เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว" (๕๓)บทที่ ๕๐ ความสำเร็จ (จบ)
บทที่ ๕๐ ความสำเร็จ (จบ)
นาม : เป็นอันว่าไซอิ๋วก็จบแล้วซีครับท่านอาจารย์
โหงว : อีกหน่อย...คือว่า หลังจากท้าวกิมกังทั้ง ๘ หอบเอาพระถังและสานุศิษย์กลับไปเขาเล่งซัวแล้ว พระยูไลก็แต่งให้พระถังเป็นพุทธะองค์หนึ่ง เห้งเจียจะเป็นพุทธะในวันหน้า โป้ยก่ายนั้นตั้งให้เป็นทูต ทำพิธีประกาศคุณของพระตถาคต ซัวเจ๋งนั้นให้เป็นพระอรหันต์เถรเจ้า ม้าขาวหรือมังกรให้เป็นเศรษฐีผู้คอยอุปการะพระรัตนตรัย
ฝ่ายเห้งเจียขอร้องให้พระถังปลดห่วงมงคลที่เคยใช้บังคับตนออก เพราะบัดนี้ทุกสิ่งก็สำเร็จแล้ว พระถังก็ยิ้มแย้มกล่าวกับเห้งเจียว่า..." แต่ก่อนยังเถื่อนจึงต้องบังคับด้วยห่วงมงคล ครั้นการสำเร็จทุกอย่าง บัดนี้ห่วงมงคลก็หายไปเองแล้ว..."
เห้งเจียหันมาพิจารณา คลำดูก็รู้ว่าจริงก็ร่าเริงยินดี
เรื่องของอาจารย์และศิษย์มุ่งไซทีก็จบลงเพียงเท่านี้
รูป :ห่วงมงคล ๓ ห่วงคือไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) หรือสุญญตา ในที่สุดแม้ความว่างก็สิ้นไป
นาม : ว่างจากความว่างทุกสิ่งก็เป็นตามที่เป็นจริง
รูป :เมื่อมองเอียงข้างยึดถือความมี ความไม่มีก็ไม่ได้รับพิจารณา ครั้นเอียงข้างยึดความไม่มี ความมีที่มีก็กลับไม่เห็น
นาม : มีกับไม่มีล้วนเกิดแต่ความยึดถือ ตัวความจริงนั้นเป็นกลาง ๆ ที่ว่า ถ้าสิ่งนี้มี สิ่งนี้จะมี ถ้าสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จะไม่มี เป็นความจริงที่อิงกัน
รูป :ท้ายสุด จากทัศนะที่เป็นกลาง ๆ ไม่อิงข้างใดข้างหนึ่ง นำไปสู่สภาพเหนือทัศนะ นั่นคือวิมุติ เหนือเหตุเหนือผล
นาม : จึงว่าว่างจากความว่าง ว่างอันแรกนั้นปฏิเสธความมี เอียงเข้าข้างความไม่มี ว่างจากความว่างนั้น พ้นไปจากความไม่มี
รูป :ทำใจไว้แยบคายเช่นนั้น ไม่ต้องเดินทางไปไกลหลายหมื่นลี้หรอก
นาม : ทำใจไว้เช่นนั้น มันเดินทางของมันเองแต่ต้นจนจบ
รูป :เริ่มเรื่องด้วยโพธิ - ธรรมชาติรู้สุญญตา จบลงด้วยสุญญตา
(จบ "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว")
* คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๓๐๒ - ๓๐๔ ) ** เชิญอ่าน คำนิยม เรื่อง "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย ล.เสถียรสุต และ คำนำผู้ไขความค่ะ
|
Create Date : 13 ธันวาคม 2551 | | |
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 14:33:09 น. |
Counter : 8025 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว" (๕๒) บทที่ ๔๙ มลทินของผู้ทรงปิฎก...
