หมอกมุงเมือง
Group Blog
 
<<
เมษายน 2567
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
21 เมษายน 2567
 
All Blogs
 

ลมหนาว : รพีพร

เรื่อง : ลมหนาว
ผู้เขียน : รพีพร
สำนักพิมพ์ : ปิยสาส์น
ปีที่พิมพ์ : 2509
เล่มเดียวจบ


จากข้อมูลในวิกิพีเดีย “ลมหนาว” เป็นนวนิยายจากบทประพันธ์ ของ รพีพร หรือ สุวัฒน์ วรดิลก ที่เคยลงเป็นตอนๆ ในนิตยสารเดลิเมล์วันจันทร์ ก่อนจะนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ โดย ชรินทร์ นันทนาคร และกำกับการแสดงโดย พันคำ ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16 มม. พากย์สด (ในฉากเพลงถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม. เสียงในฟิล์ม) ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2509 ที่ ศาลาเฉลิมกรุง นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา เพชรา เชาวราษฎร์ และยังเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของ อรัญญา นามวงศ์ รองนางสาวไทยประจำปี พ.ศ. 2507 ในฐานะนักแสดงรับเชิญอีกด้วย

ภาพยนตร์เรื่องลมหนาวได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้จาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ถึง 9 เพลงมาประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้โดยมีเพลงพระราชนิพนธ์ ลมหนาว เป็นเพลงเอกนอกจากนี้ยังมีเพลงใหม่ที่ได้นำมาประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้คือเพลง สดุดีมหาราชา จากปลายปากกาของครู ชาลี อินทรวิจิตร ครู สุรัฐ พุกกะเวส และครู สมาน กาญจนะผลิน ซึ่งได้กลายมาเป็นเพลงถวายพระพรจนถึงทุกวันนี้
+++++++++++++++++++++++
          ลมหนาว เป็นเรื่องราวที่บอกเล่าผ่าน “ข้าพเจ้า” ซึ่งเดินทางท่องไปยังดินแดนแถบอีสานในช่วงหน้าหนาว และมีโอกาสได้รู้จักกับสตรีผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ในกระท่อมมุงแฝกฝาขัดแตะของหล่อน เธอผู้มีนามว่า แพร และจากนั้นเรื่องราวที่มาของ แพร ก็ได้เล่าเรื่องผ่านกระแสแห่งลมหนาวอันรายล้อมรอบด้านนั้นออกมาให้ข้าพเจ้าได้รับฟัง

   “ฉันมีชีวิตที่มีเค้าโครงง่ายๆ “ แพรบอกข้าพเจ้า “หากว่าชีวิตคือ พรหมลิขิตอย่างที่เขาพูดกัน ฉันก็ไม่ต้องการพระพรหมที่ช่างพิถีพิถัน ฉันอยากได้พระพรหมขี้เมา หรือ ซี้ซั้วสักองค์หนึ่ง ลิขิตชีวิตง่ายๆ ส่งเดชให้ฉันเถิด มันคงประเสริฐกว่าชีวิตที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้...”

         “ชีวิตของฉัน ดู ๆไป ก็เหมือนชีวิตของ เอมเปอเรอองค์หนึ่ง ซึ่งรุ่งโรจน์แล้วร่วงโรย ลุกยืนแล้วลงล้ง มงกุฎแห่งราชศักดิ์ หลุดกระเด็นลงไปคลุกฝุ่น แต่ฉันมีเพียงมงกุฎรักที่ครอบห้วใจอยู่ เมื่อมันกระเด็นหลุดไป แทนที่มันจะคลุกฝุ่น มันกลับคลุกด้วยเลือดและน้ำตา”


และจากนั้นเอง เรื่องราวของแพร ก็ได้นำพาผู้อ่านให้ย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ.2475!
          +++++++++++++++++++++++
         นั่นเป็นสถานการณ์ในช่วงการปฏิวัติการปกครองไทย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นมากมาย สำหรับครอบครัวของพระยาวิสัยรัตนสาส์น ก็เช่นกัน ท่านอาศัยในบ้านหลังงามริมถนนนครไชยศรี ก่อนจะตัดสินใจลาออกจากราชการ และวางแผนการเดินทางไปยังหัวหิน พร้อมภรรยา และลูกทั้งสี่คน

แต่แล้ว ช่อเพชร ลูกสาววัยสิบเก้าปี บุตรีคนที่สอง ก็ตัดสินใจหนีออกจากครอบครัว เลือกไปใช้ชีวิตกับ นักเรียนกฎหมายหนุ่ม ผู้มีนามว่าทักษ์ บัวผัน!

