|
ซุ้มสะบันงา ผู้เขียน : โบตั๋น ผู้พิมพ์ : สุวีริยาสาส์น(พิมพ์ครั้งแรก/๒๕๔๐) ๕๘๑ หน้า,ราคา ๒๐๐ บาท
เรื่องราวโดยย่อ :
แก้วกุดั่น ผู้อำนวยการโรงเรียนประจำจังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่ง เลิกรากับพลตรีคชา เพราะเบื่อหน่ายในความเจ้าชู้ของเขา เธอต้องดูแลลูกหญิงชายวัยรุ่นสองคน และมารดาชราที่ป่วยเป็นมะเร็ง
รวมถึงครอบครัวสามแม่ลูก ที่มารดาของเธอรับอุปการะไว้ แม้ว่าคนแม่นั้นจะเคยแอบมีสัมพันธ์กับสามีเธอมาก่อน แถมลูกชายวัยรุ่นของเจ้าหล่อนก็เกกมะเหรกเกเรเหลือร้าย
ต่อมา พี่ชายและพี่สะใภ้ของเธอก็ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตทั้งคู่ ทิ้งลูกชายหญิงวัยรุ่นไว้ในความดูแลของเธออีกสามคน...
ดูเหมือนว่าปัญหาต่าง ๆ จะถาโถมเข้าหาเธอในช่วงเวลาเดียวกัน เธอต้องทำตัวเป็นซุ้มไม้ให้ผู้คนในความปกครองพักพิงอาศัย...
แต่ในฐานะแม่ม่าย...อย่างดีที่สุดเธอก็คงเป็นได้เพียง"ซุ้มสะบันงา"
หลังอ่าน... นิยายชีวิตหนักแต่สมจริงค่ะ หยิบลงมาอ่านเพราะส่วนตัวกำลังมีปัญหาชีวิตบางประการ คาดหวังว่าการได้รับรู้ปัญหาชีวิตของผู้อื่นที่อาจจะหนักหนากว่า คงจะทำให้ความรู้สึกหน่วง ๆ ในใจคลี่คลายลงบ้าง... (ประมาณว่าหาเพื่อนร่วมทุกข์...ว่างั้นเถอะ)
ได้ผลค่ะ... แม้ปัญหาจะยังคงมีอยู่ แต่ความรู้สึกอึดอัด ๆ มันผ่อนปรนลงได้จริง ๆ ได้เห็นแง่มุมที่แตกต่างของปัญหา การตั้งรับและการแก้ไข
เหตุผลอีกอย่างคือ... เล่มนี้อ่านตามแม่ค่ะ แม่เค้าอ่านแล้วบอกว่าสนุกดี ก็เลยอ่านมั่ง
................
คำว่า"สะบันงา"เป็นภาษาเหนือค่ะ หมายถึงดอกกระดังงานั่นเอง ผู้เขียนตั้งชื่อนิยายได้งดงามและความหมายลึกซึ้ง ตรงตามคอนเซ็ปต์ของเรื่องมาก
นางเอกเป็นแม่ม่ายที่มีความมั่นคงทั้งภายนอกภายในค่อนข้างสูง กระนั้น...เมื่อปัญหาประดามีประเดประดังเข้ามาในคราเดียว ก็ทำให้เธออ่อนล้าโรยแรงไปได้เหมือนกัน
ตัวละครค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะบรรดาวัยแรกรุ่นทั้งหลาย... ซึ่งก็เฉลี่ยบทบาทในเรื่องเกือบจะพอ ๆ กัน ตัวละครแต่ละตัวจะมีบุคลิกลักษณะจำเพาะของตัวเองที่ชัดเจน... ซึ่งก็เป็นไปตามสภาวะแวดล้อม และการอบรมเลี้ยงดูของแต่ละคน ทำให้คนอ่านอ่านไป ทำความรู้จักไปทีละตัวได้อย่างไม่สับสนนัก
อีกทั้งการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างกระชับฉับไว ตัดฉากสลับไปมาเหมือนบทละคร แต่ก็มีการเชื่อมโยงได้ต่อเนื่อง และแนบเนียนดี ทำให้อ่านได้ไหลลื่น มีจุดให้ตื่นเต้น เร้าความสนใจใคร่รู้เป็นพัก ๆ มีมุมของความซาบซึ้ง กับความสัมพันธ์ฉันเครือญาติ ฉันมิตรสหาย ฉันพี่น้องของตัวละครให้รู้สึกดื่มด่ำอยู่หลายตอน มีมุกดราม่าน้ำเน่าอยู่พอเป็นกระสาย... ผ่านการใช้ชีวิตของตัวละครที่เป็นธรรมชาติ มีความเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่เราสามารถจับต้องได้ พบพานได้ในส่วนต่าง ๆ ของสังคมรอบตัวเรา
นิยายของ"โบตั๋น" ทุกเรื่องเป็นที่คาดหวังได้ถึงแง่คิดมุมมอง ต่อการดำเนินชีวิตที่สมจริงและเป็นรูปธรรม ผู้อ่านสามารถคิด คล้อยตาม กระทั่งหยิบยกไปประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงของตัวเองได้อีกด้วย และเหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัยอีกต่างหาก...