บทที่ ๔๙ มลทินของผู้ทรงปิฎก และสิ่งที่หาไม่ได้ในพระไตรปิฎก
ฝ่ายโพธิสัตว์กวนอิม ครั้นบรรดาเทพารักษ์ที่เคยตามคุ้มครองพระถังเข้ารายงานผลงานแล้ว ทรงรับสั่งให้เทพารักษ์รักษาทิศทั้ง ๕ ไปแจ้งให้ท้าวกิมกังทั้ง ๘ ที่กำลังอุ้มพระถังและศิษย์กลับเมืองจีนนั้น ให้บันดาลให้พระถังได้รับเคราะห์ร้ายครั้งสุดท้าย
ท้าวกิมกังรับทราบคำสั่งของกวนอิมแล้ว เมื่อเหาะมาถึงแม่น้ำทงทีฮ้อ ก็ปล่อยวางพระถังและศิษย์ลงยังพื้นดิน เห้งเจียนั้นหยั่งรู้ความที่พระถังต้องประสบภัยแล้ว จึงไม่ยอมอุ้มพระถังเหาะข้ามลำน้ำไป
ขณะที่รีรอกันริมฝั่นนั่นเอง เต่าขาวตัวเดิมก็โผล่ขึ้นมาร้องเชิญทุกคนขึ้นขี่หลัง ศิษย์และอาจารย์ต่างก็ยินดียิ่ง พากันลงยืนบนหลังเต่า เต่าว่ายตัดกระแสน้ำตรงไปยังฟากตรงข้าม
ครั้นมาถึงกลางลำน้ำ เต่าขาวก็เอ่ยถามพระถังขึ้นว่า ที่ฝากไปถามพระยูไลว่า " เมื่อไหร่หนอเต่านี้จะได้เป็นมนุษย์...?"
ฝ่ายพระถังนั้น ความที่จดจ่ออยู่แต่เรื่องพระไตรปิฎก จึงลืมคำถามฝากของเต่าเสียสนิท เมื่อถูกทวงถามก็นิ่งอั้นอยู่
ฝ่ายเต่าขาวเห็นเช่นนั้น ก็รู้ว่าพระถังไม่เอื้อเฟื้อ จึงดำวูบลงในแม่น้ำ ทั้งอาจารย์และศิษย์ก็หลุดจากหลังเต่า แต่ก็หาจมน้ำไม่ เพราะกายเบาผิดคนสามัญ ฝ่ายเห้งเจียก็แผลงฤทธิ์รวบพระคัมภีร์ อานม้าและข้าวของไว้ได้ก่อนที่มันจะจมลงใต้น้ำ
ทั้งหมดขึ้นถึงฝั่งตรงกันข้ามด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอน พระถังนั้นหนาวสั่น มือทั้งสองข้างชาเพราะหอบพระไตรปิฎกไว้แน่น ท้องฟ้าก็มืดมิด เพราะมีพายุจัด
รุ่งเช้า เมื่อพายุสงบ อาจารย์และศิษย์ต่างก็ช่วยกันผึ่งพระคัมภีร์ให้แห้ง พระถังก็นั่งเฝ้าดูพระคัมภีร์อยู่ ในขณะนั้น ตาเฒ่าตั๊นเท่ง ตั๊นเซ้ง และชาวบ้านตั๊นแกจึง ได้ออกมาคารวะพระถัง ตั๊นเท่งถามพระถังถึงเหตุร้ายที่เกิดกลางน้ำ พระถังก็เล่าว่า " เพราะเราลืมคำถามฝากของเต่า คัมภีร์จึงเปียกแฉะหมด "
ครั้นพระคัมภีร์เหล่านั้นแห้งสนิทแล้ว ต่างก็ช่วยกันรวบรวมเก็บ จึงได้พบว่า เนื้อความพระคัมภีร์ปุนเห้งเกงสองสามเล่ม แห้งติดกับหินอยู่ "อักขระที่สำคัญจึงได้ขาดหายไป "
พระถังเห็นเช่นนั้นก็กล่าวโทษว่า เห้งเจียไม่ดูแลให้ดี เห้งเจียก็อธิบายว่า "เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะฟ้าดินจะมิยอมให้พระคัมภีร์นั้นครบถ้วน เพราะว่าพระธรรมล้ำลึกวิเศษสุดนั้น เกินวิสัยของคัมภีร์จะบันทึกได้"
ตาเฒ่าแซ่ตั๊น ก็นิมนต์พระถังและศิษย์ไปที่บ้าน แล้วถวายภัตตาหารการบุญเอิกเกริก แต่อาจารย์และศิษย์นั้น บัดนี้ เบื่อหน่ายต่ออาหารของปุถุชน จึงไม่มีผู้กินภัตตาหารเลย
เสร็จการบุญแล้ว ตาเฒ่าและชาวบ้านต่างช่วยกันสร้างอาราม ชื่อ เซงยี่(ช่วยชีวิต) เพื่อระลึกถึงพระถังและศิษย์ แล้วนิมนต์ให้ไปพักค้างอยู่ที่อารามแห่งนั้น แล้วลอบใส่กุญแจขังพระถังไว้ เพื่อเขาจะได้ทำบุญต่อไปอีกในวันรุ่งขึ้น พระถังเกรงว่าชาวบ้านจะไม่ยอมให้ลาจาก จึงให้เห้งเจียสะเดาะกุญแจแล้วหนีไปกลางดึก
