|
ตะวันไม่มีวันตกดิน ผู้เขียน : อาสดา ผู้พิมพ์: ชูการ์บีท(สถาพร - พ.ค. 57) 439 หน้า ราคา 270 บาท
เรื่องย่อ(จากปกหลัง)
ชีวิตคู่พลิกผันล่มสลาย เมื่อแสนยา นายทหารเรือหนุ่มถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ต้องหลบลี้หนีภัยออกนอกประเทศ วันที่นัดแนะกับภรรยาแสนรักเพื่อหนีไปใช้ชีวิตร่วมกัน กลับเห็นหล่อนอยู่ในอ้อมกอดของเดชา พันตำรวจหนุ่ม...
เกือบห้าปีแห่งความทุกข์ยากในต่างแดน สิ่งเดียวที่สลักลึกในใจแค้น คือนามของภรรยาแสนรักผู้ทรยศเขาอย่างเลือดเย็น นงคราญ!
นงคราญสู้ทนต่อคำครหาที่ผู้คนทั้งพระนครตราหน้าว่าเป็นหญิงแพศยา ทรยศหักหลังสามี ทนถูกผู้คนที่หล่อนรักประณามหยามเหยียดด้วยความไม่รู้ เพื่อปกป้องครอบครัวรวมถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของสามีมิให้มัวหมอง
หล่อนมิอาจแก้ไขความเข้าใจผิด ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น... มีใครบางคนอยู่เบื้องหลัง และอีกหลายคนปิดบังความจริง
หลังอ่าน เรื่องย่อจากปกหลังค่อนข้างรวบรัดชัดเจนอยู่แล้วนะคะ คงไม่ต้องเล่าอะไรเพิ่มเติมอีก
เล่มนี้เป็นโรแมนติกดราม่าที่ย้อนยุคย้อนสมัยไปนู่นนนนนน... กว่า 60 ปีผ่าน ซึ่งปกติจะเป็นแนวที่ชื่นชอบเป็นพิเศษของคนอ่านคนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีอิงประวัติศาสตร์แฝงอยู่ด้วยหน่อย ๆ จะยิ่งโปรดเลยแหละ... ซึ่งเล่มนี้ก็ตอบโจทย์ดังว่าเป๊ะๆ เลยทีเดียวค่ะ... ประกอบกับเมื่อได้ยินได้ฟังจากคอดราม่าหลายต่อหลายเสียง ถึงความรันทดน้ำตาหยดหยาดของนิยายเรื่องนี้ ซึ่งค่อนข้างตรงแนวที่กำลังโหยหาอยู่พอดี ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากอ่านให้ไม่อาจอยู่เฉยได้ ต้องขวนขวายหามาสนองนี้ดตัวเองอย่างเร่งด่วน แต่พอได้หนังสือมาเข้าจริง โรค'ดอง'กับโรค'ผัด'ก็เกิดจะกำเริบขึ้นมาอีก เลยได้แต่วางไว้อย่างนั้นอยู่พักใหญ่ ๆ เพิ่งจะได้ฤกษ์เบิกอารมณ์หยิบออกมาอ่านเมื่อเร็ว ๆ นี้ แหะๆ
อย่างที่บอกตอนต้น เรื่องนี้เป็นนิยายย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ซึ่งเปิดเรื่องมาด้วยเหตุรัฐประหาร อันเป็นต้นเหตุของเรื่องราวดราม่าทั้งหมด...มีการอ้างอิงถึงชื่อบุคคลที่มีตัวตนจริงในยุคนั้น รวมถึงเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นจริงด้วย ทำให้เนื้อหาในนิยายมีความสมจริง น่าสนใจและดึงดูดมาก ประกอบกับสำนวนภาษาและลีลาการเล่าเรื่องของคนเขียนลื่นไหลชวนอ่าน...
เพียงแต่ว่า...ประเด็นที่นำเสนอกับเนื้อหาหลักของเรื่องไม่ได้อยู่ตรงนั้น หากแต่เป็นเรื่องราวความรักสามเส้าอันสุดแสนจะดราม่ายิ่งกว่าละครน้ำเน่าสักสิบเรื่องเอามายำรวมกันในเรืองเดียว มีส่วนผสมของปุ่มปมต่างๆ ประดามีที่ประกอบอยู่ในเรื่องนั้นนิด เรื่องนี้หน่อย ไม่ว่าจะปมอิจฉาริษยา ปมเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ปมแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง ปมความหลังฝังใจ ...บลาบลาบลา...
