|
มัศยาข้างสระ ผู้เขียน : ช่อมณี ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(ม.ค. ๕๗) ๔๕๗ หน้า ราคา ๓๑๕ บาท โปรยปก :
สายน้ำเย็นฉ่ำคือสิ่งที่เธอโหยหา และเขาซึ่งหลงใหลในการว่ายน้ำของเธอ ก็ไม่ต่างจากเจ้าชายเฝ้ารอเงือกสาวแสนสวยขึ้นจากน้ำมาหาสักครั้ง โลกของเธอคือสายน้ำใส แต่หัวใจที่เขามีให้เธอนั้นกว้างใหญ่และฉ่ำเย็นกว่านั้น
มัศยา เด็กสาวมัธยมปลายโรงเรียนวาริชมาศผู้รักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ และใฝ่ฝันจะก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับชาติให้ได้ในสักวัน แต่ด้วยปมเกี่ยวกับการได้ยินที่ด้อยกว่าคนทั่วไป ทำให้บิดาเกรงว่าลูกสาวจะเสียใจถ้าต้องไปแข่งในโลกของนักกีฬาปกติแล้วถูกรังเกียจ จึงผลักดันให้เธอเรียนอย่างเดียว
สรวิศ ผู้บริหารโรงเรียนวาริชมาศคนใหม่ และเป็นทายาทบริษัทผลิตชุดว่ายน้ำและชุดกีฬาหลายชนิด เขามีแผนสร้างไอดอลนักว่ายน้ำสาวเพื่อโปรโมตบริษัท และเขาเลือกมัศยา โดยไม่รู้ตัวว่าวินาทีนั้นก็ได้เลือกเด็กสาวตากลมโต เข้ามาไว้ในหัวใจแล้วเช่นกัน
เธอต่อสู้กับอุปสรรคเพื่อให้พ่อและสังคมยอมรับในความเป็นนักว่ายน้ำ ที่สามารถแข่งขันด้วยกติกาสากล โดยรับรู้ถึงความอบอุ่นใต้ปีกของเขา ที่โอบอุ้มและพร้อมจะประคองพาเดินบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ และความรักที่พร้อมจะบรรจบพบกันในสักวัน
หลังอ่าน... เท่าที่ได้อ่านงานของนักเขียนนามปากกานี้มาสามสี่เล่ม บอกได้เลยค่ะว่าค่อนข้างชอบเล่มนี้มากที่สุด
เรื่องราวโดยย่อก็ประมาณคำโปรยปกหลังด้านบนนั่นเลย จริง ๆ แล้ว นิยายเรื่องนี้ก็ไม่เชิงว่าเป็นนิยายแนวแปลกใหม่อะไรนัก เพียงแต่มันออกจะแหวกกระแสนิยมของตลาดนิยายในยุคนี้อยู่พอสมควร โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเรื่องของเด็ก ๆ วัยรุ่น
นิยายแนว ๆ นี้หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับธีมเรื่อง กับพล็อตที่คล้าย ๆ ซีรีส์หรือการ์ตูนญี่ปุ่นเกาหลีอะไรโน่น เป็นการบอกเล่าถึงการต่อสู้ ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่ตนรักของตัวเอก ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้แก่มัศยา สาวน้อยม.ปลายผู้รักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ เธอมีความบกพร่องทางการได้ยิน คือเป็นเด็กหูตึงนั่นเอง แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้ ความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมที่จะป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับทีมชาติของเธอไม่ใช่เป็นแค่ ความต้องการเอาชนะสภาวะที่เหมือนจะพิการของตัวเองเท่านั้น หากเธอมีความใฝ่ฝันที่จะได้พบกับนักว่ายน้ำเก่ง ๆ ทั่วโลก เพื่อจะได้พบปะและรู้จักกับผู้คนที่รักในสิ่งเดียวกันกับเธอ
มัศยาเป็นเด็กสาวที่มีความคิดความอ่าน มีวุฒิภาวะโตเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมาก อ่าน ๆ ไปต้องคอยพลิกดูเป็นระยะ ๆ ว่าเธอยังเรียนหนังสือแค่มอปลายจริง ๆ หรือ เพราะเมื่อเทียบกับพระเอก...ที่เป็นเจ้าของโรงเรียนที่เธอเรียนอยู่ และเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทผลิตชุดกีฬาขนาดใหญ่ อายุอานามก็น่าจะมากกว่าเธอไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปี ไม่ว่าจะเป็นลักษณะความสัมพันธ์หรือจากบทสนทนาพูดคุย ดูเหมือนพวกเขาจะเท่าเทียมกันไปหมด ทั้งความคิดความอ่านและการวางตัว การมอง การตั้งรับและการแก้ปัญหา... เป็นไปแบบ...เปี่ยมด้วยวุฒิภาวะทางอารมณ์และการมองโลกมองคนในแง่ดีสุด ๆ
และยังมีตัวละครเด่น ๆ ตัวอื่นที่ช่วยสร้างสีสันให้นิยายและเพิ่มความโดดเด่นให้กับมัศยา อย่าง...ยุพยง เด็กสาวผู้หลงใหลในชัยชนะ เพราะถูกเลี้ยงดูมาโดยป้าที่เกลียดความพ่ายแพ้
พอลล่า...เด็กลูกครึ่งสาวผิวสี ผู้มีปัญหาเนื่องจากพ่อแม่หย่าร้าง เมื่อพ่อเสียชีวิต เธอต้องมาอยู่กับแม่ที่แต่งงานใหม่...