กล่าวถึงท้าวกิมกังทั้ง ๘ ครั้นเห็นว่าพระถังหมดสิ้นภัยตามอำนาจของฟ้าดินทุกประการแล้ว ก็เหาะลงมาโอบอุ้มพระถังและศิษย์ พามุ่งตรงไปยังเมืองเชียงอาน แผ่นดินไต้ถัง
ฝ่ายพระเจ้าถังไทจงฮ่องเต้ ทราบข่าวที่พระน้องยาเธอถังซัมจั๋งกลับถึงเมืองเชียงอาน พร้อมทั้งพระไตรปิฎกครบถ้วน ก็ทรงปีติโสมนัส เสด็จออกมารับพระถังแล้วพาขึ้นสู่ท้องพระโรง พระถังกราบบังคมทูลรายงานการเดินทางแต่โดยย่อ
พระเจ้าถังไทจงฮ่องเต้ทรงมีพระราชศรัทธาใหญ่ ทรงแต่งคำประพันธ์ แล้วให้คัดลอกพระธรรมคำสอนเผยแผ่พระธรรมคุณ พร้อมทั้งยกย่องเกียรติคุณของพระถังให้ลือเลื่องไปทั่วเมืองจีน
จากนั้น พระองค์ทรงอาราธนาให้พระถังซัมจั๋งแสดงพระธรรมเทศนา ในขณะที่พระถังแสดงธรรมอยู่บนธรรมาสน์นั้น ท้าวกิมกังทั้ง ๘ ก็ร้องเรียกพระถังอยู่บนอากาศ แล้วท้าวกิมกังก็มาอุ้มหอบเอพระถังเหาะลิ่วไปสู่เขาเล่งซัว วัดลุยอิมยี่ เพื่อรับเกียรติคุณจากพระยูไล
รูป : คำฝากถามของเต่าว่าอย่างไรนะ ?
นาม : เมื่อไหร่นะ คนในโลกจึงจะยอมรับว่า คุณธรรมอย่างเต่านั้นคือมนุษยธรรมที่แท้ ...?
รูป : อะไรเล่าคือคุณธรรมอย่างเต่า...?
นาม : ซื่อสัตย์ ไร้เดียงสา..........ไร้มายาไร้ปลิ้นปล้อน สงบใจไม่เร่าร้อน............นอนแช่น้ำฉ่ำชีวี รูป : ถ้ากิเลสรุมสุมมาเล่า...?....
นาม : .....................หดเข้ากระดองผ่องราศี หัวหนึ่ง ตีนอีกสี่ รูป : อ๋อ ขันธ์บริสุทธิ์หยุดอุปาทาน......
โหงว : วุ่นโลกีย์เปรียบขี่เรือเหาะ........เร็วเหมาะเจาะเพาะสังสาร
นาม : แต่ขี่เต่าเข้านิพพาน................
โหงว : ไปเร็วเหลือ เชื่อไหมเธอ...?
รูป : เป็นอันว่า ซื่อบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ไร้มายาสาไถยคือมนุษยธรรมแท้ ที่คนฉลาดเฉโกในโลกหาว่าเป็นคนโง่เง่า ไม่ยอมรับแล้วยังหมิ่นเหยียดหยามนานา
นาม : ด้วยเหตุฉะนี้................พระคัมภีร์จึงเปียกแฉะ
รูป : รู้ปิฎกกระดกแกละ........แหละยกหางวางท่าทาง
นาม : คัมภีร์จึงมีมลทิน...........เพราะหมิ่นทางสะอาดสว่าง
โหงว : ปิฎกจึงตกค้าง..............อักขระด้วนกระบวนธรรม
รูป : เป็นอันว่า ธรรมแท้ที่เป็นส่วนคุณธรรมของเต่าคือซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั้น มักจะหาไม่พบในผู้รู้เทศน์ รู้ท่อง รู้เรียนพระไตรปิฎก
นาม : เพราะว่าคุณธรรมชนิดนี้ถูกลบอักขระออกจากพระคัมภีร์...
รูป : ยิ่งเรียนมาก ค้นคว้าจนตาลายยิ่งหาไม่พบ
โหงว : พบแต่ตัวตนในทางแตกฉาน จนยกหางข่มผู้อื่น ยิ่งไม่เป็นเต่า
รูป : กลับเป็นสัตว์ มีหูมีหางกระดก หดไม่ลง จมไม่ลง
นาม : ไม่มีกระดองสำหรับหดหัวหดตีนอย่างเต่านี่...
