'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
~ "รวีช่วงโชติ" (ภาคต่อของ"อีสา") : นิยายชีวิตย้อนสมัย โดย "สีฟ้า" ~




ก่อนอื่น...ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวบล็อกแก็งค์ทุกท่านค่ะ
ขอความสุข ความสงบ ความชุ่มฉ่ำเย็นใจจงบังเกิดกับเพื่อนมนุษย์ทุกคนบนโลกอันรุ่มร้อนใบนี้ค่ะ






มาเข้าเรื่องค่ะ...สืบเนื่องจากบล็อกนิยายเรื่อง'อีสา' ที่เคยเล่าเรื่องย่อไว้เมื่อหลายปีก่อน
ได้เล่าเรื่องรวของ'สาไว้ค่อนข้างยาวเหยียด แต่ไม่ได้เล่าเรื่องของคุณชายรวีช่วงโชติกับคุณหญิงโสภิตพิไลไว้
ปรากฏว่ามีเสียงเรียกร้องให้จขบ.เล่าเรื่องภาคต่อให้จบ...

เอ้า...ขอมาก็จัดไปค่ะ
บล็อกนี้จึงขอประเดิมปีใหม่ ด้วยการหยิบเอานิยายเรื่องเก่ามาเล่าต่อ
ตอนแรกจะเล่าลงบล็อกเดิม แต่ดูเหมือนว่าจะยาวจัดแล้ว อัพบล็อกใหม่ดีกว่า

(แต่ถ้าใครยังไม่ได้อ่านเรื่องย่อของ"อีสา"ก็ขอเชิญจิ้มที่ชื่อเรื่องนี้ไปเลยค่ะ)




"รวีช่วงโชติ"
(เล่มนี้)พิมพ์โดย สนพ.เพื่อนดี
(แต่เล่มทีจขบ.อ่านพิมพ์โดยสนพ.โชคชัยเทเวศน์ ๒ เล่มจบ ปกแข็งสีพื้น ไม่มีภาพเลยค่ะ)



เรื่องย่อ (ย่อเองแบบยาว)

เรื่องราวในภาคนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อโสภิตพิไลกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย
ในขณะที่คุณชายรวีช่วงโชติก็จบวิชากฏหมายจากเมืองนอก และเข้ามาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้นด้วย

แม้สภาพสังคมจะเปลี่ยนแปลงไป แต่หม่อมพริ้มยังคงพยายามยึดมั่นกรอบธรรมเนียมเดิม ๆ
ในการดำรงเกียรติของตระกูลรวีวาร จนทำให้ทรัพย์สมบัติเริ่มร่อยหรอและเป็นหนี้เป็นสิน
กลายเป็นภาระอันหนักหน่วงให้คุณชายรวีฯ เพราะเขาจะต้องเป็นผู้สืบทอดวงศ์ตระกูล

คุณชายรวีฯ มีพี่สาวห้าคน คุณหญิงโศภี คุณหญิงศุภลักษณ์ คุณหญิงโสภาพรรณวดี
(ที่เขาเข้าใจว่าเป็นมารดาของโสภิตพิไลซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว) คุณหญิงสิริพรรณราย และคุณหญิงศรีลักษณา

พี่สาวคนที่สี่คุณหญิงหรินั้น มีสามีเป็นนักธุรกิจที่ต้องอิงอาศัยผู้มีอำนาจทางการเมือง เธอจึงพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับคุณหญิงเฉิดฉวีภริยานายพลสันทนาซึ่งกำลังรุ่งโรจน์ทางการเมืองในช่วงนั้น เพราะเป็นผู้ใกล้ชิดท่านผู้นำในยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง และพยายามชักนำให้คุณชายรวีฯ ได้รู้จักกับคุณแหวว - สวาทโฉม ธิดาคนเดียวของคุณหญิงเฉิดฉวี พร้อมทั้งผลักดันให้คุณชายรวีฯ เข้าทำงานการเมืองด้วย