ตัวละครทุกตัวไม่มีใครมีความปกติธรรมดาเป็นมนุษย์มนาสักเท่าไหร่เล้ย... แทบทุกคนมีความสุดโต่งไปข้างใดข้างหนึ่งได้อย่างเหลือเชื่อ
นางเอกก็แสนดี แสนจะเป็นแม่พระอะไรปานนั้น...(จึงขณะอ่าน แทนที่จะรู้สึกสงสารเรากลับรำคาญอะ) พระเอก...(คนไหนล่ะ...?)คนหนึ่งก็แสนจะโฉดและโหด(เหี้ย(ม))จนเหลือดี อีกคนก็แสนจะซื่อบื้อจนทื่อมะลื่อ...มองหาเสน่ห์เร้าใจแทบไม่เห็น (ถึงในตอนท้ายจะเห็นดีด้วยกับคนที่นางเอกเลือก แต่ในใจจริง ๆ อยากให้นางไม่เลือกใครเลยจะดีกว่า) ตัวร้าย(นางอิจฉา)ก็ร้ายแบบไม่บันยะบันยัง ร้ายแบบโต้งๆ ตื้น ๆ (แต่บทจะหายร้าย กลับเนื้อกลับตัวก็กลายเป็นดีได้ง่าย ๆ )
ขอสารภาพว่า...อ่านไปตงิด ๆ ไป มันอึดอัดขัดข้องไปกับพฤติกรรมของตัวละครไปเสียหมด บทบางคนน่าสงสาร เราก็ไม่รู้สึกสงสารแต่หงุดหงิดรำคาญแทน บางคนทำตัวน่าเกลียด แต่เราก็ไม่ค่อยเกลียด กลับสมเพช(แต่ไม่เวทนา)เสียมากกว่า
ความรู้สึกหลังอ่านมันจึงพลิกกลับสลับขั้วกับสิ่งที่คาดคิดไว้ขณะเริ่มอ่านบทแรกๆ จากที่รู้สึกว่าเรื่องราวมีความสมจริง เพราะผู้เขียนมีการอ้างอิงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ แต่เมื่ออ่านมาถึงพฤติกรรมหลายอย่างของตัวละครแต่ละตัว มันกลับรู้สึกขัด ๆ ...ไม่อิน...ไม่คล้อยตาม...เกิดเป็นคำถามขึ้นในใจตลอดเวลา ว่า...ทำไมทำอย่างนั้น ทำไมทำอย่างนี้... โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงบริบทของเรื่อง ซึ่งฉากคือช่วงเวลาระหว่างปลาย ๆ ปีพ.ศ. ๒๔๐๐ ต่อเนื่องถึงต้น ๆ พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ทันทั้งคนเขียนคนอ่าน แต่จากที่ผ่านหู(ปู่ย่าตายายเล่าให้ฟัง) ผ่านตา(อ่านนิยาย + ตำราว่าด้วยเรื่องราวในยุคนั้นก็เยอะอยู่)มาบ้าง พฤติกรรมหลายอย่างของตัวละครมันขัด ๆ กับความคิดความเชื่อชอบกล... เช่นบทที่นางเอกยั่วยวนสามี บทมั่วเซ็กส์ของทั้งน้องสาวทั้งแม่เลี้ยงของแสนยา บทน้องกับแม่นางเอก...ฯลฯ
จะดูมีความเป็นมนุษย์ปกติอยู่บ้างก็คงจะเป็นพ่อนางเอกกับคู่หมั้นคนใหม่ของแสนยากระมัง
สรุปเลยนะคะว่าอ่านได้ อ่านจบ ไม่ถึงกับไม่ชอบ แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าชอบ มันแค่รู้สึกอึดอัดคับข้องใจขณะอ่าน แถมอ่านรีวิวมาเยอะ มีแต่คนอิน คนชอบ บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาโศกาอาดูร ไอ้เราก็เลยเตรียมพร้อมเต็มที่ แต่พอไม่เจอจุดๆนั้นมันเลยเหมือนจะผิดคาดนิด ๆ แหะ ๆ
|