รูป : เอาล่ะ ต่อไปพระถังและศิษย์เบื่อหน่ายอาหารของปุถุชน ไม่มีผู้กินอาหารเลย...?
นาม : กิเลสโลภลาภอาบสักการ......คืออาหารของปุถุชน พอชีวินสิ้นกังวล................. วิมุติปริ่มอิ่มนิรันดร์ โหงว : การกินนั้นมีอยู่...................แต่ผู้กินมิใช่ "ฉัน"
รูป : อ๋อ...ธาตุลิ้นกินรสอัน -........สักว่าธาตุ ปราศตัวตน
นาม : เอ้า.....เขาขังพระถังไว้.........หวังถวายกองลาภผล
รูป : เห้งเจียโง่พิกล....................ไฉนะสะเดาะ เหาะกลางดึก? เห็นมีแต่พระตะกละ............ประจบสก อกระทึก โหงว : ข้อนี้ไว้ให้เจ้าตรึก................นึกตรองดู คงรู้เอง
รูป+ นาม : ...เฮ้อ...กลุ้ม
(จบบทที่ ๔๙ โปรดติดตามตอนต่อไป...)
* คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๙๕ - ๓๐๑ ) ** เชิญอ่าน คำนิยม เรื่อง "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย ล.เสถียรสุต และ คำนำผู้ไขความค่ะ
|
Create Date : 04 ธันวาคม 2551 | | |
Last Update : 4 ธันวาคม 2551 12:16:17 น. |
Counter : 1982 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว" (๕๑) บทที่ ๔๘ พระไตรปิฎกฉบับแท้
บทที่ ๔๘ พระไตรปิฎกฉบับแท้
พระถังและสานุศิษย์มุ่งเดินขึ้นสู่เขาเล่งซัว ผ่านประตูที่มีเทพเจ้าเฝ้ารักษาอยู่เป็นชั้น ๆ ในที่สุดก็ได้มาหมอบเฝ้าอยู่หน้าพระพักตร์พระยูไล อันแวดล้อมด้วยปวงเทพบุตร และหมู่พระอรหันตสาวกทั้งหลาย
พระยูไลทรงทักทายทั้งพระถังและศิษย์แล้ว พระถังก็ทูลถวายหนังสือเดินทาง พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์ของพระเจ้าถังไทจงที่จะทูลอาราธนาพระไตรปิฎกไปประกาศ ณ ประเทศจีน
พระยูไลจึงรับสั่งให้พระออนั้น(อานนท์) กับพระมหากัสสปะ นำพระถังไปชมหอพระไตรปิฎก อันมีพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ถึง ๕,๐๐๐ กว่าเล่ม พระอานนท์กับพระมหากัสสปะ ก็ช่วยกันขนคัมภีร์ออกมามอบให้พระถังซัมจั๋ง ทั้งเห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งต่างก็ช่วยกันห่อมัดแล้ว บรรทุกบนหลังม้าขาว ที่เหลือจากนั้นโป้ยก่ายกับซัวเจ๋งยกใส่หาบ หาบหามกันมากราบนมัสการลาพระยูไลแล้ว ทั้งอาจารย์และศิษย์ก็พากันลงจากเขาเล่งซัว หมายตาทิศบูรพา อันเป็นที่ตั้งเมืองไต้ถังแผ่นดินจีน
ฝ่ายพระพุทธเจ้าเยียนเต็ง (ทีปังกร) อันเป็นพระพุทธเจ้าในอดีตกาลนานไกล ได้รับสั่งให้พระเถระชื่อ แปะฮุย บันดาลพายุให้เกิดด้วยกำลังฤทธิ์ และพัดแรงจนพระไตรปิฎกที่พระถังกำลังนำลงจากเขาเล่งซัวนั้นกระจัดกระจายออก เพื่อจะให้พระถังรับรู้อะไรบางอย่าง
พระถังและศิษย์ต่างวางหาบช่วยกันเก็บพระไตรปิฎกอันทรงค่า เห้งเจียลองเปิดดูจึงเห็นว่า พระคัมภีร์ทั้งหมดนั้นไม่มีตัวหนังสือเลย เป็นกระดาษเปล่า ๆ ทั้งสิ้น