มีเรื่องราวของการต่อสู้ดิ้นรนในเหตุที่สมควร.... หลีกเลี่ยงกรรมอันเป็นอกุศล และปลดปลงปล่อยวางในความเป็นไปของสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่อาจจะควบคุมหรือบังคับบัญชาได้ ........
นั่นเองคือวิถีทางแห่งการดำเนินชีวิตที่เรียนรู้ได้ผ่านนิยายเรื่องนี้...
จึงหยิบมาเล่าขาน ชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ
ขออนุญาตมาเพิ่มเติมบางประเด็นที่ติดใจ ฉุกใจและชอบใจ ในนิยายเรื่องนี้ที่เมื่อวานลืมพูดถึงหน่อยค่ะ...(ซึ่งอาจจะสปอยล์)
คือ...ตัวละครสำคัญ ๆ ในเรื่องนี้จะเกี่ยวดองเป็นญาติกันเกือบจะทั้งหมด อย่างโกเมนกับจันจลา ลูก ๆ ของแก้วกุดั่นก็จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ เอก เอียด อ่อน ซึ่งเป็นลูก ๆ ของพี่ชายแก้วกุดั่น
แต่ผู้เขียนก็เขียนให้โกเมนหลงรักอ่อน... ถึงขั้นที่แก้วกุดั่นเกิดความกังวลใจเมื่อรู้ว่าอ่อนมีอาการตกเลือด เพราะแอบไปทำแท้งที่คลินิกทำแท้งเถื่อน ที่ฉุกใจเพราะว่าความกังวลของแก้วกุดั่นนั้นไม่ใช่ประเด็นที่ว่าทั้งสองคนเป็นญาติสนิทกัน คงไม่เหมาะนักหากจะมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว... กลับไพล่ไปกังวลว่า...เธอคงทำใจลำบากหากจะต้องยอมรับอ่อนในฐานะสะใภ้ เพราะความประพฤติที่เหลวแหลกของเจ้าหล่อน
กับกรณีของจันจลา เด็กสาวหนอนหนังสือที่หลงรักเอก...พี่ชายคนโตของบ้านนั้นอีก... (ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ลงเอยกัน และให้พระเอกตัวจริงอนุมานเอาว่าความรู้สึกของจันจลานั้นเป็นเพียงความคิดเพ้อฝันของเด็กสาว ๆ เท่านั้น...บลา บลา บลา...)
แต่ตัวเองก็อ่านไปงงไปเล็กน้อยกับวิธีคิดของผู้เขียน หรือคนทั่วไปเขาไม่ถือ...ที่ญาติสนิทที่น่าจะเป็นพี่เป็นนน้องกันจะมาหลงรักกันเอง..?
อีกประเด็นหนึ่งที่กะจะพูดถึงแล้วลืมเลือนไปก็คือเรื่องของวัฒนธรรมการกอด... ขอยกคำพูดของแก้วกุดั่นมาทั้งกระบิเลยแล้วกัน...
(ตอนนี้เป็นตอนที่จันจลาโถมเข้ากอดเอกแล้วโดนแม่เรียกมาเตือน)
"แม่ไม่ได้คิดมาก แต่ขนบธรรมเนียมของไทยเราไม่ได้ใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้ จันอาจจะดูโทรทัศน์ ดูละครสมัยใหม่ดูหนังฝรั่งถึงได้เห็นว่าพ่อ พี่ชายกอดน้องสาว ริง ๆ แล้วสำหรับคนเอเซีย คนเมืองร้อนเราไม่ถูกเนื้อต้องตัวกันแบบนี้ ความรักฉันญาติของคนเอเซียน่ะต้องการความเยือกเย็น ไม่ใช่ความอบอุ่นแบบฝรั่งเมืองหนาว...รักษาขนบธรรมเนียมไทยไว้หน่อยก็ไม่เสียหาย พบกันก็ยกมือไหว้..." อ่านแล้วก็อือม์...นะ ค่อนข้างตรงใจ ชอบ...
แหะ ๆ มาต่อเสียยาวเฟื้อย เรียกว่าอ่านจบไปแล้วแต่ยังอินไม่เสร็จ...
|
เดี๋ยวเอาเบอร์หนึ่งก่อน