ทำเอาความรู้สึกกร่อยลงนิด ๆ
หลายจุดหลายมุมมันขาดเสน่ห์ดึงดูด ไม่เร้าใจและไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควรน่ะค่ะ


แต่ก็นิด ๆ จริง ๆ นะคะ
โดยรวมก็ถือว่าเป็นนิยายรักร่วมสมัยที่อ่านได้อ่านดีเล่มหนึ่ง
นามปากกานี้ก็ยังคงอยู่ในลิสต์นักเขียนที่จะติดตามผลงานต่อไปค่ะ

สำหรับโรแมนติก กึ่ง ๆ คอเมดี้เล่มนี้เพิ่งอ่านจบไปใหม่หมาดเลยหยิบมาเล่าต่อ ชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ












 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2557 21:59:43 น.
Counter : 3435 Pageviews.  

~ แดนสรวง (ภ่าคต่อจาก"คารีนาส...ฟากฟ้าแดนใจ") โดย "วินนา" ~





แดนสรวง (ภ่าคต่อจาก"คารีนาส...ฟากฟ้าแดนใจ")
ผู้เขียน :วินนา
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(พ.ย. ๕๖)
๓๑๕ หน้า ราคา ๒๔๕ บาท

เรื่องย่อ ๆ (จากปกหลัง)


เมื่อความรักแปรเปลี่ยนเป็นริษยา ศึกสายเลือดจึงปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากเหตุการณ์ช่วงชิงอำนาจของตระกูลคารีริสสงบลงเป็นเวลากว่าสิบปี
'เจตัส' ท่านผู้นำสูงสุดแห่งคารีนาสสูญเสียภรรยาไปกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น
จนบัดนี้ก็ยังไร้เงาหญิงใดเคียงคู่ แม้จะมีนางเล็กๆ ลับๆ อยู่บ้าง
แต่ก็ไม่มีใครสามารถครอบครองหัวใจของเขาได้
บรรดาสาวๆ ในตระกูลชั้นสูงจึงต่างหมายใจจะได้ครองหัวใจท่านผู้นำรูปงาม
เพื่อจะได้มีอำนาจในฐานะสตรีหมายเลขหนึ่ง
แต่แล้วท่ามกลางการชิงรักหักสวาท โดยมีอำนาจทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
เจตัสกลับรับ 'เฮลลี' เด็กสาวผู้มีดวงตาสุกสกาวราวกับแสงดาว
ช่างพูดช่างเจรจา และเฉลียวฉลาด ขึ้นมาเป็นนางเล็กๆ แถมยังโปรดปรานนางเป็นพิเศษอีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือที่เหล่าสาวงามในตระกูลชั้่นสูงและนางลับๆ คนอื่นจะพอใจ
สถานการณ์ความรักที่ไม่เข้าใครออกใครพร้อมกับไฟริษยา
จึงนำไปสู่เหตุการณ์วุ่นวายตามมา

ระหว่างความรักที่มีอำนาจสั่นคลอนหัวใจรุนแรง กับคลื่นใต้น้ำทางการเมืองที่เริ่มถาโถม
เจตัสจะจัดการอย่างไร ต้องติดตาม






ความู้สึกหลังอ่าน...

"แดนสรวง" เป็นจินตนิยายที่ใช้ดินแดนสมมติ...คารีนาส...เป็นฉากของเรื่อง
ซึ่งนับว่าเป็นแนวที่ส่วนตัวจะชื่นชอบเป็นพิเศษ
แถมด้วยนามปากกานี้เคยผ่านตามาแล้ว ๑ เรื่อง('เติมใจในช่องว่าง') ก็ออกจะชื่นชมในฝีไม้ลายมืออยู่
จึงเลือกที่จะหยิบมาอ่านก่อนโดยไม่ลังเล พร้อมกับแอบคาดหวังนิด ๆ

แต่ก็ต้องชะงัก งันไปหนึ่งวิกับหน้าปกที่ระบุว่า...นิยายเรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก 'คารีนาส...ฟากฟ้าแดนใจ'
เกิดสงสัยว่า เอ๋...แล้วจะอ่านรู้เรื่องไหมนี่ เพราะเราไม่ได้อ่านคารีนาสฯ มาก่อน
เข้าไปหาข้อมูลเรื่องนั้นจากเว็บสำนักพิมพ์ พบว่าเป็นนิยายเข้ารอบสุดท้ายรางวัลนายอินทร์อวอร์ดตั้งแต่ปี '๕๑ นู่นแน่ะ
คิดว่า...ป่านนี้แล้วคงจะหาอ่านยากแล้วล่ะ
ก็เลยได้แต่หวังว่าผู้เขียนคงจะไม่ได้ท้าวความหรืออ้างอิงถึงเรื่องราวในภาคแรกนั้นมากนัก...
(ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะคำว่า"เข้ารอบสุดท้ายรางวัลนายอินทร์อวอร์ด" น่าจะเป็นอะไรที่การันตีความน่าอ่านของนิยายเล่มนั้น ๆ อยู่ไม่น้อยทีเดียว)

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ลดเลเวลความคาดหวังลงระดับหนึ่ง ก่อนจะเริ่มต้นอ่าน

ก็อ่านได้เพลิน ๆ ค่ะ ไม่ถึงกับผิดหวังมากมาย(แต่ก็ไม่สมหวังเช่นกัน)...
น่าจะเรียกว่าผิดคาดมากกว่า ผิดคาดเพราะเมื่ออ่านจากปกหลังแล้ว...
คาดว่าน่าจะได้อ่านเรื่องราวเรื่องของการแย่งชิงอำนาจการปกครองที่เข้มข้น เครียดเคร่ง
ควบคู่ไปกับการชิงรักหักสวาทฟาดฟันเชือดเฉือน...ประมาณนั้น
(ก็ดูจากปกหลังมันชวนให้คิดไปเช่นนั้นนี่นะ)

แต่ปรากฏว่าพออ่านเข้าจริง กลับรู้สึกว่า นี่ก็เป็นนิยายรักเบาๆ อีกเล่มหนึ่ง
ที่ออกแนวโรแมนติก กุ๊กกิ๊ก พ่อแง่แม่งอนไปเสียมากกว่า
โดยเฉพาะในส่วนของคู่รอง ที่มีบทบาทเด่นกว่าคู่เอก
(ที่...กระทั่งอ่านจนจบแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่า ตกลงคู่ไหนเป็นคู่เอกกันแน่เนี่ย...)