พระถังซัมจั๋งเห็นเช่นนั้น ก็ถอนใจใหญ่ ว่าเห็นจะไม่มีวาสนา ได้นำพระไตรปิฎกกลับเมืองจีนเสียแล้ว ส่วนเห้งเจียให้ความเห็นว่า เห็นทีพระอานนท์กับพระมหากัสสปะจะกลั่นแกล้งเพราะไม่มีของไปกำนัลเป็นสินบนแก่ท่านเลย ว่าแล้วทั้งศิษย์และอาจารย์ก็แบกคัมภีร์ย้อนกลับขึ้นไปหมอบเฝ้าแทบพระบาทพระยูไล แล้วทูลเรื่องราวให้ฟัง
พระยูไลจึงตรัสกับพระถังว่า "คัมภีร์ปิฎกที่ไม่มีอักษร นั่นแหละเป็นฉบับแท้ และวิเศษที่สุด" พระถังรับฟังแล้วก็เข้าใจความ
ครั้นพระยูไลทรงเห็นว่าพระถังเข้าใจแล้ว จึงรับสั่งให้พระอานนท์กับพระมหากัสสปะ จัดพระไตรปิฎกฉบับที่มีตัวอักษร มามอบให้แก่พระถัง ด้วยหวังว่าเมื่อไปถึงเมืองจีนแล้ว จะมีคนเข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่างตัวอักษรได้บ้าง
พระถังซัมจั๋งรับพระไตรปิฎกฉบับมีอักษรแล้วก็มอบบาตรให้แก่พระอานนท์ เป็นของกำนัลในธรรม แล้วกลับมากราบทูลลาพระยูไล พระยูไลรับสั่งกำชับว่า "หากผู้ใดไม่กินเจ และไม่มีศีลบริสุทธิ์แล้ว อย่าให้ผู้นั้นเปิดคัมภีร์ของตถาคตเลยทีเดียว"
ฝ่ายพระโพธิสัตว์กวนอิมเห็นการสำเร็จตามหวังเช่นนั้นแล้ว ก็กราบทูลรายงานให้พระเซ็กเกียมองนีฮุดโจ๊ว(ศากยมุนีพุทโธ)ทราบ พระยูไลเจ้าจึงรับสั่งให้ท้าวกิมกังทั้ง ๘ (เทพเจ้าผู้รักษาทิศ) นำพระถังไปส่งยังเมืองไต้ถัง ท้าวกิมกังทั้ง ๘ รับคำสั่งแล้วก็แสดงฤทธิ์อุ้มพระถังและศิษย์ รวมทั้งม้าขาวบรรทุกพระไตรปิฎก เหาะลิ่วขึ้นฟ้ามุ่งไปแผ่นดินไต้ถัง
รูป : (หัวเราะ) พระตรีปิฎก ไฉนโกหก ว่างตัวอักษร กระดาษเปล่า ๆ หลอกให้หาบคอน พระธรรมคำสอน ซ่อนอยู่แห่งใด ?
นาม : คัมภีร์วิเศษ ใครช่างสังเกต ซ่อนในหทัย คือสุญญตา อักขราไร จะกล่าวถึงให้ ถูกต้องเล่าหนา
โหงว : บาลีสันสกฤต ยิ่งพูดยิ่งผิด นั่นเพียงภาษา
รูป : ยิ่งลอกยิ่งเลอะ เปรอะไปทั้งหน้า ยิ่งเรียนยิ่งตา - มืดคลุ้มคลุมเครือ...
นาม : แปดหมื่นสี่พัน พระธรรมขันธุ์ สรุปลงเหลือ แต่สุญญตา ปริศนาเมื่อ พระถังนั่งเรือ ท้องพรุนสุญญัง
โหงว :ว่างตัวว่างตน ว่างคนว่างสัตว์ ว่างวัฏฏ์ว่างหวัง ว่างสุขว่างโศก ว่างโลกว่างชัง ว่างรักว่างทั้ง - โกรธเกลียดเบียดเบียน
รูป : ปิฎกห้าพัน อักขระอนันต์ นั่นท่านเวียนเขียน แต่สุญญตา อุตส่าห์พากเพียร ไว้ให้เราเรียน ขจัดตัวตน
นาม : ใจดุจกระดาษ บริสุทธิ์สะอาด ปราศจากหมองหม่น คือกระดาษเปล่า ใยเล่าฉงน ยั่นคือยุบล แยบยลคัมภีร์
โหงว : รู้เล่ห์ภาษา เห็นสุญญตา แจ่มจ้าทีนี้ จึงเปิดตำรับ ฉบับอักษรศรี แจ่มจ้าบาลี สันสกฤตปริยาย
รูป : ไฉนพระอานนท์ ยังกินสินบน "บาตรเดียว" ใจหาย
โหงว : กินวันละบาตร ร่ำรวยประหลาด ยิ่งคิดยิ่งขัน ... บาตรแลกปิฎก ตลกอยู่ครัน กินเกินบาตรนั้น ยิ่งห่างปิฎกธรรม
นาม : ไฉนยูไล ท่านไม่ยอมให้ คนพวกใจดำ ดูดเลือดเชือดเนื้อ เถือปีกฉีกม้าม พระองค์ทรงห้าม เปิดปิฎกเรียน ?
