|
รักษ์ ผู้เขียน: ราตรี อธิษฐาน ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(พิมพ์ครั้งแรก มี.ค. ๕๘) ๖๐๒ หน้า ราคา ๓๖๕ บาท
โปรยปก...
สำหรับใครบางคนอาจจะยอมสละทุกอย่างเพื่อความรัก แต่สำหรับเธอ แม้แต่ความรัก เธอก็สละได้ เพียงเพื่อต้องการรักษาสิ่งที่เธอรักไว้ให้ดีที่สุดเท่านั้น
ดารัณ สาวโสดวัย ๓๓ ปีผู้ใช้ชิวิตแสนธรรมดาอยู่ในตึกแถวเล็กๆ ทว่า ชีวิตที่ต้องปากกันตีนถีบเลี้ยงดูแม่และน้องๆ อีกสองคน ต้องมาเปลี่ยนไป เมื่อดาราหนุ่มผู้แสนโด่งดังได้ก้าวเดินเข้ามาในร้านมินิมาร์ทที่เธอประจำอยู่ ทำให้เธอต้องออกจากงานและจำเป็นต้องเข้าไปสมัคร เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง
จากนั้นบางสิ่งที่เธอเฝ้าเก็บรักษาไว้สุดหัวใจ ก็ค่อยๆ เปิดเผยขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเธอได้กับ 'เขา' คนทีเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
คืนที่พระจันทร์ทรงกลด ฝนโปรยปราย ความรักครั้งสุดท้ายกำลังเพรียกหา ความเหน็บหนาวที่แสนยาวนานจะสิ้นสุดลงเมื่อใด สุดท้าย...ใครจะเป็นกุญแจผู้ไขเวลาในหัวใจของเธอ ให้กลับมาหมุนวนต่อไปอีกครั้ง...
เล่าเรื่องย่อ ๆ เพิ่มเติมจากข้างบนหน่อย ๆ แล้วกัน...
ดารัณนักเรียนเบอร์หนึ่งของโรงเรียน และอนาคตนักเทควันโดทีมชาติ ต้องกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวตั้งแต่เรียนจบเพียงมัธยมหก เนื่องจากบิดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลงกะทันหัน...กับความพลั้งพลาดแห่งวัย
เธอต้องทำงานหนักเพื่อดูแลสมาชิกในครอบครัว ที่มีแม่ซึ่งกำลังป่วยด้วยโรคหัวใจกับน้องชายน้องสาววัยเรียนอีกสองคน
เธอทำงานในมินิมาร์ทแห่งหนึ่ง แต่วันดีคืนร้ายมินิมาร์ทแห่งนั้นจำต้องปิดตัวลง หลังจากถูกโจรปล้น และถูกรถพุ่งเข้าชนบ่อยครั้ง ซ้ำร้าย ร้านกาแฟที่เธอทำงานอยู่อีกกะหนึ่งก็โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานจนต้องลดคนงานลง เธอตัดสินใจไปสมัครเป็นยามที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขารับคนจบม.๖ เงินเดือนและสวัสดิการดี และเธอเองมีพื้นฐานด้านการต่อสู้ป้องกันตัวมาก่อน
และที่นี่เอง เธอก็ได้พบกับรังสิมันต์ ผู้บริหารสูงสุดของสถานี พร้อมด้วยนาตาชา คู่หมั้นของเขา... การได้พบกับคนทั้งสอง ได้นำมาซึ่งความทรงจำในอดีตที่เธอเคยคิดว่าเธอได้กลบฝังมันไว้แล้วอย่างลึกเร้น ให้ผุดพรายขึ้นมา แล้วก็หลั่งไหลพรั่งพรูเข้าสู่หัวใจอันเย็นชาของเธอ... จนทำให้คืนวันอันเหน็บหนาวและยาวนานของเธอ ค่อย ๆ อบอุ่น มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
เมาท์กันหลังอ่านจบ...