       ทักษ์เป็นเพียงลูกผู้ใหญ่ทิม พื้นเพเป็นชาวนาชาวไร่ ในอำเภอจอหอ ของจังหวัดนครราชสีมา และเดินทางมาเรียนกฎหมายที่กรุงเทพฯ เพื่อหวังความก้าวหน้า จนได้มาพบกับช่อเพชร ดอกฟ้านักเรียนสาวสวย และวางแผนหนีไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

       ด้วยความอับอายอัปยศ ทำให้ครอบครัวพระยาวิสัยฯ ไม่ได้ออกตามหาตัว และตัดขาดลูกสาวคนนี้ออกไปจากตระกูล ชีวิตครอบครัวของทักษ์ และช่อเพชร ได้อยู่ร่วมกันด้วยความรักจนมีลูกสาวตัวน้อย คือ แพร ก่อนที่รอยร้าวฉานในครอบครัวจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อผู้ใหญ่ทิมพ่อของทักษ์ เดินทางมาเยี่ยมลูกชายที่บ้านพักกรุงเทพฯ และเกิดมีปัญหาขัดแย้งกับช่อเพชร หญิงสาวเองก็เริ่มเอือมระอากับชีวิตที่ยากลำบาก ดังนั้นเมื่อเธอได้พบกับนมอาบ พี่เลี้ยงคนสนิท และนำความไปบอกกับ คุณหญิงผู้เป็นมารดา แผนการที่จะพาตัวช่อเพชร และลูกสาวตัวน้อย กลับคืนมาสู่บ้านพระยาวิสัย จึงเริ่มต้นขึ้น
        +++++++++++++++++++++
     ช่อเพชรเองก็เต็มใจ เพราะพักหลังเริ่ม มีปากเสียงกับทักษ์ มากขึ้น ชายหนุ่มก็หันไปดื่มเหล้าจนเมามาย เธอจึงพยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดกับแพรมีต่อพ่อ เพื่อจะดึงลูกมาไว้กับตัวเอง และในที่สุดก็ทำได้สำเร็จ!

      หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อแพรอายุได้เจ็ดขวบ ในช่วงปี พ.ศ.2484 พระยาวิสัยฯ ก็จับช่อเพชรใส่ตะกร้าล้างน้ำ เพื่อให้แต่งงานกับเศรษฐีนักเรียนนอกอย่าง นายจงกล

        นายจงกลเองยินดีรับแพรมาเป็นลูกบุญธรรมและพามาอาศัยอยู่ร่วมกันที่บ้านของเขาโดยมีนมอาบตามมารับใช้อยู่ด้วย ทุกอย่างน่าจะราบรื่นเป็นสุข แต่เมื่อเวลาผ่านไป เด็กหญิงได้เริ่มเติบโตเป็นสาวน้อยแสนสวย ความรู้สึกของนายจงกลก็เปลี่ยนไป
        ตอนนี้เขาอยากจะได้ตัวแพรมาเป็นภรรยาอีกคนหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของนมอาบ ที่พยายามหาทางขัดขวางมาโดยตลอด ในขณะที่ช่อเพชร เองไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน หล่อนสนใจแต่ความสุขสบายและการปรนเปรอของนายจงกล จนไม่ต่างกับคนตาบอด

          แต่เหตุการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อช่อเพชรเกิดล้มป่วยลงกะทันหัน จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นางอาบต้องตามไปเฝ้าไข้ และปล่อยให้แพร อยู่บ้านเพียงลำพัง คืนนั้นเอง ที่นายจงกล ปีนเข้ามาในห้องและตั้งใจจะทำลายความสาวของเธอ แพรขัดขืน และหนีเตลิดออกไปจากบ้านอย่างไม่รู้ทิศทาง จนเข้ามาหลบนอนอยู่ในสวนลุมพินี ถึงเช้า