รูป : (หัวเราะ) คนมุ่งอามิส ลามกบัณฑิต จิตชั่วมัวเพียร มุ่งจำคำสอน ซ่อนเลศเทศน์เวียน โฉบฉวัดเฉวียน...
โหงว : ขายบัตรไปสวรรค์ ...
รูป : พระถังกลับเมือง เห็นทีจบเรื่อง ไซอิ๋วเพียงนั้น
โหงว : พระถังคนดี ยังมีโทษทัณฑ์ ลืมถามความอัน เต่าฝากถามมา...!
(จบบทที่ ๔๘ โปรดติดตามตอนต่อไป...)
* คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๙๐ - ๒๙๔ ) ** เชิญอ่าน คำนิยม เรื่อง "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย ล.เสถียรสุต และ คำนำผู้ไขความค่ะ
|
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2551 | | |
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2551 15:15:01 น. |
Counter : 1914 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว"(๕๐)บทที่ ๔๗ สุญญตา - เรือท้องโหว่
บทที่ ๔๗ สุญญตา - เรือท้องโหว่
อาจารย์และศิษย์หมายตาปราสาทของพระยูไลบนเขาเล่งซัวเป็นสำคัญ มุ่งตรงไปทางประตูธรรม จนบรรลุถึงลำน้ำลิ้งหุ้นโต้ ซึ่งกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เงียบสงัดไร้ผู้คน มีสะพานไม้อันเดียวที่ลื่นเหลือจะข้าม พระถังนึกหวั่นใจว่ามาผิดทางเสียแล้ว ยิ่งเห้งเจียยืนยันว่า นี่แหละคือทาง ยิ่งท้อแท้ยิ่งขึ้น แม้เห้งเจียจะกระโดดขึ้นสะพานไม้อันเดียว แล้ววิ่งไปฟากตรงข้ามแล้วกลับมาให้ดู แต่ทั้งพระถัง โป้ยก่ายและซัวเจ๋งก็ไม่กล้าข้ามอยู่ดี ก็รีรอกันอยู่
ขณะนั้นมีคนแจวเรือจ้างอยู่ริมลำน้ำ เห้งเจียเห็นก็จำได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์เตี๊ยบจิ๊นโจ๊วซือจำแลงมาช่วยส่งข้ามฟาก คนแจวเรือร้องตะโกนเรียกพระถังลงเรือ แต่พระถังเห็นเรือนั้นแล้วไม่กล้าลง เพราะเป็นเรือไม่มีท้อง คนแจวเรือจึงตะโกนบอกว่า...
" เรือของข้าพเจ้ามีอยู่ตั้งแต่เริ่มฟ้าดิน จนบัดนี้ก็ยังใช้ข้ามฟากอยู่ แม้มีคลื่นลมแรง เรือก็หาโคลงเคลงไม่ ไม่มีหน้าไม่มีหลัง(ไม่มีหัวไม่มีท้าย) สม่ำเสมอดี ไม่เสพด้วยอายตนะภายนอก ประสานกลมกลืนกันมาหมื่นกัปป์แสนกัลป์ สะดวกสบายดี เรือไม่มีท้องเท่านั้นที่อาจพาข้ามมหาสมุทร ส่งสู่ฟากตรงกันข้ามมามากแล้วตั้งแต่โบราณกาล ตราบปัจจุบันก็เช่นกัน"
แม้คนแจวเรือจ้างจะบอกกล่าวเช่นนั้นแล้ว พระถังก็หากล้านั่งไม่ เห้งเจียเห็นเช่นนั้นก็กระโดดเข้าผลักพระถังจนหล่นลงในน้ำ คนแจวเรือก็ฉุดแขนพระถังขึ้นนั่งกลางลำเรือ เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งและม้าขาวก็ถูกฉุดลงเรือหมด คนแจวเรือก็ค้ำเรือไม่มีท้องออกสู่กลางลำน้ำ ฝ่าคลื่นไปอย่างรวดเร็ว
ครั้นมาถึงกลางลำน้ำ พระถังก็ได้เห็นซากศพลอยอยู่ จึงให้นึกกลัวยิ่งนัก เห้งเจียเห็นดังนั้นก็ร้องขึ้นว่า "นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน - ตตฺตร ตวํ อสิ" โป้ยก่าย ซัวเจ๋งก็ลุกขึ้นตบมือ ต่างร้องตะโกนว่า "นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน" คนแจวเรือก็ร้องตะโกนขึ้นว่า "ควรรื่นเริงบันเทิงใจ เพราะนั่นคือท่าน " ทุกคนในเรือต่างก็ร้องสรรเสริญขึ้น "นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน"