ส่วน'สานั้น ได้สึกจากแม่ชีออกมาตั้งร้านทำผม มีลูกค้าเป็นบรรดาคุณหญิงคุณนายในวงสังคมชั้นสูงมากมาย
เธอพาใจสว่าง หลานสาวของแม่แป้นที่เคยเกื้อกูลกันสมัยสงครามมาพักอยู่ที่ร้านด้วย...
เมื่อกลับมาอยู่ในแวดวงสังคม ธรรมชาติเดิม ๆ ที่เคยถูกสยบไว้ใต้ร่มพระศาสนาชั่วคราว
ก็กลับมาก่อกวน'สาอีกครั้ง เมื่อได้พบกับนายพลสันทนา'สาก็ยอมตกเป็นเมียลับ ๆ ของท่านนายพลอย่างง่ายดาย
และหวนกลับไปเปิดไนท์คลับแบบเดิมท่ามกลางเสียงติฉินนินทาของผู้คน





ครั้งหนึ่ง ในงานฉลองตำแหน่งของนายพลสันทนา 'ท่าน'บังเอิญได้แลเห็นโสภิตพิไลแล้วเกิดถูกตาต้องใจเข้า จึงสั่งให้นายพลสันทนาเป็นธุระจัดการ แต่ในจังหวะนั้น โสภิตพิไลกำลังคบหาฉันคนรักกับชิษณุ ลูกชายของคุณหญิงศุภลักษณ์ ท่ามกลางความเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เพราะคิดว่าทั้งคู่เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้อง
แต่เมื่อ'สารู้เรื่องเข้า เธอก็อดรนทนไม่ได้ เพราะรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าจริง ๆ แล้วโสภิตพิไลมีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของชิษณุ 'สาจึงขอพบคุณชายรวีฯ และบอกความจริงข้อนี้
เมื่อคุณชายรวีฯ รู้เรื่องก็หนักใจและสงสารโสภิตพิไลที่บัดนี้กลายเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขาจับใจ
และมันก็กลายเป็นภาระหน้าที่ของเขาที่จะต้องขัดขวางการแต่งงานของเธอ

คุณชายรวีฯ เลือกที่จะบอกชิษณุ เพราะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายน่าจะเข้มแข็งกว่า
ชิษณุเสียใจและหาทางหลีกเลี่ยงโสภิตพิไล
เป็นจังหวะพอดีที่เขาจะต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดกับคนรักเก่าของเขาที่แต่งงานแล้ว
และแล้ววันหนึ่งโสภิตพิไลก็ตามไปเจอเขาอยู่กับผู้หญิงคนนั้น
เธอเสียใจมากหนีเตลิดไปดื่มเหล้าจนเมามายขาดสติ
โชคดีที่ปรมัตถุ์ รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยที่เคยหลงรักเธอไปพบเข้าและพาไปสงบสติอารมณ์
เขาติดต่อบอกข่าวผ่านใจสว่าง ให้เธอบอกกับคุณชายรวีฯ

คุณชายรวีเห็นโสภิตพิไลเสียใจมาก จึงตัดสินใจบอกความจริงว่าที่เธอกับชิษณุไม่อาจรักกันได้
เพราะเธอเป็นลูกของ'สากับท่านพ่อ โสภิตพิไลเกิดอาการช็อคจนมีท่าทีเย็นชา
รับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นลูกของสา ผู้หญิงที่เธอเคยตั้งแง่รังเกียจมาก่อน
เธอไม่ยอมกลับเข้าวัง แต่กลับไปอยู่ที่บ้านของสา และทำตัวประชดชีวิต
โดยการไปเสนอตัวเป็นอนุภรรยาของ"ท่าน"ที่เคยหมายปองเธอ
นายพลสันทนาจึงพาเธอไป"เก็บ"ไว้ที่บ้านหลังหนึ่งของท่าน
แต่เผอิญช่วงนั้น"ท่าน"กำลังป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดจึงยังไม่ได้มาหาเธอ





ฝ่ายคุณชายรวีฯ ก็ถูกสถานการณ์บีบให้ต้องยอมเข้าพิธีแต่งงานกับคุณแหวว
ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเขาทำหน้าที่เป็นสามีที่ดีตลอดเวลา แม้จะรู้สึกสงสัยในพฤติกรรมบางอย่างของภรรยา
เขาก็ไม่เคยปริปาก จนกระทั่งคุณแหววให้กำเนิดลูกชาย หลังการแต่งงานเพียงแปดเดือน เขาก็ยังคงนิ่งเงียบ
ซึ่งนั่นทำให้คุณแหววยิ่งมองว่าเขาเป็นคนทึ่ม และที่ยอมแต่งงานกับเธอก็เพราะต้องการใช้อำนาจของบิดาเธอพยุงฐานะของตระกูลรวีวารเท่านั้น

