|
เก็บรักไว้ที่ปลายฟ้า / โอบพสุธาด้วยรัก / ปลูกรักใต้เงาใจ ดวงมาลย์ / คีตา / บุลินทร สนพ.อรุณ (มีนาคม ๒๕๕๗) ๓๕๗ / ๓๐๑ / ๓๔๕ หน้า, ราคา ๒๗๕ / ๒๓๕ / ๒๕๐ บาท
สั้น ๆ จากคำนำสนพ.
นวนิยายชุด'ต้นรักเสน่หา' เริ่มต้นมาจากแนวคิดของบ.ก.ที่ว่า ในปัจจุบันป่าไม้ของประเทศไทยถูกลักลอบตัดทำลายเป็นจำนวนมาก และวันนี้ แทบจะไม่เหลือผืนป่าให้ลูกหลานในอนาคต ซึ่งถ้าหากคนไทยยังไม่สำนึกรักธรรมชาติ อีกไม่นานป่าไม้ก็คงหมดไป รวมถึงชีวิตสัตว์ป่าที่อาศัยพึ่งพิงอยู่ในป่าอันอุดมสมบูรณ์
นี่จึงเป็นที่มา ของความรักอันแสนจะโรแมนติก ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ในนิยายชุดนี้
นิยายชุดนี้มีเพื่อน ๆ บล็อกรีวิวกันให้เอิกเกริกในช่วงที่หนังสือออกใหม่ ๆ เรื่องย่อก็คงมีให้อ่านกันไปเยอะแล้ว ส่วนตัวจึงขออนุญาตที่จะไม่ก๊อปเรื่องย่อหรือโปรยปกหลังมาลงอีก ขอบอกเล่าเมาท์มอยหลังอ่านแบบรวบยอด ทรีอินวันเลยละกันนะคะ
ได้ชื่อว่าเป็นนิยายชุดด้วยทั้งสามเรื่องมีธีมเดียวกันคือเน้นในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติ กับมีตัวละครที่ยึดโยง เชื่อมเรื่องราวเข้าด้วยกัน เป็นพระเอกสามหนุ่ม...(แต่)มุมเดียว คือ ทั้งสามคนเป็นเพื่อนร่วมก๊วน กวนและเกรียนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมนู่น...
ที่บอกว่าพระเอกเป็นสามหนุ่มมุมเดียวก็เพราะทั้งสามเรื่องเขามีคอนเซปต์ร่วมว่า... พระเอกทั้งสามจะต้องร้าย ดิบ เถื่อน...แต่เมื่อมาเจอนางเอกที่ร้ายกว่า พวกเขาก็ให้มีอันต้องแพ้ทางพวกเธอ...
ฉากของเรื่องทั้งสามก็จะเป็นต่างจังหวัดที่ยังหลงเหลือธรรมชาติ มีป่าเขาลำเนาไพรให้คู่พระ-นางได้ร่วมกันบ่มเพาะต้นรัก
แต่นอกเหนือจากคอนเซ็ปต์ร่วมดังกล่าวข้างบนแล้ว ทั้งสามเรื่องก็มีเนื้อหาและแนวเรื่องค่อนข้างเป็นอิสระต่อกัน สามารถแยกอ่านเดี่ยว ๆ ได้ หรือจะเลือกอ่านตามลำดับก่อนหลังยังไงก็ได้...
............
เจ้าของบ้านนี้เลือกเริ่มที่ "เก็บรักไว้ที่ปลายฟ้า" ของ"ดวงมาลย์"ค่ะ...
เรื่องนี้เป็นเรื่องของกวินทร์หมอหนุ่มหน้าตี๋ที่หนีการคลุมถุงชนจากเมืองกรุง มุ่งสู่'ม่อนเจ้าคำ' เพื่อไปเป็นหมออยู่บนดอย แต่หารู้ไม่ว่า นั่นเท่ากับเป็นการหนีเสือปะจระเข้ เพราะที่บนดอยนั้น ก็มีคนจ้องจะจับคู่ให้กับเขาอยู่เหมือนกัน...