เป็นนิยายรักโรแมนติกชวนฝันที่มีพล็อตเก่า ๆ เดิม ๆ เรียบ ๆ ง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน

พระเอก"เจตัส"เป็นผู้นำสูงสุดของคารีนาส...ดินแดนสมมติที่มีวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี
และวัฒนธรรมเป็นของตัวเองเหมือนดินแดนอิสระทั่วไป...
เขาเคยมีภริยาที่เป็นสตรีหมายเลขหนึ่งแต่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน(น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องคารีนาสฯ)
เขาส่งลูกชายคนโต(ที่จะเป็นทายาทโดยตรงของเขา)ให้ไปอยู่กับน้องชายคนเล็กที่เมืองไทย
ส่วนที่คารีนาส เขาก็มีลูกชายอีกหนึ่งคนคือโยดี้ เด็กชายขาพิการที่เกิดจากยีน่า
หญิงสาวผู้ทะเยอทะยานที่พยายามรบเร้าให้เจตัสเปลี่ยนกฏเกณฑ์การแต่งตั้งสตรีหมายเลขหนึ่ง
แต่เจตัสไม่ยอมทำตาม เพราะสำหรับเขา ยีน่าก็เป็นได้แค่แม่ของลูกคนหนึ่ง
ที่เขาเผลอไผลไปมีความสัมพันธ์ด้วย

ส่วนนางเอก"เฮลลี" เป็นสาวน้อยใสซื่อแต่เฉลียวฉลาด หลานสาวของหัวหน้าแม่บ้านประจำ'เรือนประธาน'
ที่เมื่อเจตัสได้แลเห็นเจ้าหล่อนเข้าก็เกิดความพึงใจในความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา จึงเอ่ยปากขอหล่อนจากยาย
ก่อให้เกิดเป็นความริษยาและความสั่นคลอนในฐานะของตนเองขึ้นในใจของยีน่า...

เรื่องราวความรักของคู่พระ-นางในนิยายจึงไม่ใช่ความรักที่หวือหวามากนัก
เพราะเป็นรักต่างวัย ต่างชนชั้นฐานันดร
แต่ถึงกระนั้นก็มีเลิฟซีนให้เคลิบเคลิ้ม วูบไหวอยู่พอสมควร
จุดนี้ชอบค่ะ คนเขียนเค้าใช้สำนวนภาษาได้สละสลวย นุ่มนวลดี
คนอ่านอ่านแล้วอินในอารมณ์ความู้สึกทั้งของพระเอก-นางเอกเลยทีเดียว

ส่วนฉากรักกุ๊กกิ๊กตระแหน่แง่งอนตกไปเป็นหน้าที่ของคู่รองอย่างตีต้ากับวารัม
ที่มีอุปสรรครักนิดหน่อย เพราะตีต้าเป็นน้องสาวของอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งผู้ล่วงลับ
ซึ่งแม่ของเธอหมายมาดให้เธอก้าวขึ้นสวมตำแหน่งเดียวกับพี่สาว...
ในขณะที่ตีต้าเป็นผู้หญิงทีมีหัวสมัยใหม่ ไม่นิยมการที่ผู้ชายจะสามารถมีเมียได้ทีละหลาย ๆ คน
(ตามค่านิยมของผู้คนในดินแดนแห่งนี้)
และเธอก็ไม่เคยคิดถึงอดีตพี่เขยในเชิงขู้สาวเลย

ก็น่ารักดีอ่ะ แต่อ่าน ๆ ไปต้องบอกว่า...จะแย่งซีนคู่เอกเขาไปถึงไหน





ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะเป็นจินตนิยายที่สร้างดินแดนสมมติขึ้นมา
แต่คนเขียนเค้าก็ไม่ทิ้งประเด็นถนัดของเขา นั่นคือเรื่องราวของความรักความอบอุ่น
กับความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องราวของการเลี้ยงดูสั่งสอนเด็ก

ในเรื่องจะมีตัวละครเด็ก ๆ ค่อนข้างเยอะ และแต่ละคนก็มีบทบาทโดดเด่น
ส่งผลในการดำเนินเรื่องให้ลื่นไหลสอดคล้อง เป็นทั้งตัวช่วยประสานและคลี่คลายปมในใจของผู้ใหญ่ในเรื่อง
เป็นอีกจุดที่ชอบและชื่นชมคนเขียนค่ะ

อีกจุดที่ชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นการสร้างสรรค์ดินแดนสมมติที่สมจริง
การบรรยายถึงสภาพทางภูมิประเทศและบรรยากาศโดยรอบ ตลอดถึงศิลปะ ภาษาและวัฒนธรรมประเพณี
ทำให้คนอ่านร่วมจินตนาการตามแล้ว เกิดอารมณ์คล้อยตามจนอยากจะไปเยือนดินแดนแห่งนี้สักครั้ง...
(ทำให้นึกไปถึงช่วงหนึ่งที่เคยหลงใหลนิยายชุดธิโมส์ของคุณ"ดวงตะวัน"จนอยากไปเที่ยวแผ่นดินแสงดาว...
อารมณ์ประมาณนั้นเลยค่ะ)

