|
จุดดับในดวงตะวัน ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ผู้พิมพ์ : สนพ.ทรีบีส์(มี.ค. ๕๖) ๕๙๖ หน้า ราคา ๔๔๐ บาท
ปกหลัง(บางส่วนจากเนื้อหา) :
ย้อนนึกทบทวนตั้งแต่รู้จักเสกสุธา ปัณณิกาพบด้วยความประหลาดใจว่า แท้จริง จะเรียกว่าเธอไม่รู้จักเขาเลยก็ว่าได้ เพื่อนรักในวัยเยาว์ที่ชื่อเสกสุธาตายจากไปแล้ว ฝังอยู่ในดินแดนของอดีตอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อีก เสกสุธาคนที่เธอแต่งงานด้วยเป็นชายแปลกหน้าผู้มีดวงหน้าเหมือนเพื่อนรักของเธอเท่านั้น แต่ตัวจริงของเขาไม่ใช่...
เขาเป็นภาพลวงตา ซึ่งถูกเหตุการณ์หลายเรื่อง หลายวาระ ค่อย ๆ ลอกตัวจริงออกทีละชั้น ทีละชั้น จนประจักษ์...
เสกสุธาเป็นตัวของเขามาแต่ไหนแต่ไร เขาคือดวงตะวันสว่างงาม จนไม่มีใครเห็นจุดดับมืดในรัศมีอร่ามเรือง เธอเองก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร... นานจนมีลูกกับเขานั่นแหละ ถึงได้เห็นความจริงข้อนี้...
สั้น ๆ จากเว็บสนพ.
ชีวิตของ ปัณณิกา คล้ายอยู่ในห้วงฝันร้าย เมื่อเธอตกลงปลงใจแต่งงานกับ เสกสุธา ชายหนุ่มที่สนิทสนมกันมาแต่เยาว์วัย เพราะเขาเป็นเพียงชายหนุ่มหน้าตาดีที่หาได้มีความดีเช่นหน้าตาไม่ แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง เธอจึงพร้อมต่อสู้เพื่อพ้นจากฝันร้ายนั้นให้ได้
หลังอ่าน... นิยายชีวิตจริงที่...สมจริงเสียจนอ่านแล้วอินและอิ่มเป็นที่สุด ด้วยสำนวนภาษาของนักประพันธ์ชั้นครูที่มิพักต้องพูดถึงความสละสลวย เรียบลื่นชวนเพลินขณะอ่าน กับด้วยวิธีดำเนินเรื่องที่แยบยล มีจังหวะจะโคนในการนำเสนอ ทำให้เรื่องราวที่เหมือนจะธรรมดา ๆ มีมุกมีปมน่าติดตามจนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ไม่จบก็ไม่อยากจะวาง...ประมาณนั้น ทั้งยังสอดแทรกแง่คิดมุมมองของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและความหมาย ไว้อย่างแนบเนียนและกลมกลืนตลอดทั้งเรื่อง
นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้บอกเล่าบรรยายให้เราได้มองเห็นภาพบ้านเมือง และสภาพสังคมไทยในยุคสี่ถึงห้าสิบปีก่อนได้อย่างละเอียดลออ ชัดเจนจนสามารถจินตนาการตามได้
การสร้างสรรค์ตัวละครที่มีเสน่ห์ มีมิติและมีชีวิตชีวาสมจริงสุด ๆ อ่านไป ๆ ก็รู้สึกคุ้น ๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นภาพชีวิตของผู้คนในแบบเสกสุธา แบบปัณณิกา สรุจ หรือลลิสา รสมาลี ฯลฯ โลดแล่นอยู่รอบ ๆ ตัวเรานี่เอง
เผลอ ๆ ในบางเสี้ยวส่วนของความรู้สึกนึกคิดหรือการกระทำของตัวละครบางตัวก็ช่างสอดคล้อง คล้ายคลึงกับสิ่งที่เราเคยพ้องพาน เคยรู้สึก เคยนึกคิดเช่นเดียวกัน
พล็อตไม่มีอะไรซับซ้อนค่ะ เป็นการรำลึกความหลังของคนในวัยปลายสองคนที่เคยมีชะตาชีวิตที่ต้องข้องเกี่ยวกัน... ปัณณิกาและเสกสุธา(แต่ส่วนใหญ่จะผ่านทางด้านปัณณิกามากกว่านิดหนึ่ง)