ยายแก้วสายเป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งเดียวบนม่อนเจ้าคำ รู้สึกพอใจในตัวหมอหนุ่มจนอยากจะได้เขามาเป็นหลานเขย จึงวางแผนหลอกล่อให้หลานสาวคนเดียวอย่างขวัญชมัย ครีเอทีฟสาวสุดเปรี้ยว ให้เดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านบนดอยกับเธอ... ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ขวัญชมัยกำลังมีปัญหาที่ทำงานอยู่พอดี เธอจึงตามใจผู้เป็นยาย กลับมาบ้านเกิดที่ม่อนเจ้าคำ ... จากนั้นก็เป็นเรื่องราวของสาวหัวดื้อกับหนุ่มหัวแข็ง ที่จะต้องปะ ฉะ ดะ กันทุกครั้งที่พบหน้า จนกลายเป็นพัวพันชิดใกล้ตามแผนลับของคนเป็นยาย
......................
ก็ชื่นชอบพอประมาณค่ะ สำนวนภาษาคนเขียนลื่นไหลดีอ่านไม่มีสะดุด การเปิดเรื่องทำได้น่าสนใจ น่าติดตามทีเดียว มีเรื่องราวอันเป็นสาระว่าด้วยการสาธารณสุขระดับชุมชน กับการอนุรักษ์ธรรมชาติที่ดำเนินควบคู่กันไปอย่างสอดคล้องกลมกลืน แถมมีปมซับซ้อนเรื่อง"ขุมทอง"ที่ซ่อนอยู่ในม่อนเจ้าคำอีก ช่วยเพิ่มสีสันให้นิยายไม่น้อย
ชอบพระเอก-นางเอกเรื่องนี้ที่แสบและร้ายพอกัน สมน้ำสมเนื้อกันดี แต่ตัวละครประกอบ โดยเฉพาะตัวอิจฉาอย่างบัวหอมออกจะหน่อมแน้มไปหน่อย คือมันเห็นได้ชัดเกินไปว่า...มันคนละชั้น ไม่น่าเอามาเปรียบเทียบกันได้เลย ถึงตอนท้ายจะมีสาวหมวยคู่หมายของพระเอกแทรกเข้ามา ก็กลายเป็นตัวตลกไปเสียนี่ ส่วนปมดราม่าเรื่องพ่อนางเอกนั่น...แหะ ๆ นี่มันซีรีส์เกาหลีชัด ๆ
อ้อ...อีกนิด ม่อนเจ้าคำนี่อยู่บนดอยแถบภาคเหนือ แต่ไฉนข้าเจ้าอ่านแล้ว กลับไม่ค่อยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของบรรยากาศทางเหนือ ๆ สักเท่าไหร่เลยแฮะ
เล่มที่สอง อ่าน"โอบพสุธาด้วยรัก" ของ 'คีตา' ค่ะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของหนุ่มทิม ทีปกร ครีเอทีฟหนุ่มไฟแรง ที่ต้องเดินทางไปเป็นนักสืบจำเป็น ที่ไร่แสงจันทร์ ในดินแดนอันไกลโพ้น เพราะน้าสาวที่เขาเคารพรักดุจแม่ ผู้เป็นเจ้าของไร่นั้น ถูกวางยา
ที่นั่นเขามีผู้ช่วยคนหนึ่ง ตามที่ทนายของน้าสาวฝากฝังมา... ปีย์วรา หญิงสาวสุดเซอร์ที่มีอาชีพไม่ธรรมดา เพราะเธอเป็นช่างซ่อมรถ มีอู่ซ่อมรถเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง
ทั้งคู่จะต้องร่วมมือกัน สืบหาตัวคนร้ายที่วางยาน้าสาวของทีปกร รวมถึงการแก้ปัญหา สางปมขัดแย้งในไร่ระหว่างน้าสาวของเขากับหลานชายของน้าเขย...หุ้นส่วนคนสำคัญ ที่จู่ ๆ ก็ต้องการแบ่งแยกดินแดนซะงั้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเขาเคยให้ควาเคารพป้าสะใภ้มาตลอด... อะไรคือสาเหตุแห่งความขัดแย้งและเข้าใจผิด นั่นคือสิ่งที่ทีปกรต้องค้นหา... ด้วยความร่วมมือจากสาวยิ้มยากอย่างปีย์วรา
........................