อ้อ...ส่วนที่เคยเกร็ง ๆ เล็กน้อยก่อนอ่านว่าเมื่อไม่ได้อ่านภาคแรก(คารีนาส...ฟากฟ้าแดนใจ) จะอ่านเล่มนี้รู้เรื่องหรือไม่นั้น
ปรากฏว่าก็อ่านจนจบได้รื่นรมย์สมอุรา ไม่มีปัญหาตรงนั้นเลยค่ะ
(แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกอยากจะไปตามหาเล่มนั้นมาอ่านหรอกนะคะ ก็รู้เรื่องราวหมดแล้วจากเล่มนี้)

จะมีจุดขัดใจก็นิดหน่อยตรงที่รู้สึกว่านิยายจบห้วนไปหน่อยไหมอะ
ไม่ทันจิ้นทันฟินอะไรทั้งนั้น อ้าว... ตัดจบเสียแล้ว...
มันให้ความรู้สึกค้าง ๆ คา ๆ ชอบก๊ล
ถ้ามีฉากหวาน ๆ ระหว่างพระเอกนางเอกมากกว่านี้อีกสักนิดหนึ่งจะเป๊ะมากเลยค่ะ หุหุ

สรุปว่า...อ่านจบแล้วชอบในระดับหนึ่ง
สำหรับนิยายจากนักเขียนนามใหม่ ๆ อ่านได้เพลิน ๆ ที่หยิบมาชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ













 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2557 11:15:51 น.
Counter : 3493 Pageviews.  

~ Cassette ...ท่วงทำนองในรอยรัก :นิยายรัก แนวถวิลหาอดีตโดย"ปองวุฒิ" ~





Cassette ...ท่วงทำนองในรอยรัก
ผู้เขียน ปองวุฒิ
ผู้พิมพ์ สนพ.อรุณ(ก.ย. '๕๖)
๒๕๓ หน้า ราคา ๑๙๙ บาท


เรื่องย่อ ๆ (จากปกหลัง)


'ญาดา' นักเขียนสาวผู้เปี่ยมความสามารถเดินทางกลับมาบ้านย่านเมืองเก่า
เพื่อดูแลพ่อผู้เจ็บป่วย หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับแม่นานถึงสิบสามปี
แต่มีสิ่งอื่นรอเธออยู่ด้วย นั่นคือสายลมหวนในความสัมพันธ์เก่าที่มีกับกุญช์
หนุ่มนักแต่งเพลงข้างบ้านที่เติบโตและเป็นเพื่อนสนิทเคียงข้างกันตั้งแต่เด็ก
ทั้งสองรื้อฟื้นความทรงจำผ่านสื่อกลางอย่างบทเพลงจากเทปคาสเส็ตต์นับพันที่กุญช์สะสมเอาไว้
ย้อนรำลึกความหลังที่เคยมีร่วมกันในช่วงเวลาไร้เดียงสาขณะเป็นเด็กวัยรุ่นยุค ๘๐-๙๐


'กุญช์' พยายามเริ่มบทใหม่แห่งความรัก โดยใช้เรื่องราวประทับใจในอดีต
ที่เคยมีร่วมกันเพื่อปลุกถ่านไฟเก่า
แต่สำหรับญาดาแล้วบทเพลงในวันเก่าไม่ได้มีเพียงแค่ความสุข
แต่มาพร้อมความเศร้า ความสูญเสีย โดยเฉพาะยามคิดถึงจุดเปลี่ยนแห่งชีวิตที่ทำให้ทั้งสองลาจาก
สุดท้ายแล้วท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างของยุคสมัย
ห้วงเวลาทั้งอดีตกับอนาคตของคนทั้งคู่จะสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
และก้าวเดินไปพร้อมกันอีกครั้งหรือไม่

ขอเชิญรวมลุ้นไปพร้อมกัน อัลบั้มเพลงนี้จะจบลงอย่างไร
เมื่อบทเพลงดำเนินมาถึงแทร็คสุดท้าย






หลังอ่าน...
เป็นนิยายรักแนวใหม่ที่อิงอาศัยแกนเรื่องกับพล็อตแบบเก่า ที่อ่านแล้วให้อารมณ์เหงา ๆ
ร่วมไปกับบรรยากาศแห่งการรำลึกความหลังและโหยหาอดีต

โดยผู้เขียนใช้วิธีดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างเรียบง่ายแต่ก็สร้างสรรค์ในที
ด้วยสำนวนภาษาที่เรียบลื่น อ่อนเอื่อยแบบ...เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ
ผ่านร่องรอยแห่งอดีตแกับกระแสความทรงจำของพระเอก-นางเอก
ที่ผู้อ่านสามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครผ่านบทเพลงรักร่วมสมัยหลากหลายเพลง
ที่ผู้เขียนนำมาสอดร้อยให้เข้ากับเนื้อหาในแต่ละบทแต่ละตอน...

ซึงบทเพลงเหล่านั้นเป็นได้ทั้งการบอกเล่าถึงบริบททางสังคมในแต่ละช่วงเวลา...
โดยผู้เขียนจะมีหมายเหตุสั้น ๆ บอกถึงความเป็นไปในสังคมในช่วงนั้น ๆ อย่างกระชับ ได้ใจความ
และเป็นทั้งการปูพื้นให้ผู้อ่านได้รับรู้และสัมผัสได้ถึงสายใยความผูกพันของเด็กชาย-หญิงสองคน
นับตั้งแต่วัยเด็กแรกเกิด จนเข้าอนุบาล ประถม มัธยมต้น...
จวบจนถึงจุดที่ต้องแยกย้ายจากกันเมื่อต่างเรียนจบม.ปลาย

แล้วก็โคจรกลับมเจอกันอีกครั้ง ในอีกสิบสามปีต่อมา...
หลังจากที่ต่างคนต่างก็ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและมุ่งหวัง

.........