       ก่อนที่จะได้พบกับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง

         เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีกรมท่า กางเกงขายาวสีเดียวกัน รองเท้าผ้าใบสีขาว เรือนกายกำยำพอตัวใบหน้าคมสัน เวลายิ้มคมคายเหมือนเด็กผู้ชายซนๆ จะนับว่าเป็นคนคมขำก็ไม่ผิด ที่น่าสังเกต เขาหนีบหนังสือปกแข็งเล่มหนึ่งไว้ในรักแรก สายตาที่เขามองเธอบอกความทึ่ง สนใจ และผูกมิตร
             ++++++++++++++++++++++++
           ชายหนุ่มผู้อารีมีนามว่า ชด ชีวิน ลูกชายคนโตของนางช้อย และมีน้องชายอีกคนในวัยไล่เลี่ยกันชื่อชัด ทั้งสามอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ชดกำลังเรียนกฎหมายและทำงานไปพร้อมกัน เมื่อได้ฟังเรื่องราวของแพร ความเห็นอกเห็นใจ ทำให้เขาชวนให้เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านก่อน เพื่อความปลอดภัย และแล้ว แพรก็เริ่มต้นชีวิตอีกครั้งที่บ้านหลังเล็กๆ แห่งนั้น โดยมีนางช้อย ที่ให้ความเอ็นดูสงสารเธอ ไม่ต่างกับลูกสาวคนหนึ่ง ทุกอย่างคงดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและสวยงาม ถ้าหากว่า

          ...ถ้าหากว่า ทั้งชด และชัด น้องชายของเขา จะไม่เกิดหลงรักเธอขึ้นมาทั้งคู่!

       ชัช น้องชายชด รู้ด้วยความผิดหวังว่า ชดต่างหาก ที่ได้หัวใจของ แพร ไปครอบครอง แต่ชัดก็มีเพื่อนรักอย่าง ซวง ที่แนะนำ สีดา น้องสาวของซวง ให้ชัชได้รู้จัก ภายหลังชัช จึงหันไปคบหากับสีดา แทน เมื่อรู้จักนิสัยใจคอซื่อตรงของสีดา และสร้างความประทับใจให้กับเขา
           +++++++++++++++++++
          แต่สำหรับความรักของชด และ แพร นั้นกลับมีปัญหาเกิดขึ้น ความรักที่ชดมีให้กับแพร มากเกินไป จนเขาอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของร่างกายของหญิงสาว ก่อนวันแต่งงาน แต่แพรไม่ยินยอม หญิงสาวมีความคิดว่าจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับชายคนรักในคืนวันแต่งงานเท่านั้น และทำให้ชดน้อยใจ เข้าใจไปว่า เธอไม่ได้รักเขาอย่างแท้จริง

        เขาประชดเธอ ด้วยการไปคบหากับคุณตุ๋ย หรือฤดีพิไล ยุทธนาชัย หญิงสาวหัวสมัยใหม่ที่เพิ่งจบจากเมืองนอกมาเรียนต่อที่เดียวกับเขา และด้วยนิสัยส่วนตัว ฤดีพิไล จึงให้ท่าชายหนุ่มซึ่งตอบรับในจังหวะนั้นพอดี และเมื่อเหตุการณ์เกินเลยไปกว่าที่คิด ทำให้ ชด จำต้องอยู่กินกับฤดีพิไล แม้ว่าจะไม่ใช่ด้วยความรัก เลยก็ตาม สร้างความเจ็บปวดหัวใจให้แก่แพรอย่างยิ่ง แม้ว่าชดจะเขียนจดหมายมาสารภาพความผิดที่เขาก่อขึ้นให้เธอรับรู้ก็ตาม