พูดได้เลยว่าในชุดนี้ ชอบเล่มนี้ที่สุด แม้จะตอบโจทย์ธีมในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติได้น้อยที่สุดก็เถอะ (แล้วก็โรแมนติกน้อยที่สุดด้วยเช่นกัน)
เรื่องนี้จะเน้นไปที่เรื่องของการสืบสวนสอบสวน(ซึ่งน่าจะเป็นแนวถนัดของผู้เขียน) แต่อาศัยฉากที่เป็นชนบท มีธรรมชาติที่เป็นไร่เป็นป่าเขาลำเนาไพร ทำให้โทนของเรื่องไม่ฉีกแนวไปจากธีมที่กำหนดให้มากนัก
การสร้างเรื่อง วางพล็อต และตัวละครก็พอดิบพอดี มีที่มาที่ไปสมเหตุสมผล การเดินเรื่องก็ทำได้กระชับฉับไวไม่เยิ่นเย้อ
ชอบนางเอกของเรื่องนี้จัง เธอเท่ เธอแนว เธอไม่เหมือนใคร ปูมหลังชีวิตของเธอค่อนข้างดราม่า แต่เธอก็ไม่เอาจุดนั้นมาเป็นปมด้อยคอยถ่วงตัวเองให้ตกจม... เพียงแต่มันอาจจะถ่วงหัวใจเธอนิด ๆ ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ค่อนข้างปิดตัว ปิดหัวใจรักใครยากอยู่สักหน่อย... จึงเป็นงานที่หนักหนาเอาการสำหรับพระเอกของเรา อาจจะหนักกว่างานสืบสวนที่เขากำลังทำอยู่ด้วยซ้ำในการที่จะเปิดใจหญิงสาวที่เขามองว่า... ไม่ธรรมดาคนนี้
เอาเป็นว่า...เล่มนี้ค่อนข้างบางที่สุดในชุด หากก็ครบรสลงตัวที่สุดเช่นกันค่ะในความรู้สึกส่วนตัว
เล่มที่สาม "ปลูกรักใต้เงาใจ" ของ 'บุลินทร'
เรื่องนี้ถึงคิวของนายเบน บุลวัชร เจ้าหน้าที่ป่าไม้หนุ่มหน้าเข้ม ที่จู่ ๆ ก็ต้องมารับงานไซด์ไลน์ ทำหน้าที่ดัดนิสัยลูกสาวหัวหน้าป่าไม้จอมวีนอย่างน้ำ-นลินา หลังจากที่บิดาของเจ้าหล่อนชักจะเหลืออดกับความเอาแต่ใจของลูกสาว ที่ถูกเลี้ยงดูแบบตามใจตะพึดโดยผู้เป็นยาย
ด้วยความเกรงใจผู้เป็นหัวหน้างาน บุลวัชรจำต้องยอมรับนลินา ให้เป็นผู้ช่วยในสำนักงานพิทักษ์ป่าบ้านภูไพรที่เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยอยู่
จากนั้นก็เป็นเรื่องราวของการรับมือกับความเหวี่ยง วีน และเอาแต่ใจของนลินา ควบคู่ไปกับการรุกคืบของโครงการพัฒนาพื้นที่ป่าโดยผู้มีอิทธิพลที่ร่วมมือกับผู้นำชุมชนท้องถิ่น ซึ่งในฐานะเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เขาจะต้องขัดขวางโครงการดังกล่าวด้วยชีวิต
.......................
ยอมรับค่ะว่าอ่านเล่มนี้อย่างไม่คาดหวังนัก ด้วยยังเกร็ง ๆ กับผลงานของนักเขียนนามนี้อยู่ (หลังจากได้อ่านไปสองเล่ม แล้วไม่ประทับใจนัก) ทั้ง ๆ ที่จะว่าไป... ดูเหมือนว่าเล่มนี้จะตอบโจทย์ธีมได้ชัดเจนที่สุดเพราะพระเอกเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้โดยตรง
อ่านช่วงแรก ๆ ต้น ๆ เรื่อง อาการเกร็งยังคงอยู่ค่ะ ก็เล่นเปิดเรื่องมาด้วยซีนละครหลังข่าวซะขนาดนั้น...
(นางเอกคุณหนูเดินทางไปหาพ่อ พระเอกมารับสายทำเอาคุณหนูวีนซะ...)
แล้วก็ต้อง"ทน"อ่านความไม่สมเหตุสมผลของเรื่องราวช่วงต้น ๆ ไปอีกระยะหนึ่ง...
(พ่อนางเอกยกลูกสาวให้เป็นผู้ช่วยของพระเอก แล้วก็ปล่อยให้ลูกสาวที่เพิ่งเดินทางมาถึงให้อยู่บ้านตามลำพัง ฝากฝังให้พระเอกดูแลดัดนิสัยในขณะที่ตัวเองเดินทางไปราชการที่อื่น...เอิ่ม...ต่อให้คุณไว้ใจผู้ชายขนาดไหน เป็นคุณจะกล้าทิ้งลูกสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานไปทันทีทันใดแบบนั้นไหมอ่า...?)