ช่วงนั้นเอง ยายเจิม ป้าของสาที่ยังอยู่ในวังก็ล้มป่วยด้วยโรคชรา คุณชายรวีฯ และคุณหญิงศรีลักษณาจึงไปเยี่ยม ยายเจิมเพ้อว่าสามีลูกชายหนึ่งคน นั่นทำให้คุณชายรวีฯ เกิดความสงสัยจึงคาดคั้นเอากับคุณหญิงศรีลักษณา ว่าลูกชายของสาที่ว่านันก็คือตัวเขาใช่ไหม คุณหญิงไม่อาจโกหกคุณชายรวีฯได้จึงต้องยอมบอกความจริง ด้วยความฉลาด เข้าใจชีวิตและมีสติมั่นคง คุณชายรวีฯ จึงสามารถทำใจยอมรับได้ ไม่ได้มีท่าทีเสียใจหรือรังเกียจสา และยังรักและเคารพหม่อมพริ้มดังเดิม

แต่แล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง เมื่อท่านผู้นำเสียชีวิตลง เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจ นายพลสันทนาก็หันเหไปเกาะติดขั้วอำนาจใหม่ ในขณะที่คุณชายรวีพยายามถอนตัวเองออกมาจากการเมือง ทำให้คุณหญิงเฉิดฉวีไม่พอใจที่เขาไม่ยอมตามน้ำ กอปรกับจังหวะนั้น คนรักเก่าของคุณแหววกลับกลายมาเป็นคนใกล้ชิดของผู้นำคนใหม่ กลับมาจากเมืองนอกรับตำแหน่งที่ปรึกษาประจำทำเนียบ คุณแหววจึงแสดงออกอย่างเปิดเผยว่ายังมีเยื่อใยกับคนรักเก่า

และยิ่งเมื่อเธอกับมารดาได้รู้ความจริงจากคุณหญิงหริ(ที่ไม่พอใจที่คุณชายรวีฯไม่ยอมทำงานการเมือง
จึงพลั้งปากบอกกับคุณหญิงเฉิดฉวี)ถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของคุณชายรวีฯว่าเป็นเพียงลูกของ'สา
เธอจึงใช้ความจริงข้อนี้เป็นข้ออ้างขอหย่ากับคุณชายรวีฯ

และหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เหล่า"อนุ"ทั้งหลายของท่านผู้นำคนเก่าต้องถูกยึดบ้านและเรียกคืนทรัพย์สิน
โสภิตพิไลจึงหลบไปอยู่กับแม่แป้นโดยไม่ให้ใครรู้

ในตอนท้าย หม่อมพริ้มป่วยหนัก บอกให้เรียกลูกหลานทุกคน รวมทั้งสาให้มาหา
เมื่อสามาเยี่ยม หม่อมพริ้มก็ทั้งเตือนสติทั้งสั่งสอนสาว่าให้ทำตัวดี ๆ เพื่อเห็นแก่ลูกชาย-หญิงทั้งสอง
นั่นจึงทำให้สาได้คิด และยอมเลิกรากับนายพลสันทนาและเลิกทำธุรกิจไนท์คลับในที่สุด






คุยต่อหลังอ่านจบค่ะ
จะเห็นได้ว่า ในนิยายเรื่องนี้ 'สายังคงมีบทบาทสำคัญและเป็นแกนกลางของเรื่องราวต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณชายรวีช่วงโชติกับคุณหญิงโสภิตพิไล ลูกชาย-หญิงผู้ไม่รู้ถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง

ความรักความหวัง การพลัดพรากสูญเสียของทั้งสองคนล้วนแต่เป็นผลเนื่องมาจากกรรมที่'สาเป็นผู้ก่อขึ้นแต่ต้นทั้งสิ้น
แต่ถ้าเรื่องราวไม่เป็นไปเช่นนี้ ก็ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้ว่าชะตาชีวิตของหนุ่มสาวทั้งคู่จะพลิกผันไปเช่นไร