ก็...ชอบนะคะ ชอบความแปลกใหม่ในกลวิธีนำเสนอ
ชอบการใช้ภาษาที่ให้ความรู้สึกหม่น ๆ มัว ๆ ในบางจุด
หากก็อบอุ่นอ่อนโยนในบางช่วง...
มีจุดที่ชวนอึดอัดขัดใจบ้าง...แต่ก็หักกลบกันไปกับมุกชวนยิ้ม
จากบรรดาตัวประกอบที่เป็นกลุ่มเพื่อนวัยเรียนของทั้งคู่


ชอบที่ผู้เขียนให้พระเอกอย่างกุญช์หลงใหลในเสน่ห์ของเทปคาสเซ็ต...
(มันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เพื่อน แหะ ๆ บอกวัยได้ด้วย)
รู้สึกร่วมไปกับเขาตรงที่ว่า...

“เทปคาสเซ็ตมีเสน่ห์บางอย่างคล้ายกับชีวิตมนุษย์
.................
เมื่อเรากดปุ่มเล่น เทปพวกนี้ต้องฟังไปทีละเพลง ทีละแทร็ค
ในอัลบั้มเดียวกันอาจมีทั้งเพลงที่เราชอบและไม่ชอบ
ต่อให้กดเร่งได้ มันก็ไม่สามารถข้ามไปอย่างรวดเร็วเหมือนปุ่มฟอร์เวิดในเครื่องเล่นซีดีหรือไอพอดหรอก
แถมกดบ่อยเทปยืดด้วย ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือต้องเปิดใจ
ดำดิ่งกับท่วงทำนองและเนื้อเพลงทั้งอัลบั้มตั้งแต่ต้นจนจบ
มันก็เหมือนภาพตัวแทนของชีวิตที่ต้องไหลไปตามจังหวะตามครรลอง
มีทั้งดีและร้ายปนเปกันให้พบเจอ...”



เสียดายก็แต่...ส่วนตัวรู้สึกว่า
การขมวดจบในตอนท้ายคล้าย ๆ จะทื่อ ๆ ห้วน ๆ ไปนิดนึง
ทำให้คิดว่า...จุดนี้หรือเปล่าที่ทำให่นิยายรักเรื่องนี้เป็นได้เพียงนิยายที่มีเนื้อหาโดนใจที่สุด
และได้เข้ารอบโครงการประกวดรางวัลนายอินทร์อวอร์ด...ได้รับการตีพิมพ์ แต่ไม่ได้รางวัล

ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ส่วนตัวคิดว่าเข้าใจคณะกรรมการนะคะ
เพราะเห็นด้วยกับที่ว่า...เนื้อหาโดนใจ สำนวนภาษาลื่นไหลอ่านไม่สะดุด
แต่เรื่องราวออกแนวอืดเอื่อยอ้อยสร้อยไปสักนิด ไม่มีจุดพีค หรือจุดเร้ารึงใจเท่าที่ควร

แต่โดยสรุปแล้วถือว่าเป็นนิยายน้ำดีที่น่าอ่าน และอ่านเพลินได้เล่มหนึ่งแหละค่ะ
ทั้ง ๆ ที่โดยส่วนตัวเคยแอบมีอคติกับนักเขียนชายที่เขียนนิยายรักอยู่บ้าง...
เมื่อได้อ่านเล่มนี้ยังต้องทบทวนตัวเอง ยอมเปิดใจและเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่เลยค่ะ

หยิบมาชวนอ่านกันในวันใกล้ ๆ วันแห่งความรักช่วงนี้ค่า










 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 13 มิถุนายน 2559 12:07:17 น.
Counter : 2470 Pageviews.  

~เงารักสีน้ำเงิน โดย "อสิตา" : เล่มที่ ๓ ในชุด'ความลับของผีเสื้อ' ~





เงารักสีน้ำเงิน
ผู้เขียน : อสิตา (อสิตา เสถียรพันธุ์)
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(ต.ค. ๕๖)
๓๘๑ หน้า ราคา ๒๙๕ บาท



เรื่องย่อ(จากปกหลัง) :


'วนัสสา' ตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำที่หายไปถึงสองเดือน
และรอยสักรูปปีกผีเสื้ออันน่าฉงนที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงกลางหลัง
กับกระดาษหนึ่งแผ่นในมือซึ่งมีข้อความคล้ายเป็นเบาะแส
ให้เธอตามหาใครคนหนึ่ง

'นวาระ' หนุ่มหน้าสวยแสนเจ้าเล่ห์ผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
'วาริช' เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มลึก สะท้อนเงารื่นเริงอบอุ่น
'คราม' บุรุษมีลับลมคมในจนชวนฝัน ทั้งยังมีชื่อเป็นความหมายของสีสัน

หากเธอคือผีเสื้อใครคนนั้นคือดอกไม้
แล้วผู้ใดจะเป็นดอกไม้ที่เธอหลงลืมไป!






เล่าเรื่องเพิ่มเติมจากข้างบนนิด ๆ ...

ตอนที่วนัสสาฟื้นตื่นขึ้นมา เธอมีกระดาษยับย่นชิ้นหนึ่งติดมืออยู่
จากข้อความในนั้นกับจากการสัมผัสบ่งบอกว่า
ในช่วงเวลาสองเดือนทีหายไป เธอมีคนรักที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน...
ซึ่งเขาเองก็อาจจะลืมเลือนเธอไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเธอต้องตามหาเขาให้พบ เพื่อจะได้กลับมารักกันอีกครั้ง
ในกระดาษแผ่นนั้น ชื่อของเขาลบเลือนด้วยรอยน้ำตาของเธอ...