พอเข้าเรื่องของการเปิดตัวฝ่ายผู้ร้ายนั่นล่ะ เรื่องราวค่อยดูจะน่าสนใจ มีเนื้อหาสาระ มีมุกมีปมให้ลุ้นมากขึ้น ทำให้สามารถตามอ่านได้เรื่อย ๆ
แต่ก็นั่นแหละ อาจจะเป็นด้วยคนอ่านคนนี้ใช้ชีวิตอยู่บ้านนอก หลังดอยหลังเขามากว่าครึ่งค่อนชีวิต รู้สึกว่าหลายจุดหลายมุมยังขาดความสมจริงอยู่อีกมาก
เท่าที่อ่านงานของนักเขียนนามนี้มาสามเล่ม(รวมทั้งเล่มนี้) ก็พอจะวิเคราะห์ได้ว่า...(ผิดถูกไม่รับประกันค่ะ เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วน ๆ ) อาจจะเป็นเพราะผู้เขียนเป็นชายหนุ่ม ยังไม่ลึกซึ้งถึงอุปนิสัยใจคอของผู้หญิงมากพอ ตัวละครฝ่ายหญิงของเขา ไม่ว่าจะเป็นนางเอกหรือนางร้าย มักจะมีอะไรที่ขาด ๆ เกิน ๆ อยู่เสมอ
อย่างนางเอกเรื่องนี้ ชีร้ายได้น่ารำคาญมากกกกกกก....พูดเลย มองไม่เห็นความน่ารักซักกะนิด มันชวนให้สงสัยว่า เอ...ผู้หญิงแบบนี้ พระเอกมันรักเข้าไปลงได้ยังไงหว่า...
หรือนางร้ายอย่างน้องผลส้มก็เหมือนกัน ก็เห็นเกริ่นกล่าวว่าเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วในเรื่อง แต่ไฉน พฤติกรรมพฤติการณ์ของเธอถึงช่างดูโลว์คลาสเอามาก ๆ ต่อให้เป็นบ้านนอกชนบทขนาดไหน เมื่อได้รับการศึกษาที่สูงในระดับหนึ่ง การแสดงออกมันก็น่าจะ"สูง"กว่าที่เป็นอยู่บ้าง และ...ต่อให้นางร้ายขนาดไหน ในตอนท้ายก็ไม่น่าจะต้องมีชะตากรรมเลวร้ายถึงขั้นนั้น ในจุดนี้รู้สึกว่าคนเขียนโหดอะ
แต่ในส่วนของเนื้อหา การวางพล็อตและการดำเนินเรื่อง รวมถึงการใช้ภาษาในภาคบรรยาย รู้สึกว่าผู้เขียนจะมีพัฒนาการขึ้นเยอะมาก ขอชื่นชมค่ะ
(ส่วนที่ติง ๆ ไป คนเขียนหากได้เข้ามาอ่านก็อย่าเพ่อน้อยใจไปนะคะ คิดเสียว่ายายป้าคนนี้มันเรื่องมากไปหน่อย... ป้าไม่ชอบ คนอื่นที่เขาชอบคงมีอีกเยอะแยะ ยังไง ๆ ก็เป็นกำลังใจให้พัฒนาฝีมือยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ แหะ ๆ )
สรุปสั้น ๆ เลยละกันค่ะว่า...ชื่อว่าเป็นนิยายชุดแต่สามารถอ่านแยกเดี่ยวได้ค่ะ เรื่องราวไม่ได้ต่อเนื่องกัน ชอบในความสร้างสรรค์ของโจทย์ธีมที่กำหนดให้เปรียบเทียบความรักเป็นประหนึ่งการการปลูกต้นไม้(และดูแลธรรมชาติ) ขออนุญาตโควทข้อความในหน้าปกในของเรื่อง"โอบพสุธาด้วยรัก"มาลงไว้ตรงนี้
"ความรักนั้นเหมือนต้นไม้ อยากให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งก็ต้องใจเย็น ค่อย ๆ ดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ และเมื่อมันเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ มันก็จะดูแลเราเอง... ความรักจะดูแลเรา"
อ่านจบไปแล้วสักพักใหญ่ ๆ เพิ่งจะมีเวลา(และโอกาส)มาอัพบล็อก บอกเล่าชวนอ่านกันค่า...
|