เป็นนิยายชีวิตเข้มข้นที่อ่านทีไรก็เต็มอิ่มทุกที

ด้วยการดำเนินเรื่องที่เรียบเรื่อย หากก็มีเงื่อนมีปมให้ได้ตามลุ้น ตามเอาใจช่วยตัวละครเป็นระยะ ๆ
มีการแทรกข้อคิดในการดำเนินชีวิตที่คมคาย เข้ายุคเข้าสมัยอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
การบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตที่สมจริงเสียจนคนอ่านอ่านไปแล้วจินตนาการตาม
เห็นภาพตัวละครคนนั้นคนนี้โลดแล่นใช้ชีวิตไปตามบทบาท ตามครรลองแห่งกรรมที่แต่ละคนได้สั่งสมไว้

หลายคนอาจจะอยากถามถึงเรื่องราวความรักความโรแมนติกมีบ้างไหมในนิยาย...?
คุณชายรวีฯ พระเอกของเราจะมีนางเอกกับเขาไหม...

มีค่ะ นางเอกน่ะ มีเค้าลางให้เห็นแว่บ ๆ ผ่านห้วงคำนึงของคุณชายรวีฯ...
เช่นตอนที่เขาต้องตัดสินใจแต่งงานกับสวาทโฉม...

'นัยน์ตาดำสวยประหลาดแวบเข้ามาในใจของรวีช่วงโชติ...'

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาตัดสินใจ 'หน้าที่'ของเขาต่างหาก หน้าที่ของผู้นำตระกูล..

กับตอนท้าย ๆ 'สาแอบแง้มนิด ๆ ว่าหล่อนสังหรณ์ใจว่า สักวันหนึ่งอาจจะได้'ใจสว่าง'เป็นลูกสะใภ้...

แต่ต้องยอมรับล่ะค่ะว่าเรื่องนี้นางเอกมีบทบาทน้อยมาก
แต่ออกมาแตละซีน เธอก็โดดเด่นไม่น้อย ด้วยรูปลักษณ์ที่ใคร ๆ ต่างชมว่าสวย
โดยเฉพาะนัยน์ตาที่ดำขลับสวยซึ้ง
กับชื่อที่แปลกและเก๋ไก๋ มีความหมายสมตัวมาก ๆ ด้วยใจสว่างเป็นสาวน้อยรักดีที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย
และมีทัศนคติที่ดี มองโลกและชีวิตในเชิงบวกอยู่เสมอ

แล้วก็...แน่นอนค่ะ นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายรักโรแมนติก ทั้งเรื่องจึงไม่มีซีนโรแมนติกให้ได้จิ้นเลย
แต่ด้วยสำนวนภาษา ด้วยวิธีเล่าเรื่อง อีกทั้งโทนของเรื่องเราแทบจะไม่รู้สึกขาดหรือจืดชืดเลยสักนิดค่ะ
อ่านไปอินไป ลุ้นไปกับการกระทำและการตัดสินใจของแต่ละคน

แม้ฉากของเรื่องจะเป็นยุคต้น ๆ พ.ศ. ๒๕๐๐ แต่บริบททางสังคมและการเมืองที่ปรากฏในเรื่อง
กลับไม่ได้เก่าแก่หรือล้าสมัยแม้แต่น้อย...

อย่างความคิดคำนึงของคุณชายรวีฯเกี่ยวกับการเมือง...

"บ้านเมืองในยุคนี้หรือยุคไหน ๆ ที่แล้วมา ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับอำนาจและอิทธิพลของคนเพียงคนเดียวทั้งนั้น
ทั้ง ๆ ที่ร้องว่าเป็นประชาธิปไตย...แทบจะเป็นความเคยชินของคนไทยไปเสียแล้ว...
ต้องมีคนใดคนหนึ่งผู้มี 'อำนาจวาสนา' เป็นผู้นำเป็นที่พึ่ง และเป็นผู้กำชีวิต!"