นิยายชีวิต ดราม่ากระจายเล่มนี้ เป็นนิยายเล่มหนาเตอะเล่มแรกมั๊ง... ในบรรดาหนังสือนิยายหลาย ๆ เล่มที่ได้อ่านในช่วงหลัง ๆ แล้วก็ติดหนึบหนับ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกหยิบมาอ่านตามกระแสไปงั้นๆ กะว่าจะพลิกอ่านคร่าวๆ แล้วคงต้องวางไว้ก่อน รอคิวว่างจริง ๆ ค่อยตั้งอกตั้งใจอ่านอย่างจริงจัง
ทว่า...เพียงเริ่มอ่านหน้าแรกๆ ของบทแรกๆ ก็เผลอเพลินอ่านไปเรื่อย ๆ กว่าจะเงยหน้าขึ้นมาอีกที เหลือบดูนาฬิกาก็พบว่าตัวเองจมอยู่กับหน้าหนังสือเล่มนี้มานานกว่าสามชั่วโมงแล้ว และเรื่องราวก็กำลังดำเนินมาถึงจุดสำคัญ หยุดไม่ได้ล่ะซีทีนี้ ก็เลยต้องเลยตามเลย อ่านต่อเนื่องอีกราว ๆ สามชั่วโมงเต็ม ๆ ...จนจบได้ในที่สุดด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
กาดอกจันดวงโต ๆ และขีดเส้นใต้กำกับอีกครั้งไว้ใต้ชื่อนักเขียน หมายเหตุไว้ว่า... เป็นนักเขียนนามใหม่ที่ต้องติดตามผลงานกันต่อไปค่ะ
ถามว่า...นิยายเค้าสนุกขนาดนั้นเลยหรือ ก็อาจจะบอกได้ว่ามันก็ไม่ถึงขนาดนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายรักโรแมนติก ซาบซึ้งตรึงใจ ไม่ใช่นิยายชีวิตรันทดชวนหดหู่ ทั้งไม่ใช่เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา หรืออิจฉาริษยา เชือดเฉือนฟาดฟันอะไรทำนองนั้น...
เนื้อหาในนิยายก็ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรมากมายเลย อ่าน ๆ ไปก็อาจจะคาดเดาปมบางปมได้อย่างง่ายดายเสียด้วยซ้ำ...
แล้วทำไมเราอ่านแล้วติดหนึบจนอ่านได้ต่อเนื่องยาวนาน...?
ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นด้วยสำนวนภาษาคนเขียนเขาลื่นไหล การเล่าเรื่องที่เรียบเรื่อย(แม้จะดูเอื่อยเฉื่อยสักหน่อยแต่ก็ไม่น่าเบื่อ) การวางพล็อตและการดำเนินเรื่องเป็นไปในรูปแบบที่เราคุ้นชิน... หรืออาจจะเป็นด้วยตัวละครที่เหมือนจะมีตัวมีตนจริงให้เราจับต้องได้... กับเรื่องราวที่ค่อนข้างใกล้ตัวและสมเหตุสมผล ความรู้สึกขณะอ่านจึงให้อารมณ์และบรรยากาศเหมือนได้ย้อนยุคย้อนวัย... ย้อนอดีตนิด ๆ นั่นเอง
เบื้องต้นผู้เขียนบอกเล่าเรื่องราวผ่านการดำเนินชีวิตของดารัณ... ผู้อ่านจะได้ทำความรู้จักเธอในภาพของสาวโสดวัยสามสิบต้น ๆ ที่ต้องทำงานหนัก ปากกัดตีนถีบเพื่อดูแลครอบครัวที่มีแม่และน้องสองคน... (ช่วงนี้คนอ่านอาจจะนึกไปถึงนิยายชีวิตรุ่นเก่า ๆ หลายเรื่อง)
จากนั้นคนเขียนก็หลอกล่อคนอ่านนิด ๆ ด้วยการส่งแซม-รณภพ พระเอกหนุ่มลูกครึ่งเข้ามาพบกับนางเอกอย่างบังเอิญที่สุด แล้วก็มีเรื่องมีราวให้เกิดการเข้าใจผิด ตามด้วยความสนใจใคร่รู้ความเป็นไปในชีวิตของเธอ จนพัวพันเป็นความพึงพอใจ...(พลอยให้คนอ่านแอบลุ้นว่า...หรือเขาจะเป็นพระเอกในชีวิตจริงของดารัณ)
จนกระทั่ง...เขานั่นแหละที่เป็นคนชักนำให้ดารัณได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ที่เขาสังกัดอยู่... ซึ่งมีรังสิมันตุ์ เพื่อนสนิทของเขาเป็นเจ้าของ...