นอกจากนี้เธอยังมีภารกิจสำคัญอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือเธอต้องตามหาพ่อที่หายตัวไปอย่างลึกลับถึงสามปีมาแล้ว
พ่อของเธอเป็นหัวหน้าทีมวิจัยที่กำลังทำการวิจัยชิ้นสำคัญเกี่ยวกับวงการยา

เธอตัดสินใจที่จะไปตามหาร่องรอยทั้งของพ่อและของเขาคนนั้น...
โดยเริ่มต้นจากสถานที่สุดท้ายที่เธอรำลึกได้ก่อนที่ความทรงจำจะหายไป...
นั่นก็คือคฤหาสน์ใหญ่ลึกลับกลางกรุงแห่งนั้น
ที่นั่นเปิดทำการคล้าย ๆ เกสต์เฮาส์ที่เธอสามารถจองห้องพักได้
ชายหนุ่มคนแรกที่เธอได้พบคือหมอวาริช ซึ่งเป็นสัตวแพทย์
เธอสัมผัสได้ถึงความรื่นเริงอบอุ่นน่าไว้ใจจากเขา...แต่เธอก็ยังไม่สามารถปลงใจเชื่อว่าเขาคือคนคนนั้นของเธอ

ถัดมาเธอก็ได้พบกับแขกอีกคนของคฤหาสน์ - - อินดิโก หรือครามดีไซน์เนอร์หนุ่มมาดนิ่ง
เธอจำได้ว่าเคยพบเขามาก่อนในคืนสุดท้ายก่อนความทรงจำเลือนหายไป
ส่วนเขาก็จำเธอได้เช่นกัน ในภาพของเด็กสาวใจแตกที่เขาเคยพบในแหล่งเที่ยวกลางคืน
ทันทีที่วนัสสาได้มีโอกาสสัมผัสตัวเขา เธอก็รับรู้ถึงความทรงจำบางอย่างที่เธอกับเขาเคยมีร่วมกัน

หนุ่มคนที่สามที่เข้ามาพัวพันกับวนัสสาและทำให้เธอต้องสับสนมากขึ้นคือนวาระหรือนิว...
หนุ่มหน้าสวยราวกับผู้หญิงเจ้าของรอยสักรูปดอกกุหลาบสีน้ำเงิน...
รอยสักของเขาทำให้วนัสสานึกถึงรอยสักรูปผีเสื้อที่โผล่กลางหลังของเธอในช่วงที่ความทรงจำลบเลือน
...........
นอกจากชายหนุ่มทั้งสามคน ในคฤหาสน์ยังมีแขกคนอื่น ๆ อีกสามสี่คน
ต่างมีสันทนาการร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันบ้าง
และอย่างหวาดระแวงซึ่งกันและกันในทีบ้าง

และแล้วเมื่อพวกเขารวมตัวกันครบทีม
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเข้ามารวมกันในสภานที่นี้ก็เริ่มปฏิบัติการกับพวกเขา
คฤหาสน์หลังใหญ่ก็แปรสภาพเป็นกรงขังในบัดดล...

วนัสสาจะได้เจอพ่อและค้นพบความทรงจำกับชายคนรักของเธอคืนมาหรือไม่
และพวกเขาจะสามารถพาตัวเองหลุดรอดจากคฤหาสน์ลึกลับนี้ได้หรือไม่ อย่างไร
ไปร่วมลุ้นกันค่ะ







หลังอ่าน...
โอ้วว...ว๊าววว... อ่าน ๆ ไปต้องร้องอุทานแบบนี้ไปเป็นระยะ ๆ จริง ๆ ค่ะ
คุณอสิตาจัดหนักจัดเต็มมากๆ กับแฟนตาซีผสมไซไฟตามแนวถนัดของเธอ

จากที่เคยอ่านงานของเธอมาสองเล่ม...'มายากรแห่งรัก' กับ'มายาไฟในดวงตา'
เมื่อมาเจอเล่มนี้ก็คาดหวังเต็มที่...ซึ่งก็แน่นอนมาก ไม่ผิดคาดเลยค่ะ
ออกจะเกินคาดเสียด้วยซ้ำ หุหุ

ถ้าเล่มก่อนหน้าใช้คำว่า"แยบยล"กับวิธีเดินเรื่องของผู้เขียน
สำหรับเล่มนี้ต้องขอใช้คำว่า"เย้ายวน"ค่ะ...
แต่ไม่ใช่(ไม่เชิงมากกว่า)เย้ายวนชวนหลงใหลนะคะ แต่เป็นเย้ายวนชวนสะพรึง(กึ่ง ๆ เวียนหัว)ค่ะ เอิ้ก

เล่มนี้น่าจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นนิยายแนวไซไฟค่ะ
เป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่แต่ละคนมีความพิเศษในตัว...

อย่างนางเอกวนัสสา - - เธอสามารถรับรู้ความทรงจำของผู้อื่นผ่านการสัมผัสตัวหรือสิ่งของที่คนคนนั้นเคยจับต้อง
หมอวาริช - - สามารถใช้พลังจิตในการเยียวยาสัตว์ป่วย(และอาจจะรวมถึงใช้กับคนได้ด้วย)
คราม - - (รายนี้พิเศษสุด ๆ )สามารถสร้างร่างจำแลงแล้วไปโผล่ที่นั่นที่นี่ได้
ซ้ำยังสามารถกำหนดให้คนอื่นมองเห็นหรือไม่เห็นร่างจำแลงของตัวเองได้ด้วย...ว๊าว...
นิว-นวาระ- - หนุ่มเกรียนคนนี้สามารถสะกดจิตคนได้ ควบคุมจิตใจคนอื่นได้
ฯลฯ
นางเอกเรื่องนี้โชคดีจริง ๆ มีพระเอกที่มีเสน่ห์ต่างแบบต่างลักษณะเข้ามาพัวพัน
เสนอตัวให้เลือกถึงสามคนแน่ะ(ประชดค่ะ!)
คนกลุ่มนี้ถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขบางอย่างให้ต้องเข้ามามีประสบการณ์ร่วมกัน
ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์อันเกี่ยวกับการสร้าง(และกักเก็บ)ความทรงจำของมนุษย์!