จนกระทั่ง เรือถึงฝั่ง ครั้นแล้ว พระถังก็ประจักษ์ว่าว่างจากขันธ์ทั้งหลาย ตัณหาก็ดับสิ้นเชิง และเรือจ้างกับคนแจวก็หายวับไป
พระถังก็เอ่ยปากชมเชยเห้งเจีย แต่เห้งเจียบอกว่าทุกคนต่างอาศัยกันและกันมาโดยตลอด จึงสำเร็จการได้
ท่านอาจารย์และศิษย์รู้สึกบันเทิงใจเป็นที่สุด ต่างเดินชมนกชมไม้ที่ออกดอกออกช่องดงาม กิ่งก้านสล้าง ปากของทุกคนก็ร้องสรรเสริญภูมิภาคนั้น และบรรดาผู้ที่อยู่ ณ เขาเล่งซัว ต่างก็ร้องทักทายพระถังกันทั่วหน้าดุจญาติสนิท
รูป : ลำน้ำแทรกเมฆจึงจะข้ามพ้น มีสะพานไม้อันเดียวทั้งลื่นทั้งกลม ทั้งเล็ก ไปได้แต่เห้งเจียเท่านั้น...?
นาม : แต่พาชีวิตไปไม่ได้ นอกจากใช้ปัญญาข้ามไปมาได้
โหงว : ปราศจากผู้คน น้ำไหลเชี่ยวกราก
รูป : คนไม่มี ว่างจากสัตว์บุคคล มีแต่กระแสของธรรมธาตุไหลเชี่ยว ไม่มีอะไรต้านได้
นาม : ไม่มีเครื่องมืออะไรจะพาข้าม กระแสธรรมธาตุนี้ได้
โหงว : นอกจากเรือไม่มีท้อง
รูป : คือสุญญตา ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นว่าสัตว์ ว่าบุคคล ตัวตน เรา - เขา
นาม : คือ "แทรกเมฆ" ข้ามไป
โหงว : แทรกตัวเข้าไปในกระแสธรรมธาตุ - ธรรมชาติ ธรรมดา จนหมดตัว เพราะรวมเป็นหนึ่งกับกระแสธรรมธาตุ
นาม : ไม่ยึดมั่นในบุญ - บาป สุข - ทุกข์ ดี-ชั่ว เห็นแต่ความเป็นสองในหนึ่ง
รูป : คือตนที่ละลาย ล่องลอย แทรกซึมไปกับกระแส
นาม : นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน
รูป : ท่านคือธรรมชาติ ไม่แยกจากกันได้
นาม : ท่านนั้นเป็นทั้งหมด และทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว
รูป : ท่านนั้นไม่มีตาย ไม่มีเกิด ไม่ประกอบด้วยกาล
นาม : นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน เหมือนตุ๊กตาทำด้วยเกลือ พอจุ่มตัวลงในกระแสน้ำ ก็ละลายซึมแทรกสลายไป กระแสแห่งธรรมธาตุคือท่านเอง
โหงว : ตุ๊กตาเกลือแห่งอหังการ ที่ปั้นมาจากเกลือที่เตรียมจากน้ำเค็ม มันไม่กล้าเข้าใกล้น้ำทั้ง ๆ ที่มันกำลังกลิ้งไปหา เพราะมันคิดว่าจะว่างเปล่า ปราศจากประโยชน์ตามกิเลสต้องการ
นาม : จนเห้งเจีย(ปัญญา)ต้องผลัก...
รูป : ตุ๊กตาเกลือจึงละลายสิ้น ในกระแสที่เป็นที่มาแห่งมัน เหลือแต่การเห็น และเสียงสรรเสริญว่า นั่นคือเรา นั่นคือเรา
โหงว : ไม่มีสิ่งแปลกหน้า ไม่มีความกลัว เพราะในกระแสนั้น หามีอะไรให้กระหายอีกไม่
รูป + นาม : เพราะทุกสิ่งคือเรา
โหงว : จวงจื้อจึงว่า...ทีตี้อืออั๊วเปงแซ - ฟ้าดินเป็นสิ่งเดียวกับฉัน บวงหมวยอืออั๊วอุยอิด - สรรพสิ่งกับฉันเป็นหนึ่งเดียว
โหงว + รูป +นาม : ควรที่จะรื่นเริงบันเทิงใจ ความมีหนึ่งเดียว ควรนอบน้อมคารวะ และอธิษฐาน ที่จะเข้าถึงความเป็นเอง ของธรรมธาตุ
(จบบทที่ ๔๗ โปรดติดตามตอนต่อไป...)
* คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๘๕ - ๒๘๙ ) ** เชิญอ่าน คำนิยม เรื่อง "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย ล.เสถียรสุต และ คำนำผู้ไขความค่ะ
|
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2551 | | |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2551 11:22:14 น. |
Counter : 1531 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว" (๔๙)บทที่ ๔๖ ประตูธรรม
บทที่ ๔๖ ประตูธรรม
พระถังซัมจั๋งและสานุศิษย์รอนแรมมาจนบรรลุถึงภูมิประเทศอันร่มรื่นมีไม้ดอกเป็นพุ่มพวง ส่งกลิ่นหอมระรื่น หมู่บ้านทุกหมู่ที่ผ่านไปล้วนแต่มีคนถือศีลกินเจ และอีกครู่เดียวเห้งเจียก็ยกมือชี้ไปที่ยอดภูเขาที่มีปราสาทสลับซับซ้อนอยู่ ในคลองจักษุ พร้อมทั้งบอกพระถังว่า ที่นั่นคือสำนักวัดลุยอิมยี่ เขาเล่งซัว ที่ประทับพระยูไล ศิษย์และอาจารย์ต่างปลื้มปีติ ยกมือขึ้นประนมไหว้
กล่าวถึงเทพบุตรกิมเต็งไต้เซียน (กระหม่อมทอง) ได้รับคำสั่งจากพระกวนอิมโพธิสัตว์ ให้มารอพระถังซัมจั๋งอยู่นานนับสิบปี ครั้นเห็นพระถังกับศิษย์เดินมาแต่ไกลก็ลุกออกมาร้องเชื้อเชิญ จูงมือไปสรงน้ำ ประพรมสุหร่ายของหอมแล้ว ให้เปลี่ยนสบงจีวร พร้อมทั้งเลี้ยงน้ำชาอย่างดี
กิมเต็งไต้เซียนกล่าวชมพระถังว่า "เมื่อก่อนท่านดูโสมมเปรอะเปื้อน วันนี้สะอาดเอี่ยม น่าภาคภูมิใจยิ่งนัก สมเป็นบุตรพระตถาคตแท้"
ครั้นสนทนากันแล้ว กิมเต็งไต้เซียนก็จูงมือพระถังออกมาชี้ประตูธรรมให้ โดยกำหนดหมายภูเขาสูงเทียมฟ้าที่มีรัศมีโชติช่วงสว่างไสว เห็นเป็นขั้นลดหลั่นกันนับพัน ที่นั่นคือเขาเล่งซัว
พระถังซัมจั๋งเห็นเช่นนั้นแล้ว กล่าวคำอำลาแก่กิมเต็งไต้เซียน เห้งเจียก็ออกนำหน้าอาจารย์ มุ่งตรงไปวัดลุยอิมยี่......
โหงว : มานะสังโยชน์ที่พระอนาคามีละยังไม่ได้ แต่สิ่งนี้เองจะเป็นตัวชี้ทางสู่ประตูธรรม
นาม : หมู่บ้านแถบนั้นล้วนแต่ถือศีลกินเจ...?
รูป :และมีไม้ผลไม้ดอกออกช่อหอมรื่น...?
โหงว : ชีวิตเบ่งบานดุจดอกไม้
นาม : กินเจคือนิรามิสสุข
รูป :ชีวิตดุจอาบสรงสนาน สดชื่นสะอาดขาว...
โหงว : ปัญญานำไปสู่พระพักตร์พระยูไลที่โชติช่วง
นาม : ไม่เป็นอื่นอีก...
รูป :....นับตั้งแต่เขตโสดาบัน
โหงว : แต่ทีนี้อยู่แค่เอื้อม เพียงข้ามลำน้ำลิ้งหุ้นโต้ ลำน้ำที่ต้องแทรกเมฆข้ามไป
นาม : คือการละสังโยชน์สุดท้าย คืออวิชชา ด้วยอรหัตตมรรคญาณที่อุปมาด้วยการแทรกเมฆ หรือไปเหนือเมฆ...
โหงว : ด้วยเรือท้องกลวง
(จบบทที่ ๔๖ โปรดติดตามตอนต่อไป...)
* คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๘๒ - ๒๘๔ ) **เชิญอ่านคำนิยม เรื่อง "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย ล.เสถียรสุต และคำนำผู้ไขความ ค่ะ
|
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2551 | | |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2551 11:00:20 น. |
Counter : 1677 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|