หรือตอนที่หม่อมพริ้มรำพึงเมื่อรู้ว่าคุณหญิงหริ ลูกสาวของท่านทะเลาะกับพี่น้องคนอื่น ๆ
แล้วลำเลิกบุญคุณกับคุณชายรวีฯ เพราะโกรธที่เขาไม่ยอมสวามิภักดิ์ให้กับผู้นำคนใหม่...

"เออ...เวลานี้...เงินเท่านั้นแหละหนอที่สำคัญที่สุดสำหรับคนทุกชั้น
กระยาจกเข็ญใจเสียอีก ดูเหมือนจะยังไม่โลภเท่ากับคนสูงศักดิ์สูงตระกูลบางคน
เพราะยาจกเข็ญใจ พอใจแค่มีมื้อกินมื้อเท่านั้น ถึงจะสะสมก็เพียงให้พอมีอยู่บ้าง
ไม่โลภโมโทสันอยากกอบโกยไม่ลืมหูลืมตา..."


กาลเวลาล่วงเลยไปหลายทศวรรษ บทรำพึงข้างบนนี้ยังคงเป็นจริงยิ่งกว่าจริงอยู่เสมอ

จึงนับได้ว่าเป็นนิยายชีวิตสุดคลาสสิค อ่านได้ทุกยุคทุกสมัยอีกเล่มหนึ่ง

ชวนอ่านอย่างแรงค่ะ












Create Date : 03 มกราคม 2557
Last Update : 3 มกราคม 2557 11:51:38 น. 16 comments
Counter : 36259 Pageviews.

 
หนักแน่น และเข้มข้น จริงๆค่ะ


โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 3 มกราคม 2557 เวลา:14:04:56 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณแม่ไก่...เรื่องนี้ยังไม่ได้อ่านค่ะรวมทั้งอีสาด้วย แต่ก็ได้ดูละครอยู่บ้างค่ะ สนุกดี


โดย: Aneem วันที่: 3 มกราคม 2557 เวลา:14:12:45 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณแม่ไก่

เคยดูละครเก่า ๆ ค่ะ ช่วงนี้ไม่ได้ดู
หนังสือยังไม่เคยอ่านทั้งสองเรื่องค่ะ
แต่ว่าจะหาโอกาสซื้อมาเก็บไว้อ่านเหมือนกันค่ะ


โดย: polyj วันที่: 3 มกราคม 2557 เวลา:17:12:16 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณแม่ไก่

ปีใหม่แล้ว หวังว่าปีนี้ตัวเองคงจะมีเวลาได้เข้ามาในชุมชนบล็อกแห่งนี้บ่อยๆ



ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยโปรดดลบันดาลให้คุณแม่ไก่ครอบครัวมีความสุขความเจริญ
มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายใจ ประสบแต่สิ่งดีๆ และเบิกบานตลอดปี


โดย: PhueJa วันที่: 3 มกราคม 2557 เวลา:18:48:17 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณแม่ไก่ ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุขทั้งกายและใจ ร่ำรวยตลอดไปนะคะ

แวะมาอ่านรีวิวค่ะ ว่าเห็นรีวิวแว๊บๆที่หน้าเวป พอมาหาใน bloggang อ้าว ยังเป็นปีเก่าๆอยู่เลยค่ะ (เลยต้องตามอากู๋เข้ามาหาแทนค่ะ 555)


โดย: Sab Zab' วันที่: 3 มกราคม 2557 เวลา:20:39:21 น.  

 
เคยดูละครเรื่องอีสา ตอนเด็กๆ ค่ะ
แต่แทบจะจำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย

อ่านรีวิวของคุณแม่ไก่ทั้งสองเรื่องแล้ว
ชอบค่ะ ไว้จะลองหามาอ่าน ในช่วงที่ชีวิตไม่ต้องการความหวาน(จากนิยาย) มากนัก



โดย: คอเล่า วันที่: 4 มกราคม 2557 เวลา:10:23:00 น.  

 
กำลังติดละครเรื่องนี้อยู่พอดีค่ะ เคยจากที่ไหนสักที่มีคนบอกว่ารวีช่วงโชติไม่สนุกเท่าอีสา ถ้ามีโอกาสไว้จะอ่านด้วยตัวเองค่ะ


โดย: ชบาหลอด วันที่: 4 มกราคม 2557 เวลา:23:32:20 น.  