พล็อตแปลกแหวกแนวมากค่ะเรื่องนี้
ตัวละครเยอะแยะมากมาย แต่คนเขียนเค้าสามารถค่ะ คนอ่านอ่านได้สนุก ลื่นไหลไม่มีสับสนงุนงง...
โดยการเล่าเรื่องผ่านการแนะนำตัวละครออกมาทีละตัว ๆ บอกเล่าถึงที่มาที่ไป
บุคลิกลักษณะตลอดถึงปูมหลังของแต่ละคน
จากนั้นก็ค่อย ๆ โยงความสัมพันธ์ของทั้งหมดเข้าด้วยกัน

ชอบวิธีเล่าเรื่องของคนเขียนมากค่ะ แม้จะออกแนวเหลือเชื่อเกินจริงไปมาก
แต่คนเขียนก็เล่าด้วยท่าทีเรียบเรื่อยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญกับการที่จะเกิดเหตุ
หรือปรากฏการณ์บางอย่างที่แสนจะแปลกประหลาดขึ้นมา
ตัวละครแต่ละตัวของเขาจะตั้งรับด้วยท่าทีเป็นปกติ...
และต่างก็มีวิธีแก้ไขหรือเผชิญหน้ากับสถานการณ์นั้น ๆ ในแบบของตัว
ราวกับเคยชินกับความแปลกประหลาดเหล่านั้นเป็นประจำงั้นแหละ





ชอบการใช้สัญลักษณ์สีสันต่าง ๆ แทนอารมณ์ความรู้สึกและกระทั่งความทรงจำของแต่ละคน...
ผ่านการรับรู้ของนางเอกในยามที่เธอได้สัมผัสตัวบุคคลหรือสิ่งของเครื่องใช้ของคน ๆ นั้น

บางมุม คิดว่าเธอแอบซ่อนแก๊กขำ ๆ ไว้ด้วยแหละ...ยกต.ย. นิดนึงเอ้า !
(ไม่รู้คนอื่นจะเห็นขันหรือเปล่านะ แต่ส่วนตัวอ่านแล้วขำกิ๊กเลยอะ)
อย่างตอนที่วนัสสาเจอหมอวาริชครั้งแรกกลางดึกในห้องน้ำในห้องพักของเธอเอง
เขากำลังเปลือยกายอาบน้ำอยู่แล้วเธอก็ไปเปิดม่านยืนจ้องเขาหน้าตาเฉย
เพราะคิดว่านั่นคือภาพความทรงจำทีติดค้างอยู่ในห้องน้ำ ไม่ใช่ตัวตนของคนจริง ๆ
ฮาอะ...ทำไปได้
แล้วก็จะมีอะไร ๆ ทำนองนี้อยู่หลายบทหลายตอน

บรรยากาศของเรื่อง(พอ ๆ กับบรรยากาศของคฤหาสน์ลึกลับหลังนั้นที่เป็นฉากของเรื่องทั้งหมด)
ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนอ่านไซไฟ - แฟนตาซีฝรั่ง
ตัวละครหลักมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในลักษณะเหมือนจะเป็นวัฒนธรรมตะวันตกมากกว่า
ทั้งคนทำงานในบ้าน พ่อบ้าน แม่บ้าน เมด คนสวน ทุกคนมีชื่อ(และน่าจะเป็น)ฝรั่งทั้งหมด เช่น เบ็น นาเดีย อีกริต เอเดน...ฯลฯ
แต่ก็ไม่รู้สึกขัดนะคะ กลับจะช่วยเสริมความเข้มข้นของ"ความลับ"อันเป็นธีมหลักของเรื่องเสียด้วยซ้ำไป

จริง ๆ มีอีกหลายแง่หลายมุมมากที่อยากพูดถึงค่ะ แต่พูดไปพูดมาก็จะเหมือนพายเรือในอ่าง...
เพราะเรื่องราวของเขาออกแนวซับซ้อน วกวนพอสมควร...
เล่าต่อหรือรีวิวค่อนข้างยากนิดนึง
(แต่ยืนยันว่าถึงจะวกวนแต่ก็ไม่สับสนเวิ่นเว้อแน่ ๆ ค่ะ)

สรุปได้แต่ว่า อ่านสนุก ตื่นเต้น เย้ายวนใจให้ต้องตามติด
ร่วมลุ้นร่วมเอาใจช่วยนางเอก...ที่คนเขียนเขาเปรียบให้เป็นผีเสื้อสีน้ำเงิน...
ให้ตามหาความทรงจำและความรักที่หายไปให้เจอ

(จริง ๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะตัวเองเขียนถึงเล่มนี้ทีหลังคนอื่นเค้าหลายต่อหลายบล็อก
แล้วตัวเองก็เที่ยวไปอ่านมาแล้วแทบทุกบล็อกที่ว่านั่น จึงแทบไม่มีประเด็นให้พูดถึงแล้วอะค่ะ แหะ ๆ )






เดินทางมาถึงเล่มสุดท้ายในที่สุด...
สรุปสั้น ๆ ว่าแต่ละเล่มต่างแบบต่างสไตล์ในการนำเสนอ
แม้จะมีธีมร่วมกัน แต่ผู้เขียนแต่ละคนต่างก็ทีอิสระในการสร้างสรรค์พล็อตเป็นเอกเทศ

