|
หวานรักในลมร้อน ผู้เขียน : แสนดี ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(อุ่นไอรัก) ๓๑๑ หน้า ราคา ๒๒๕ บาท
โปรยปก:
เมื่อลมร้อนกลายเป็นลมรัก หัวใจสองดวงจึงทอถักเป็นรักหวาน
ถ้าเปรียบชีวิตเป็นหนังรัก แสนดีมั่นใจว่าเขาเป็นพระเอก แต่จู่ๆ ตัวประกอบนิสัยแปลก กลับขโมยซีนไปเสียนี่
แสนดี ลูกชายคนเล็กของค่ายหนังยักษ์ใหญ่ ทำตัวเป็นลูกคนมีเงินครบสูตร เจ้าชู้ เอาแต่ใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ใช้เงินซื้อทุกอย่าง ขณะเดียวกันก็เปี่ยมด้วยเสน่ห์และน่าหมั่นไส้
กลางเมษา หญิงสาวเจ้าของดวงตาพูดได้ รักอิสระ เป็นตัวของตัวเองสูง ติดดิน มีมุมมองชีวิตไม่ซ้ำใคร ตรงไปตรงมา ใครอยู่ด้วยก็สบายใจ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหลงรัก
เมื่อคนสองคนที่ต่างกันสุดขั้ว มีเหตุให้ต้องมาใช้ชีวิตด้วยกัน ภายใต้แสงแดดอันแผดกล้าและความแห้งแล้งบนแผ่นดินอีสาน พวกเขาจะรับมือกันอย่างไร หัวใจใครจะตกเป็นของใครก่อน และหน้าร้อนปีนี้ จะเป็น 'ร้อนร้าย' หรือ 'ร้อนรัก'
อีกเล่มจากนักเขียนนามปากกาไม่คุ้นเคยที่อ่านสนุกและเพลิดเพลินเกินคาด!
เล่าเรื่องย่อ ๆ (ต่อจากปกหลัง)นิดหน่อย...
แสนดีพยายามที่จะเขียนบทหนังให้กับบริษัทของพ่อตัวเอง แต่เขียนยังไง ๆ ก็ไม่เคยเข้าตาพ่อกับพี่ชาย ความเป็นคนเอาแต่ใจ ทำให้เขาคิดว่าพ่อกับพี่อคติและไม่ยอมรับในตัวเขา
เพื่อนจึงแนะนำให้เขามีคนรัก เผื่อจะได้เข้าใจความรักที่นอกเหนือจากเรื่องบนเตียงเพียงอย่างเดียว
แล้วเขาก็ได้พบกับคนที่เป็นสเป็กของเขา...ปิยมน... เขาจีบเธอได้สำเร็จจนตกลงคบหากัน... แต่กระนั้น เขาก็ยังรู้สึกว่า มันเป็นเพียงความเหมาะสมคู่ควร... บางสิ่งบางอย่างมันขาดหายไป... ที่สำคัญ ปิยมนไม่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเขียนบทหนังรักดี ๆ ได้
จู่ ๆ วันหนึ่ง เขาก็ได้พบกับเพื่อนเก่าสมัยม.ปลายที่เขาเกือบจะลืมเลือนไปแล้วอย่างกลางเมษา หญิงสาวที่มีชื่อเล่นแปลก ๆ ว่า"เก้" ซ้ำยังมีทัศนคติและวิธีคิดที่ออกจะเพี้ยน ๆ ในความรู้สึกของเขา... แต่ความเพี้ยนของเธอนี่เองที่จับใจเขาอย่างประหลาด จนต้องสืบเสาะหาเบื้องหลังและความเป็นไปในชีวิตของเธอ ในช่วงเวลาที่ไม่ได้พบปะเจอะเจอกันร่วมสิบปี...
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดึงดูดให้เขาเฝ้าแต่วนเวียนไปคลุกคลีใกล้ชิด กลายเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อในเวลาต่อมา...
แต่เขาจะจัดการอย่างไรกับความสัมพันธ์อันคาราคาซังกับคนรักอย่างปิยมนล่ะ...?
ข้างบนนี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของเรื่องราวเองค่ะ... อยากจะเล่าเยอะ ๆ อยู่เพราะอ่านแล้วค่อนข้างชอบทีเดียว
แต่ก็เกรงว่าจะเผลอไปสปอยล์เนื้อหาเขาหมด...