ตอนนี้นี่เองที่ความลับความหลังต่าง ๆ ของดารัณก็ค่อยๆ เปิดเผย... ผ่านกระแสความรู้สึกนึกคิดของนางเอก
ถึงได้บอกว่าเป็นแนวเรื่องที่คุ้นเคยไงคะ เพราะคนเขียนเขาอิงพล็อตแบบนิยายรุ่นเก่าหลายต่อหลายเรื่อง เริ่มต้นด้วยภาพชีวิตในปัจจุบัน แล้วก็มีการตัดสลับย้อนอดีตเป็นช่วง ๆ ซึ่งถือว่าทำได้ดี และน่าสนใจมากทีเดียวสำหรับนักเขียนมือใหม่
คือรอยต่อของการแฟลชแบ็กแต่ละช่วงค่อนข้างลื่นไหลไม่มีสะดุด เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงอดีตก็เป็นอะไรที่เรายอมรับ และเข้าใจได้... ไม่ว่าจะเรื่องของรักในวัยเรียน การชิงดีชิงเด่น และอิจฉาริษยากันของเด็กมัธยมปลาย...ฯลฯ
ไปจนถึงการตัดสินใจที่จะ "รักษา" สิ่งใดสิ่งหนึงไว้ แม้จะต้องสละทิ้งแม้กระทั่งความรักที่ใคร ๆ ต่างโหยหา
การสร้างสรรค์ตัวละครก็สมเหตุสมผล มีที่มาที่ไป มีความเป็นไปได้ของพฤติกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะร้ายหรือดี
อย่างนางเอก ผู้เขียนก็ปูทางมาแต่ต้นว่าเธอเป็นสาวมั่นสาวเก่ง มีความเป็นผู้นำ... จึงไม่น่าแปลกใจกับการตัดสินใจของเธอ
พระเอกอย่างรังสิมันตุ์ก็ชัดเจนในเรื่องของความรัก แม้จะเป๋ไปบ้างที่ยอมหมั้นกับนาตาชาเพื่อธุรกิจของครอบครัว... แต่เมื่อดูจากอุปนิสัยดึงดื้อถือดีและเอาแต่ใจของนาตาชาแล้ว เราก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงรักเจ้าหล่อนไม่ลง ในวัยที่เป็นเพียงเด็กหนุ่ม เขาอาจจะพลาดพลั้งไปที่ละทิ้งหัวใจตัวเองด้วยความเข้าใจผิด แต่เมื่อเติบโตขึ้น ด้วยวุฒิภาวะที่สูงขึ้น เมื่อได้รับรู้ความจริง เขาก็มุ่งมั่นแก้ไขเพื่อรับผิดชอบและชดเชยให้กับความผิดแต่หนหลัง... และไขว่คว้าหัวใจตัวเองกลับคืน
ส่วนตัวชื่นชอบตัวประกอบที่น่าสนใจมากอย่างอเล็กซ์ หรือรังสฤษดิ์ น้องชายต่างมารดาของรังสิมันตุ์ จากเด็กชายแหยๆ ที่ถูกเพื่อนแหย่และล้อเลียนอยู่เสมอ จนพี่ม.หกอย่างดารัณอดรนทนไม่ได้ ต้องอ้าขาผวาปีกเข้าปกป้อง เธอจึงเป็นประดุจ"นางฟ้า"ของเขานับแต่นั้น เมื่อเขาเติบโตขึ้นมากลายเป็นนักดนตรีหนุ่ม... ที่ยังคงชื่นชม ตามติดดูแล"นางฟ้า"ของเขาอยู่ไม่ห่าง
เขาเหมือนจะมีบทบาทพอสมควรเลยนะ เพราะขณะที่อ่าน เราแอบวางใจว่าอย่างน้อยชีวิตนางเอกก็ไม่ได้รันทดและโดดเดี่ยวโดยสิ้นเชิง เพราะเธอยังมีหนุ่มน้อยคนนี้คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ... แต่น่าเสียดายที่ตอนท้าย ๆ บทบาทของเขาเฟดหายไปซะเฉย ๆ (แอบหวังว่านักเขียนจะเขียนนิยายเรื่องใหม่ให้เขาเป็นพระเอกเต็มตัวสักเรื่อง)
สรุปเลยแล้วกันค่ะว่า เป็นนิยายชีวิตดราม่า... ที่อาจจะมีมุมน้ำเน่าปนอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่เมื่อเล่าผ่านสำนวนที่สละสลวย ไหลลื่นก็ทำให้กลายเป็นนิยายที่อ่านเพลินมากเล่มหนึ่งทีเดียว กับความหนาร่วม ๆ ๖๐๐ หน้า แม้อารมณ์ที่ได้จากนิยายก็ยังคงซ้ำ ๆ กับนิยายรักเล่มอื่น ๆ ทั่วไป แต่สำหรับคอนิยายแล้ว ส่วนตัวถือว่าคุ้มค่าและไม่เสียเวลาที่ได้อ่านค่ะ
จึงหยิบมาบอกเล่า ชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ
ปอลอ...เล่มนี้เจอคำผิดบ้างเหมือนกัน แต่น้อยมากค่ะ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหนังสือเล่มหนาขนาดนี้
|
มุมมองในงานเขียนเขาน่าสนใจดี
กำลังตามหาอยู่ค่ะ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ขอดูๆ ก่อน