ตัวละครมีความเกี่ยวโยงกันบ้าง แต่ความเชื่อมโยงนั้นไม่ได้มีความสำคัญต่อเนื้อหาหลัก
ฉะนั้นสามารถอ่านแยกเล่มได้ตามสะดวกค่ะ

ทุกเล่มมีเสน่ห์ มีสีสันน่าสนใจ ซึ่งน่าจะสนองต่อรสนิยมการอ่านของนักอ่านแต่ละแนวได้ครอบคลุมค่ะ

อนึ่ง ถ้ามีใครคิดจะนำนิยายชุดนี้ไปทำละครละก็
คิดว่าเล่มแรก(ใต้ปีกรักสีเพลิง)คงทำง่ายสุดเพราะเน้นซีนดราม่าเชือดเฉือน
เล่มที่สองก็คงยากขึ้นอีกนิด แต่อาจจะทำออกมาให้มีภาพมีฉากสวย ๆ
ส่วนเล่มสุดท้ายนี้ ต้องใช้ซีจี เอฟเฟ็กต์อลังการแน่ ๆ

สรุปของสรุปว่าชวนอ่านกันค่า...












 

Create Date : 29 มกราคม 2557    
Last Update : 29 มกราคม 2557 12:44:19 น.
Counter : 5125 Pageviews.  

~ เริงราตรีสีขาว โดย "ภาวิน" : เล่มที่ ๒ ในชุด'ความลับของผีเสื้อ' ~





เริงราตรีสีขาว
ผู้เขียน : ภาวิน
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(ต.ค. ๕๖)
๓๘๙ หน้า ราคา ๒๙๕ บาท


เรื่องย่อ(จากปกหลัง):


ชีวิตเธอมันห่วย !
'ณราตรี' รู้สึกเช่นนั้นมาตลอด
มีแม่...แม่ก็คบชู้สู่ชายจนเกิดเรื่องอื้อฉาว สุดท้ายก็ผูกคอตายหนีอาย
มีพ่อ...พ่อก็จงเกลียดจงชังมาตั้งแต่เด็ก
เธอเผชิญชีวิตอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดเพียงเดียวดายมาตลอด
ยิ่งรู้สึกย่ำแย่จนเกินเยียวยาเมื่อวันหนึ่งคนที่เป็นพ่อพูดใส่หน้าเธอว่า
"ใช่ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก แกไม่ควรเกิดมาเป็นลูกฉันเลยจริงๆ"
ฟางเส้นสุดท้ายจึงสะบั้นลง เธอหอบกระเป๋าออกจากบ้าน
มุ่งหน้าหาที่พักใจไกลถึงเชียงราย และได้พบกับเขา
คนที่ทำให้วันคืนอันมืดมิดดุจรัตติกาลกลับมีแสงสว่างสดใสสาดส่องเข้ามาอีกครั้ง

'ศาศวัต' - -ชายหนุ่มอบอุ่นอ่อนโยนที่เกิดมาพร้อมกับปานขาวรูปผีเสื้อบนนิ้วนางข้างซ้าย
พร้อมคำทำนายจากหญิงชรา “สตรีผู้มีชะตาผูกพันจะพรากชีวิตเจ้าให้สั้นลง
ยามใดผีเสื้อโบยบิน ยามนั้นชีวิตจะสิ้นไป”

แล้วโชคชะตาก็ชักนำให้เขามาผูกพันกับเธอเข้าจนได้
ความรักของทั้งคู่มิได้โรยด้วยกลีบดอกไม้
ต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักหนาสาหัสจนแทบเอาชีวิตไม่รอด
ที่สุดแล้วเขาและเธอจะทำอย่างไรเมื่อคำทำนายนั้นส่อเค้าว่าจะเป็นจริง!







หลังอ่าน...
(เล่มนี้ขออนุญาตที่จะไม่เล่าเรื่องเพิ่มเติม เพราะเรื่องย่อจากโปรยปกหลังค่อนข้างชัดเจนและครอบคลุมเพียงพอแล้ว
ขืนเล่าต่อมากกว่านี้ก็อาจจะกลายเป็นสปอยล์เรื่องราวเค้าหมดแน่...)

ในชุดสามเล่ม ชอบเล่มนี้มากที่สุดค่ะ
เคยอ่านงานของ"ภาวิน"มาแล้วเล่มหนึ่ง "สายลมแสนงาม" ก็รู้สึกเกินคาดกับนักเขียนหน้าใหม่
เมื่อมาเห็นเล่มนี้ ชอบตั้งแต่ชื่อเรื่องมาเลย คาดเดาเรื่องราวล่วงหน้าว่าน่าจะเป็นอะไรที่น่าจะพริ้ว ๆ เบา ๆ
ในความเป็นพารานอร์มอลตามธีมที่กำหนดให้ก็น่าจะเป็นอะไรที่ออกแนวเวทมนตร์มายา
วูบ ๆ วาบ ๆ ตามชื่อราตรีสีขาว...ประมาณนั้น

ทว่า...พอได้เริ่มอ่านเข้าจริง ๆ ปรากฏว่าผิดคาดอย่างแรงจนแทบจะหงายเงิบเลยทีเดียว...
เรื่องเริ่มต้นมาก็พาให้เครียดเสียแล้ว ด้วยปมปัญหาครอบครัวอันซับซ้อนของนางเอก...
ให้บรรยากาศหม่น ๆ มัว ๆ ดาร์ค ๆ ทึม ๆ เสียด้วยซ้ำ

ถึงกระนั้น...ถึงจะผิดคาด แต่ไม่ได้ผิดหวังเลยสักนิด เพราะอ่านสนุก อ่านเพลินมาก
ชอบทุกอย่างในนิยายเล่มนี้...