 
มีฉบับของสำนักพิมพ์ ณ บ้านฯ อยู่เหมือนกันครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้อ่านซะที


โดย: สามปอยหลวง วันที่: 6 มกราคม 2557 เวลา:11:19:24 น.  

 
ประทับใจอีสา แต่เรื่องนี้ ไม่แน่ใจว่าอ่านหรือยังนะคะ


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 6 มกราคม 2557 เวลา:19:01:04 น.  

 
ว้าว ! เป็นอีกเล่มที่อยากอ่านมาก ๆ อะค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 6 มกราคม 2557 เวลา:19:43:30 น.  

 
มีอยู่ในกองดองทั้งอีสา และรวีช่วงโชติเลยครับ แต่ตอนนี้กลำงัติดละครขนาดหนักเลยละ


โดย: อุ้มสม วันที่: 6 มกราคม 2557 เวลา:20:20:48 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณแม่ไก่

รีวิวได้อินเทรนด์กับละครเลย
ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าในละครจะเล่นจนจบถึง รวีช่วงโชติหรือเปล่า ( ทองเนื้อเก้ายังจบไม่เหมือนในนิยายเลย )

เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านค่ะ แต่คงไม่อ่านละเพราะดูละครอยู่ ฮี่ ภาพนุ่นมันติดตาไปแล้วค่ะ


โดย: Serverlus วันที่: 6 มกราคม 2557 เวลา:23:19:52 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่แม่ไก่ .. สวัสดีปีใหม่ด้วยเช่นกันนะค่ะ

พู่อ่านแต่ว่าอ่านแบบข้ามๆ บ้างเพราะว่าสองเรื่องทั้งอีสาและก็
เรื่องข้างบนนี้ยังไ่ได้อ่านเลยแถมไม่ได้ดูละครด้วยล่ะค่ะ
เลยอยากอ่านด้วย ประมาณว่าคลาสิคแบบนี้น่าอ่านมากๆ
นี่เป็นละครหรือว่าเนื้อเรื่องไทยๆ สไตล์เก่าๆ ที่แบบว่าอ่านได้
เรื่อยๆ และเพลินๆ นี่มีเวลาเอามาอ่านต่อกันเลยได้สบายๆ เลยนะค่ะ

แต่ว่า มันจะไม่ค่อยมีเวลานี่สิค่ะ เหมือนที่พี่แม่ไก่กำลังบ่นในสถานะ
คนเป็น "ป้า" ที่ต้องดูแลหลาน 555 เน๊าะ .. ลำบากจริงค่ะ


อ้อ เรื่องราวในสวนขวัญเป็นหนังสือ น่าอ่านค่ะพี่แม่ไก่
แต่ว่าถ้าเป็นละครพู่ว่ามันก้ำกึ่งเพราะถามว่าสนุกไหมก็แบบว่า
ไงดี บอกไม่ถูกค่ะ เพราะว่ามันผิดไปจากหนังสือนิดหน่อย
เราว่าเราอ่านหนังสือมันเพลินแล้วมาเจอละครถึงรู้ทั้งรู้ว่า
มันไม่เหมือนกันแต่ว่ามันก็ยังไมโดนใจอ่ะค่ะ เลยดูมั่ง ข้ามมั่ง
แต่ว่าก็โอเคค่ะเพราะว่าอ่านแล้วเรียบร้อย :D



โดย: JewNid IP: 183.89.128.249 วันที่: 13 มกราคม 2557 เวลา:8:33:39 น.  

 
มาสวัสดีปีใหม่พี่แม่ไก่ค่ะ


โดย: เหมือนพระจันทร์ วันที่: 18 มกราคม 2557 เวลา:22:22:03 น.  

 
แล้วโสภิตพิไลไม่มีคู่เหรอค่ะ


โดย: สาวป่าตอง IP: 49.230.125.54 วันที่: 21 มีนาคม 2557 เวลา:17:01:34 น.  

 
^
^
ในเรื่องไม่มีบอกไว้ค่ะ
แต่แอบจิ้นเอาเองว่าน่าจะคู่กับปรมัตถ์ รุ่นพี่ที่เคยตามไปช่วยตอนที่โสภิตไปตามชิษณุท่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 21 มีนาคม 2557 เวลา:22:00:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.