ปองสิทธิ์...เด็กหนุ่มจอมเกเร ลูกชายนายตำรวจใหญ่ที่พ่อแม่ไม่มีเวลาอบรมดูแล เมื่อเข้าไปร่วมกับกลุ่มก๊วนอันธพาลจึงพลอยมีพฤติกรรมป่วนเมืองไปด้วย ทั้งที่เนือแท้แล้ว เขาก็เป็นเด็กที่มีจิตสำนึกฝ่ายดีอยู่ไม่น้อยทีเดียว และเป็นมัศยาที่เล็งเห็นในแง่มุมนี้... และเธอก็ใช้ความเป็นคนคิดบวกและเจตนาอันบริสุทธิ์ของตัวเอง พยายามดึงเด็กมีปัญหาทั้งหลายเหล่านี้ให้มาเป็นเพื่อน และใช้พลังอันเหลือเฟือของวัยรุ่นไปในทางสร้างสรรค์
จุดที่ชื่นชอบที่สุดในนิยายเรื่องนี้ก็คือเรื่องราวของครูแทนค่ะ ครูแทนเป็นอดีตนักว่ายน้ำทีมชาติที่เคยได้เหรียญทองมาแล้ว หลังจากประสบอุบัติเหตุจนพิการต้องใช้รถเข็น เขาจึงหันมาเปิดบ้านรับดูแลเด็กพิการ และเขาก็เป็นผู้ฝึกสอนการว่ายน้ำให้กับมัศยา เขาเข้าอกเข้าใจ ช่วยปลุกปลอบให้กำลังใจ และคอยชี้ให้เธอเห็นทางออกเวลาท้อถอยและมีปัญหาเสมอ ๆ เป็นคนพิการที่ทรงคุณค่า ทั้งต่อตนเองและต่อสังคมโดยรวมอย่างแท้จริง
การดำเนินเรื่องก็ค่อนข้างเรียบเรื่อยค่ะ เป็นไปตามขนบของนิยายแนว ๆ นี้ แบบว่า... ตัวละครมีอุปสรรคให้ต้องต่อสู้ มีปัญหาให้ต้องแก้ไข มีตัวร้ายมาคอยก่อกวนหนทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งก็ต้องแก้กันไปเป็นเปลาะ ๆ พระเอก-นางเอกก็อาศัยอุปสรรคและปัญหาเหล่านี้เป็นตัวเชื่อมประสาน ความสัมพันธ์ ให้ได้ร่วมกันแก้ปัญหาฟันฝ่าไป
แต่ถ้าใครจะคาดหวังบทรักที่ดึ่มด่ำ หวามหวานจากทั้งคู่แล้วล่ะก็...เห็นทีจะต้องผิดหวังค่ะ คุณ"ช่อมณี"ยังคงคอนเซ็ปต์ 'รักอย่างสุขุมคัมภีรภาพ' ของเธอไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายค่ะ หุหุ
แต่ในเรื่องสำนวนภาษา...ในเล่มนี้เธอซอฟท์ลงกว่าเล่มก่อน ๆ เยอะเลยค่ะ แม้จะยังสัมผัสถึงความห้วน กระด้างของบทเจรจาอยู่บ้าง แต่ก็น้อยลงมาก มีความกลมกลืนลื่นไหลระหว่างบทพูดและบทบรรยายที่นุ่มนวลขึ้น เด็ก ๆ พูดกับผู้ใหญ่รู้จักมีหางเสียง'คะ-ค่ะ'เยอะแล้ว... ในส่วนนี้ถือว่าให้ผ่านค่ะ
สรุปเลยละกันค่ะว่าเป็นนิยายวัยรุ่นแนวสร้างสรรค์สังคมที่น่าสนใจอีกเล่มหนึ่ง ท่ามกลางนิยายรัก ๆ ใคร่ ๆ เกลื่อนแผงหนังสืออยู่อย่างปัจจุบันนี้ อยากให้มีนิยายสะท้อนสังคมแนว ๆ นี้ออกมาเยอะ ๆ จังเลยค่ะ
อ่านจบแล้วหยิบมาเล่าต่อ ชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ
|
ปลาทั้งสามตัวที่อ่านแล้วเล่าผ่านไปนั่น ชอบปลาสาวน้อยตัวสุดท้ายนี้ที่สุดค่ะ เป็นเงือกสาวที่มีความสุขเมื่ออยู่ในน้ำ อ่านแล้วเห็นภาพ ฟินดีค่ะ
ช่วงนี้ที่บ้านฝนตกฟ้าร้องแทบทุกวันค่ะ อาจจะไม่ค่อยได้เข้ามาทักทายเพื่อนบล็อก แต่ก็ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่า