ที่ชื่นชอบและชื่นชมก็คือวิธีเล่าเรื่องกับการสร้างสรรค์ตัวละครได้มีเสน่ห์ เท่และเก๋ไก๋มาก โดยเรื่องนี้ค่อนข้างสลับบทบาทกันระหว่างพระเอก - นางเอก
โดยให้พระเอกอย่างแสนดีเป็นลูกคนรวยที่งี่เง่า ๆ เอาแต่ใจ เหลาะแหละโลเล เจ้าสำราญ ติดหรูรักสบาย... บางอารมณ์ เหมือนเด็กไม่รู้จักโต
ในขณะที่นางเอกอย่างกลางเมษากลับเป็นคนตรงไปตรงมา เก่ง ฉลาดและทันคน แถมมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่เต็มเปี่ยม...
แล้วให้การดำเนินเรื่องเป็นไปโดยผ่านมุมมองของฝั่งพระเอกเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างแปลก(แต่เท่อะ)สำหรับนักเขียนหญิง... โดยเฉพาะนักเขียนรุ่นใหม่...
ซึ่งเธอก็ทำได้ดีเสียด้วย ทำให้เรามองเห็นภาพพระเอกที่ห่าม ๆ กวน ๆ ชวนจิกกัด ปากร้าย... แล้วก็ฟอร์มจัดอีกต่างหาก
ตัวละครที่ชอบที่สุดในเรื่องนี้เป็นนางเอกค่ะ...เธอเก่ง เก๋และเท่มากกกกก... ตอนที่เจอกับพระเอกเธอเข้าไปทักเขาก่อน... เขามีท่าทีเหมือนจะจำเธอไม่ได้ โดยโยงไปถึงเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นคนละกลุ่ม เมื่อเขาขอเบอร์โทรศัพท์เธอก็ปฏิเสธหน้าตาเฉย ด้วยประโยคง่าย ๆ ว่า...
"อย่าเลย เธอก็แค่ตื่นเต้นนิดๆ หน่อยๆ ที่เจอเรา แต่คงจะไม่ได้เจอหรือติดต่ออะไรกันแล้วละ อีกไม่นานก็ลืม ๆ กันไป เราเองก็เหมือนกัน"
เล่นเอาแสนดีตาค้าง...
หากเมื่อมาเจอกันอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน เขาทวงถามเรื่องเบอร์โทรศัพท์ แล้วต่อว่าเธอว่า...
"ทำไมเธอเสียมารยาท...เป็นคนไร้มนุษยสัมพันธ์แบบนี้ละ... หรือโกรธที่เราจำเธอไม่ได้"
หญิงสาวตอบเสียงราบเรียบว่า
"เรายอมรับว่าเป็นคนไม่มีมารยาท และไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่เราไม่ได้โกรธเธอ...เราสองคนเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องที่คุยกันไม่ถึงห้าสิบคำ ชีวิตอยู่คนละเส้นทาง มีหรือไม่มี มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลง ขอโทษนะที่เราพูดตรง ๆ แต่เราคิดแบบนี้จริง ๆ " ....... "......เราแค่ทำในสิ่งที่หลายคนคิด แต่ไม่กล้าทำก็เท่านั้นเอง เมมชื่อลงไปก็เปลืองพื้นที่เปล่า ๆ เพราะมันจะไม่มีวันถูกใช้"
เอากะหล่อนสิ...
นางเอกเป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน(เท่ได้อีก...) แต่มีงานนอกเวลาเป็นอาสาสมัครดูแลหมาแมวจรจัด รวมถึงสัตว์เลี้ยงสุดโปรดของเธออย่างช้าง...
ในเรื่องจึงมีฉากที่พระเอก(ที่คอยตามตอแยนางเอกโดยไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองติดใจความแปลกของเจ้าหล่อนเข้าแล้ว) ต้องไปช่วยนางเอกเลี้ยงช้างที่สุรินทร์ด้วย ซึ่งเรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติและสมเหตุสมผล... ทำให้เรื่องราวมีน้ำหนักและสมจริง
เรื่องนี้ไม่มีตัวร้ายค่ะ มีแต่ปมขัดแย้งนิดๆ หน่อย ๆ ชอบนิยายแบบนี้แฮะ ไม่ใช่โลกสวย แต่มันรู้สึกถึงความเป็นไปได้ในชีวิตจริง
ดังประโยคหนึ่งที่เขาโปรยไว้ต้นบทแรกว่า...
"โลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์หรอก ทุกคนต่างมีข้อเสียด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ"
อ่านแล้วก็...อือม์นะ
สำนวนภาษาก็ลื่นไหลทั้งบทบรรยายและบทสนทนา... ยกตัวอย่างตอนที่ชอบ ๆ สักนิด ๆ หน่อย ๆ
"เอาละ เรามาคุยแบบผู้ใหญ่กันนะดี... การที่ดีให้ความสำคัญกับเพื่อนผู้หญิงมากกว่าแฟน นอกจากจะทำให้แฟนไม่สบายใจแล้ว อาจทำให้เพื่อนกับแฟนผิดใจกันได้ เคยคิดเรื่องนี้หรือเปล่า"
"ไม่ผิดใจหรอกน่า พิงค์เขาเข้าใจ" เขายังมีท่าทีสบาย ๆ มองออกไปยังท้องทุ่งหญ้าที่ต้นหญ้ากำลังเอนตัวล้อลมอยู่ไหว ๆ
"อย่าพูดเอาแต่ได้ อย่าคิดไปเอง การที่เขาไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าเขาเข้าใจแล้วก็ยอมรับได้นะ"
"แล้วจะให้ทำไงละ" คราวนี้เขาสบตาหล่อนตรง ๆ "เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอ" กลางเมษาครวญอย่างไม่อยากเชื่อ"เชื่อเขาเลย อะไรเนี่ย"
"เธอรู้ก็บอกมาสิ"
"ไม่ต้องมาหามาวุ่นวายกับเพื่อน แล้วให้เวลาให้ความใส่ใจแฟนมากกว่านี้ไง... ง่าย ๆ แค่เนี้ย ทำได้มั้ย"หญิงสาวร้องถามเสียงสูง
"ทำได้ก็ทำไปนานแล้ว ไม่มายืนให้ไล่ปาว ๆ แบบนี้หรอก"
เขาโต้กลับเสียงเรียบ ทว่าแววตาแสนจะจริงจัง
"คิดว่าอยากมาหาเธอนักเหรอไง แต่มันห้ามใจไม่ได้ รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้อาจจะเสียเพื่อน แต่มัน...ก็อยากมาหา มาเห็นหน้า มาเห็นยิ้มอะ เข้าใจปะ"
.............
ตอนแรกบอกตามตรงว่ามีจุดที่ลังเลเล็กน้อยที่จะหยิบชึ้นมาอ่าน นั่นก็คือการที่คนเขียนใช้ชื่อตัวเอกชื่อเดียวกับนามปากกาที่ตัวเองใช้
เพราะส่วนตัวค่อนข้างมีอคติต่อการแต่งนิยายโดยเอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว
แต่เรื่องนี้กลายเป็นข้อยกเว้นค่ะ หลังจากได้อ่านพรีวิวจากหน้ารองปก ก็รู้สึกว่า...อ๊ะ น่าสนใจ ๆ เหมือนจะเป็นแนวเพื่อนรัก-รักเพื่อนอีกเล่มแล้ว เข้าทาง ๆ กะจะอ่านเล่น ๆ แต่ปรากฏว่าพอเริ่มอ่านก็เพลินจนเผลออ่านรวดเดียวจบแบบชิล ๆ
ชวนอ่าน ชวนสนับสนุนนักเขียนใหม่ ๆ ฝีมือมีแววพัฒนากันค่ะ พวกเขาจะได้มีกำลังใจรังสรรค์งานดี ๆ ให้กับพวกเราไงเนาะ
|
น่าอ่านมากๆ เลย
แค่ปกก็รู้ว่าหวานเนอะ
แค่เรื่องย่อก็สนุกแล้วล่ะ
หลายครั้งที่งานเขียนดีๆ
ถูกปฏิเสธด้วยกระบวนการตลาด
น่าเสียดายจังเลยค่ะ
มีความสุขมากๆ นะค่ะ