|
นิราศดวงเดือน ผู้เขียน : รวิปรียา ผู้พิมพ์ : สนพ.ดับเบิ้ลนายน์(พิมพ์ครั้งแรก ธ.ค. ๒๕๔๓) ๓๐๖ หน้า ราคา ๑๗๐ บาท
สั้น ๆ จากหน้าคำนำ:
นิราศดวงเดือน คือบทบันทึกการตามหาความฝันของเด็กสาว ที่ยังอยู่ในวัยแสวงหา การเดินทางไปสู่หมู่บ้านกันดารในชนบท เพื่อเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง และค้นพบคำตอบของชีวิตที่ตนเองต้องการ
โปรยปกหลัง:
ความฝันของเธอ... เป็นเหมือนแสงจันทร์ส่องสว่างอยู่กลางใจ เพราะแสงจันทร์อันอบอุ่นละมุนตา... ทำให้เธอมีแรงใจที่จะติดตามค้นหา คำตอบในชีวิตที่ตัวเองต้องการ
แต่ใครจะคิดนะว่า... การเดินทางที่มีแสงจันทร์ส่องนำทางครั้งนี้ จะทำให้เธอได้พบทั้งความรัก...และความฝัน ที่กลายเป็นแสงสว่างให้หัวใจเธอตลอดไป
นิราศดวงเดือน... บันทึกการเดินทางของหัวใจ เพื่อค้นหาสิ่งที่ขาดหายไปของชีวิต
หลังอ่าน...
นิยายรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ของนักเขียนนามไม่คุ้น ด้วยออกผลงานมาแค่ ๑-๒ เล่ม แล้วก็หายเงียบไป
เรื่องย่อค่อนข้างยาก เพราะเป็นเรื่องเล่าของหนุ่มสาวในยุคแสวงหา ที่ผู้เขียนจะเน้นนำเสนอธีมเป็นหลัก และเป็นเรื่องเล่าผ่านมุมมองของนางเอก โดยใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ จึงเป็นเหมือนบทบันทึกส่วนตัวมากกว่า
แต่ก็จะพยายามย่นย่อพอเข้าใจนะคะ
นางเอกเป็นนักศึกษาสาขาพัฒนาชุมชนที่ต้องเดินทางไปฝึกงานในหมู่บ้านชนบทแถบอีสาน เธอจับฉลากได้หมู่บ้านโนนอีเกิ้ง(อันเป็นที่มาแห่งชื่อนิยายทีเหมือนจะโรแมนติกเล่มนี้นี่เอง... คำว่าอีเกิ้งเป็นภาษาอีสาน หมายถึงพระจันทร์)
เธอรู้สึกว่าเธอโชคดี เพราะช่วงที่ต้องมาเก็บข้อมูลเมื่อปิดภาคเรียนก่อน เธอก็ได้มาที่หมู่บ้านนี้ ได้รู้จักคุ้นเคยกับชาวบ้านเป็นอันดีอยู่แล้ว...
เมื่อกลับมาครั้งนี้ เธอจะต้องพักอยู่ที่นี่ถึงสองเดือนเต็ม ๆ ด้วยพลังกายพลังใจที่มุ่งมั่น เธอคาดหวังว่าเธอจะสามารถทำงานเพื่อ"พัฒนา"ชุมชนได้อย่างเต็มที่ สมกับที่ได้ร่ำเรียนมา
แต่เพียงวันแรกที่กลับมาที่นี่...แม้จะยังได้รับการต้อนรับอย่างเป็นมิตรและอบอุ่นเช่นเดิม... แต่เธอก็ได้พบว่า...หมู่บ้านโนนอีเกิ้งได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายเหลือเกิน...
เพราะค่านิยมทางวัตถุและการพนันรุกคืบเจ้ามาในหมู่บ้าน
เธอได้พบกับนายดิน ผู้ที่บอกกับเธอว่าเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เข้ามาเซอร์เวย์ค่าย ด้วยท่าทียียวนกวนประสาทกับความสนิทสนมที่เขามีต่อเด็ก ๆ ทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ แต่อะไรบางอย่างในท่าทางของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกไว้ใจเขาง่าย ๆ
เขาเข้ามาใกล้ชิดพัวพัน และให้ความช่วยเหลือเธอทุกอย่าง คอยปลุกปลอบให้กำลังใจยามที่เห็นเธอทดท้อต่อปัญหาและอุปสรรค ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนจึงค่อย ๆ พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าการมาฝึกงานของเธอครั้งนี้ จะทำให้เธอได้พบกับผลพลอยได้เป็นความรักที่อ่อนหวาน อบอุ่น... ถ้าไม่เพียงแต่...ในภาวะที่สิ้นหวังจากความล้มเหลวของโครงการที่เธอตั้งใจทำ... เธอกลับได้รับรู้ถึงเบื้องหลังที่คาดไม่ถึงของเขา...
เธอจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกเหมือนถูกหลอกครั้งนี้...?
นิยายน้ำดีอีกเล่มที่อยากนำเสนอมาก มีประเด็นทางสังคมให้ขบคิด มีสาระแห่งชีวิตให้ติดตาม และมีกลิ่นอายที่บริสุทธิ์ของธรรมชาติในชนบทที่แสงสีและเทคโนโลยียังเข้าไม่ถึง ทั้งด้วยสำนวนภาษาที่ลื่นไหลและการดำเนินเรื่องที่น่าสนใจ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนอ่านให้ต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ไม่จบก็ไม่อยากวาง...
เรื่องราวที่ดูเหมือนจะหนักและชวนเครียด... แต่ผู้เขียนเขาก็แทรกบทกุ๊กกิ๊ก แง่งอนของพระ-นางไว้อย่างน่ารัก ถูกจังหวะจะโคน ทำให้เรื่องราวนุ่มนวลลง มีความอ่อนหวาน และรสชาติของนิยายรักเข้ามาเจือให้ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง
นอกจากคู่พระ-นางที่เป็นเด็กหนุ่มสาวในวัยแสวงหากับความหวังความฝัน และความรักที่สดใสแล้ว ยังมีเรื่องราวความรักแบบนุ่ม ๆ เย็น ๆ ของคู่รองอย่างพี่หลิน-พัฒนากรสาว กับน้าจอม-ผู้นำหมู่บ้านหัวก้าวหน้า ผู้ทีนางเอกเรียกว่า"สุภาพบุรุษแห่งโนนอีเกิ้ง"(ซึ่งคู่นี้น่าจะป็นคู่เอกเสียด้วยซ้ำ) ท่ามกลางปัญหาและความขัดแย้งแบบบ้าน ๆ ในหมู่บ้านห่างไกล...
ที่คนอ่านบ้านนอกอย่างจขบ.อ่านแล้วค่อนข้างอินทีเดียว
จุดที่ชอบมาก ๆ อีกจุดหนึ่งในนิยายเรื่องนี้ก็คือการใช้ภาษา การใช้สัญลักษณ์เปรียบเปรย
เช่นบทสนทนาตอนหนึ่งระหว่างพระเอกกับนางเอก...
"ชีวิตคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับอะไรเพียงอย่างเดียวหรอก... ความสำเร็จมันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเมื่อเราทำงานครั้งแรก... ก้าวแรกใคร ๆ ก็พลาดได้ ล้มได้ ..."
"ความฝันของฉันมันก็เหมือนกับพระจันทร์นั่นแหละ มันเคยยิ่งใหญ่เต็มฟ้า แล้วก็ค่อย ๆ เลือนรางไปเรื่อย ๆ จนเหลือแค่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ และในที่สุดก็จะหายไปจากท้องฟ้าอย่างคืนนี้"
........
"แล้วบุ้งไม่คิดจะแหงนหน้ามองพระจันทร์ในคืนพรุ่งนี้และคืนต่อ ๆ ไปบ้างหรือครับ ไม่คิดจะมองวันที่พระจันทร์ค่อย ๆ เกิดขึ้นใหม่ทีละเสี้ยวเล็ก ๆ จนกระทั่งกลับมาสว่าง สุกใสเต็มฟ้าอีกครั้งบ้างเลยหรือ.... ทำไมบุ้งไม่ให้โอกาสตัวเองเริ่มใหม่อีกสักครั้ง..."
อ่านแล้วรู้สึกดีนะ...มันให้ความหวังและกำลังใจ พร้อม ๆ กับการสะกิดเตือนให้ยอมรับความเป็นจริงของสรรพสิ่งว่า... ใช่จะมีเพียงด้านเดียว
อ่านจบไปสด ๆ ร้อน ๆ เลยรีบมาชวนอ่านต่อค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวลืมอารมณ์ที่อยากเล่าไปเสียก่อน
|
สนพ.ดับเบิลนายน์เคยเป็น สนพ. ที่พิมพ์งานออกมาเยอะมากในช่วงเวลาหนึ่ง
ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว เข้าใจว่าน่าจะปิดตัวลงไปแล้วนะครับ