เรื่องราวจึงมีการย้อนยุคย้อนสมัย เริ่มตั้งแต่วัยเด็กของคนทั้งสอง ที่เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดูที่แตกต่าง
แล้วหวนกลับมาช่วงเวลาปัจจุบันเป็นพัก ๆ เพื่อให้คนอ่านได้เห็นภาพของความเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการของตัวละครแต่ละคน ทั้งในแง่อุปนิสัย ความรู้สึกนึกคิด และพฤติกรรมในแต่ละช่วงวัย ตลอดถึงความสัมพันธ์โยงใยกับตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง
รู้สึกคุ้น ๆ กับวิธีดำเนินเรื่องแบบนี้อยู่บ้างเหมือนกัน ถ้าใครเคยอ่านเหลี่ยมดาริกาจะรู้สึกได้ว่าเป็นการดำเนินเรื่องในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่แตกต่างในส่วนของเนื้อหาเรื่องราวเท่านั้น
ในเรื่องนี้ ผู้เขียนจะมุ่งเน้นในเรื่องของธีมมากกว่า ซึ่งก็ตรงตามชื่อเรื่อง...จุดดับในดวงตะวัน(หมายความตามโปรยปกหลังด้านบนนั่นเลยค่ะ)
ขณะอ่านนิยายเรื่องนี้ มีสำนวนคำพังเพยลอยเข้ามาในหัวสองสำนวน... สำนวนแรก...Like father, like son (เอิ่ม...ไม่เกี่ยวกับหนังญี่ปุ่นที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้หรอกนะ) ...ซึ่งสำนวนนี้อธิบายความเป็นเสกสุธาได้อย่างชัดเจน
ในวัยเด็ก ดูเหมือนเขาไม่ได้เลื่อมใสศรัทธาหรือเป็นปลื้มอะไรกับวิถีชีวิตของคนเป็นพ่อสักเท่าไหร่นัก เขาจึงพยายามพาตัวออกมาให้พ้นจากเส้นทางชีวิตที่ผู้เป็นพ่อตั้งใจขีดเส้นไว้ให้
แต่เขาหารู้ไม่ว่า ในช่วงเวลาสิบปีแรกของชีวิต มันคงจะนานเพียงพอ ที่จะหล่อหลอมให้เขาซึมซับรับเอาทั้งอุปนิสัยใจคอ ทั้งวิธีคิด วิธีแก้ปัญหาแบบดันทุรัง เอาแต่ใจตัวและมักง่ายแบบผู้เป็นพ่อเข้ามาจนเต็มในกมลสันดาน แล้วก็ดำเนินชีวิตไปตามนั้นโดยไม่รู้ตัว... และในที่สุดก็ทำให้ชีวิตต้องพบจุดจบเช่นเดียวกับพ่อของเขา...แทบจะไม่ผิดเพี้ยนกันเลยทีเดียว
อีกสำนวนหนึ่งที่นึกถึงเป็นสำนวน"กำบ่าเก่า"ของคนโบราณภาคเหนือ ท่านว่าไว้ว่า.. "ฝนบ่ตกบ่ฮู้เฮือนไผฮั่ว บ่ฮู้เขาดีชั่วเพราะบ่ได้อยู่กับเขา" ความหมายก็คือ...บ้านเรือนที่เราเห็นว่าภายนอกสวยงามนั้น ภายในอาจจะมีปัญหาหลังคารั่วอยู่ก็เป็นได้ เช่นเดียวกับผู้คนที่เราพบปะเจอะเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าภายในเขาซ่อนสิ่งชั่วร้ายใด ๆ ไว้ ต้องต่อเมื่อได้อยู่ร่วมกันนั่นแหละ เขาถึงจะค่อย ๆ เปิดเผยตัวตนให้เราได้มองเห็น... ซึ่งก็ค่อนข้างตรงในกรณีของปัณณิกา ที่กว่าจะได้รู้จักตัวตนที่แท้ของเสกสุธา เธอก็แทบจะสูญสิ้นทั้งกำลังกายกำลังใจ
สรุปเลยแล้วกันค่ะว่า...อ่านจบแล้วชอบมาก งานของอาจารย์อ่านกี่เล่ม ๆ ก็ไม่เคยผิดหวังจริง ๆ จึงหยิบมาบอกต่อ ชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ
|
คงต้องลัดคิวมาอ่านก่อนซะแล้ว
ชอบนิยายแนวนี้ของอ.มาก