        แต่ฤดีพิไลก็ไม่ใช่หญิงสาวที่อิ่มในกามารมณ์ หล่อนคบชู้กับคุณอาของตัวเอง ในระหว่างที่ชดไม่อยู่ และเมื่อเขารับรู้ จึงบันดาลโทสะ คว้าปืนมายิงจน คุณอาของฤดีพิไลเสียชีวิต ในเวลานั้นเอง ที่ แพรมาตามชดที่บ้านของฤดีพิไล เพราะนางช้อยล้มเจ็บหนัก

      ชดยอมรับความผิดทั้งปวง และเขารับรู้ว่า ฤดีพิไลเองก็ไม่ได้รักใคร่อะไรเขา หล่อนเพียงแต่ถูกตาถูกใจ และได้เขามาเพื่อสนองตอบความต้องการทางกามารมณ์เท่านั้นเอง

       ชดไปอำลาแม่เป็นครั้งสุดท้าย และนางช้อยก็สิ้นใจลงอย่างสงบ ขณะที่ชด ได้รับการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต!

       ขณะที่แพร ได้รับการติดต่อจาก ผู้ใหญ่ทิมซึ่งเป็นปู่ของเธอ ที่อาศัยอยู่ที่นาใน  อำเภอจอหอ ว่าทักษ์กำลังป่วยหนัก ด้วยโรคเรื้อน แพร ตัดสินใจเดินทางไปที่นั่นและดูแลบิดา จนถึงวาระสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจเฝ้ารอคอย ชด อยู่ที่นั่น ภายในกระท่อมซอมซ่อ กลางท้องทุ่ง ที่เต็มไปด้วยกระแสลมหนาวพัดรอบด้าน
           ++++++++++++++++++++++++
            เรื่องราวของแพร ที่บอกเล่าให้ “ข้าพเจ้า”ฟังจนจบ พร้อมกับสายลมหนาว ที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตหญิงสาว จนทำให้จิตใจแข็งแกร่ง และเฝ้าอดทนรอคอย เมื่อชดได้เป็นนักโทษในเรือนจำ และประพฤติดี จนได้รับการลดหย่อนโทษ ได้รับการปล่อยตัวออกมา ภายหลังเก้าปี

           จากนั้นเขาจึงเดินทางกลับมาหาแพร ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักและต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

         แม้ลมจะหนาว สักเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้ความรักของชายหญิงทั้งคู่ ต้องอ้างว้างเหน็บหนาวจากการพลัดพรากจากกันไปได้อี กแล้ว...

          บัดนี้... ท่านคงคิดตรงกับข้าพเจ้าว่า มงกุฎรักของแพร ได้ถูกเทิดขึ้นแล้ว ด้วยเสียงสรรเสริญรอบทิศทาง เกิดเป็นผู้หญิงใครๆ ก็เกิดได้ แต่เกิดเป็นผู้หญิงอย่างแพร แม้มีคนสมัครจะเกิดก็คงเกิดไม่ได้ เพราะแพรมีคนเดียว แตชดมีหลายคน เคราะห์ดีที่แพรได้ชดคนสุดท้ายไว้แนบชิด เธอจึงอยู่อย่างมีความสุข ท่ามกลางลมหนาว ลมร้อน และลมฝน ของดินแดนแคว้นอีสาน...


หมายเหตุ ขอบคุณเพจไทยบันเทิง สำหรับ ภาพโปสเตอร์ ลมหนาว ครับ




 

Create Date : 21 เมษายน 2567
0 comments
Last Update : 21 เมษายน 2567 6:39:38 น.
Counter : 183 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณดอยสะเก็ด

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สามปอยหลวง
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




ฉันติดคุก ครั้งนี้ ชั่วชีวิต เพราะทำผิด คิดรัก ตัวอักษร ถูกคุมขัง ตั้งแต่เช้า จนเข้านอน ขอวิงวอน โปรดอย่า มาประกัน

คุกหนังสือ คือโซ่ทอง ที่คล้องล่าม คุกหนังสือ คือความงาม ในความฝัน คุกหนังสือ คือดนตรี กล่อมชีวัน คุกหนังสือ คือสวรรค์ ฉันรักเธอ

จาก คุกหนังสือ : แคน สังคีต

New Comments
Friends' blogs
[Add สามปอยหลวง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.