นับตั้งแต่เรื่องราวเนื้อหาที่มีทั้งดราม่า - - ปูมหลังชีวิตทั้งของนางเอกพระเอก รวมถึงตัวละครอีกหลายตัวดราม่าสุด ๆ
โรแมนติก - - พระเอกนางเอกมีความรักความหลังความผูกพันที่ซาบซึ้งโรแมนติกเชียว ชอบ ๆ...(โดยเฉพาะมุกกินเด็กที่สมเหตุสมผล มีที่มาที่ไปทำได้เนียนมาก)
มีเรื่องของความรักความเสียสละ - - ความรักที่แสนบริสุทธิ์ระหว่างแม่-ลูก คนรักหญิง-ชาย ที่เสียสละให้กันได้กระทั่งชีวิต
มีปมปัญหาครอบครัว ปมฆาตกรรม ที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนชวนลุ้นเหลือหลาย

ชอบวิธีดำเนินเรื่อง... คนเขียนเค้าผูกปมได้ล้ำลึก แยบยลมาก...
เรื่องราวดำเนินไปตามเงื่อนปมที่ผูกไว้เป็นเปลาะ ๆ แล้วก็ค่อย ๆ คลี่คลายทีละเงื่อนทีละปม
ละเอียดและละเมียดมาก แบบว่า...เก็บทุกเม็ดทุกปมไม่มีตกหล่นรั่วไหล...
แต่ในระหว่างทาง ก็จะมีแอบทิ้งร่องรอยลาง ๆ เป็นประหนึ่งหลุมพรางไว้ดักคนอ่านเป็นระยะ ๆ
ให้คาดคิดดลเดาไปต่าง ๆ นานา
ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นเหมือนเหยื่อล่อให้เราคอยตามติด ลุ้นและรอคอยให้ความลับทั้งหลายเปิดเผยตัวออกมา

แต่หลายต่อหลายปมก็ช่างเกินคาด เดาทางไม่ถูกกันเลยจริง ๆ
จนเมื่อถึงบทเฉลย...ก็ทำเอาถึงกับอึ้ง...ทึ่ง...และสยดสยองกับความมืดดำล้ำลึกของน้ำใจมนุษย์
ทีฉาบหน้าไว้ด้วยความซื่อใสบริสุทธิ์

ชอบตัวละครแทบจะทุกตัวในเรื่อง ไม่ว่าจะตัวร้ายตัวดี ตัวเอกตัวรอง กระทั่งตัวประกอบตัวเล็กตัวน้อย
ทุกตัวมีบทบาท มีสีสัน มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องทั้งหมด มากน้อยลดหลั่นกันไป...

สำนวนภาษาคนเขียน เนียน...นุ่ม ลื่นไหลมากค่ะ อ่านเพลินไม่มีสะดุด
ทั้งส่วนที่เป็นบทบรรยาย ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายถึงสถานที่่เป็นธรรมชาติ
เธอสามารถบอกเล่าบรรยายให้คนอ่านร่วมสร้างจินตนาการแล้วนึกภาพตามได้เป็นฉาก ๆ

หรือในส่วนที่เป็นการบอกเล่าถึงบุคลิกลักษณะ อุปนิสัยใจคอ หรืออารมณ์ความรู้สึกนึกคิด
ที่มาที่ไป ปูมหลังและแรงจูงใจของตัวละครแต่ละตัวค่อนข้างชัดเจน กระชับไม่เวิ่นเว้อ

ที่ชอบมากเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นเลิฟซีนวาบหวิวระหว่างพระ-นาง
ที่มีมาอย่างสมเหตุสมผล มีจังหวะจะโคนในการนำเสนอ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและมั่นคงในอารมณ์ของทั้งคู่
ขออนุญาตคัดลอกบทอัศจรรย์มาเป็นตัวอย่าง...

สายลมพรูกรูกลิ่นหอมเย้ายวน
กระตุ้นเร้าจิตรัญจวนสิเน่หา
สองกายร่วมบรรเลงรักร้อนอุรา
ละโลดลิ่วเริงร่าในราตรี

...............

เจ้าดอกไม้แสนงามสะท้านไหว
ยามผีเสื้อซอนไซร้มิหน่ายหนี
แย้มรับไว้ด้วยใจรักและภักดี
เปลี่ยนราตรีมืดดำให้พร่างพราว







ในแง่ของการตอบโจทย์ธีม...
ด้วยความที่เป็นนิยายแนวซ่อนปม ซึงจะเน้นหนักไปที่ปมฆาตกรรมในฝั่งของนางเอกเสียมาก
ความลับของผีเสื้อสีขาวที่มาในรูปของคำทำนายที่ติดตัวพระเอกมาตั้งแต่แรกเกิดจึงอาจจะไม่โดดเด่นเท่าที่ควร
แตคนเขียนก็สามารถประคับประคองให้ดำเนินควบคู่กันไปอย่างเนียน ๆ
เรียกว่าไม่มีหลุดเฟรม...
สมดังคำนำของสำนักพิมพ์ที่เกริ่นกล่าวไว้ว่า...

"ภาวินเป็นตัวแทนถ่ายทอดความลึกลับของผีเสื้อสีขาวในชุด ความลับของผีเสื้อ
และเธอเลือกใช้สีขาวนี้ฉีกกระชากหน้ากากของมนุษย์
ลากความโสมมในจิตใจออกมาตีแผ่อย่างมีชั้นเชิงจนคุณแทบจะวางหนังสือไม่ลงเลยทีเดียว"


สรุปสำหรับเล่มนี้ บอกได้คำเดียวว่าชอบมาก...
ชวนอ่านอย่างแรงค่ะ









 

Create Date : 27 มกราคม 2557    
Last Update : 27 มกราคม 2557 12:22:02 น.
Counter : 11379 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.