|
Cassette ...ท่วงทำนองในรอยรัก ผู้เขียน ปองวุฒิ ผู้พิมพ์ สนพ.อรุณ(ก.ย. '๕๖) ๒๕๓ หน้า ราคา ๑๙๙ บาท
เรื่องย่อ ๆ (จากปกหลัง)
'ญาดา' นักเขียนสาวผู้เปี่ยมความสามารถเดินทางกลับมาบ้านย่านเมืองเก่า เพื่อดูแลพ่อผู้เจ็บป่วย หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับแม่นานถึงสิบสามปี แต่มีสิ่งอื่นรอเธออยู่ด้วย นั่นคือสายลมหวนในความสัมพันธ์เก่าที่มีกับกุญช์ หนุ่มนักแต่งเพลงข้างบ้านที่เติบโตและเป็นเพื่อนสนิทเคียงข้างกันตั้งแต่เด็ก ทั้งสองรื้อฟื้นความทรงจำผ่านสื่อกลางอย่างบทเพลงจากเทปคาสเส็ตต์นับพันที่กุญช์สะสมเอาไว้ ย้อนรำลึกความหลังที่เคยมีร่วมกันในช่วงเวลาไร้เดียงสาขณะเป็นเด็กวัยรุ่นยุค ๘๐-๙๐
'กุญช์' พยายามเริ่มบทใหม่แห่งความรัก โดยใช้เรื่องราวประทับใจในอดีต ที่เคยมีร่วมกันเพื่อปลุกถ่านไฟเก่า แต่สำหรับญาดาแล้วบทเพลงในวันเก่าไม่ได้มีเพียงแค่ความสุข แต่มาพร้อมความเศร้า ความสูญเสีย โดยเฉพาะยามคิดถึงจุดเปลี่ยนแห่งชีวิตที่ทำให้ทั้งสองลาจาก สุดท้ายแล้วท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างของยุคสมัย ห้วงเวลาทั้งอดีตกับอนาคตของคนทั้งคู่จะสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และก้าวเดินไปพร้อมกันอีกครั้งหรือไม่
ขอเชิญรวมลุ้นไปพร้อมกัน อัลบั้มเพลงนี้จะจบลงอย่างไร เมื่อบทเพลงดำเนินมาถึงแทร็คสุดท้าย
หลังอ่าน... เป็นนิยายรักแนวใหม่ที่อิงอาศัยแกนเรื่องกับพล็อตแบบเก่า ที่อ่านแล้วให้อารมณ์เหงา ๆ ร่วมไปกับบรรยากาศแห่งการรำลึกความหลังและโหยหาอดีต
โดยผู้เขียนใช้วิธีดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างเรียบง่ายแต่ก็สร้างสรรค์ในที ด้วยสำนวนภาษาที่เรียบลื่น อ่อนเอื่อยแบบ...เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ผ่านร่องรอยแห่งอดีตแกับกระแสความทรงจำของพระเอก-นางเอก ที่ผู้อ่านสามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครผ่านบทเพลงรักร่วมสมัยหลากหลายเพลง ที่ผู้เขียนนำมาสอดร้อยให้เข้ากับเนื้อหาในแต่ละบทแต่ละตอน...
ซึงบทเพลงเหล่านั้นเป็นได้ทั้งการบอกเล่าถึงบริบททางสังคมในแต่ละช่วงเวลา... โดยผู้เขียนจะมีหมายเหตุสั้น ๆ บอกถึงความเป็นไปในสังคมในช่วงนั้น ๆ อย่างกระชับ ได้ใจความ และเป็นทั้งการปูพื้นให้ผู้อ่านได้รับรู้และสัมผัสได้ถึงสายใยความผูกพันของเด็กชาย-หญิงสองคน นับตั้งแต่วัยเด็กแรกเกิด จนเข้าอนุบาล ประถม มัธยมต้น... จวบจนถึงจุดที่ต้องแยกย้ายจากกันเมื่อต่างเรียนจบม.ปลาย
แล้วก็โคจรกลับมเจอกันอีกครั้ง ในอีกสิบสามปีต่อมา... หลังจากที่ต่างคนต่างก็ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและมุ่งหวัง
.........
ก็...ชอบนะคะ ชอบความแปลกใหม่ในกลวิธีนำเสนอ ชอบการใช้ภาษาที่ให้ความรู้สึกหม่น ๆ มัว ๆ ในบางจุด หากก็อบอุ่นอ่อนโยนในบางช่วง... มีจุดที่ชวนอึดอัดขัดใจบ้าง...แต่ก็หักกลบกันไปกับมุกชวนยิ้ม จากบรรดาตัวประกอบที่เป็นกลุ่มเพื่อนวัยเรียนของทั้งคู่
ชอบที่ผู้เขียนให้พระเอกอย่างกุญช์หลงใหลในเสน่ห์ของเทปคาสเซ็ต... (มันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เพื่อน แหะ ๆ บอกวัยได้ด้วย) รู้สึกร่วมไปกับเขาตรงที่ว่า...
เทปคาสเซ็ตมีเสน่ห์บางอย่างคล้ายกับชีวิตมนุษย์ ................. เมื่อเรากดปุ่มเล่น เทปพวกนี้ต้องฟังไปทีละเพลง ทีละแทร็ค ในอัลบั้มเดียวกันอาจมีทั้งเพลงที่เราชอบและไม่ชอบ ต่อให้กดเร่งได้ มันก็ไม่สามารถข้ามไปอย่างรวดเร็วเหมือนปุ่มฟอร์เวิดในเครื่องเล่นซีดีหรือไอพอดหรอก แถมกดบ่อยเทปยืดด้วย ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือต้องเปิดใจ ดำดิ่งกับท่วงทำนองและเนื้อเพลงทั้งอัลบั้มตั้งแต่ต้นจนจบ มันก็เหมือนภาพตัวแทนของชีวิตที่ต้องไหลไปตามจังหวะตามครรลอง มีทั้งดีและร้ายปนเปกันให้พบเจอ...
เสียดายก็แต่...ส่วนตัวรู้สึกว่า การขมวดจบในตอนท้ายคล้าย ๆ จะทื่อ ๆ ห้วน ๆ ไปนิดนึง ทำให้คิดว่า...จุดนี้หรือเปล่าที่ทำให่นิยายรักเรื่องนี้เป็นได้เพียงนิยายที่มีเนื้อหาโดนใจที่สุด และได้เข้ารอบโครงการประกวดรางวัลนายอินทร์อวอร์ด...ได้รับการตีพิมพ์ แต่ไม่ได้รางวัล
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ส่วนตัวคิดว่าเข้าใจคณะกรรมการนะคะ เพราะเห็นด้วยกับที่ว่า...เนื้อหาโดนใจ สำนวนภาษาลื่นไหลอ่านไม่สะดุด แต่เรื่องราวออกแนวอืดเอื่อยอ้อยสร้อยไปสักนิด ไม่มีจุดพีค หรือจุดเร้ารึงใจเท่าที่ควร
แต่โดยสรุปแล้วถือว่าเป็นนิยายน้ำดีที่น่าอ่าน และอ่านเพลินได้เล่มหนึ่งแหละค่ะ ทั้ง ๆ ที่โดยส่วนตัวเคยแอบมีอคติกับนักเขียนชายที่เขียนนิยายรักอยู่บ้าง... เมื่อได้อ่านเล่มนี้ยังต้องทบทวนตัวเอง ยอมเปิดใจและเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่เลยค่ะ
หยิบมาชวนอ่านกันในวันใกล้ ๆ วันแห่งความรักช่วงนี้ค่า
|