BSB DNA World Tour 2019 ฝันที่ดั่งฝัน
ทุกครั้งที่ได้ดูการแสดงสดของ BSB จบ เราคิดเสมอว่ามันคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ดูทั้งห้าหนุ่มเล่นสดแบบนี้ เพราะอนาคตมันยากจะบอกจริงๆ ว่าพวกเขาจะกลับมาแสดงที่ไทยอีกหรือเปล่า หลังจากคอนเสิร์ต Backstreet Boys In A World Like This World Tour Live in Bangkok เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราจึงได้แต่หวังอยู่ในใจว่าจะมีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ตของทั้ง 5 หนุ่ม(ใหญ่) อีก อย่างที่เคยบอกไปเมื่อตอนคอนฯ ที่แล้วว่า หากโลกนี้ขับเคลื่อนด้วยความหวัง เราคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกยังหมุนต่อไปได้ ฮ่าๆ แล้วความหวังของเราก็เป็นจริง(อีกครั้ง) เมื่อในตารางการแสดงคอนเสิร์ตในเอเชียของ BSB มีประเทศไทยด้วย ข่าวลงเดือนเม.ย. แล้วก็มีการเปิดจำหน่ายบัตรในวันที่ 11 พ.ค.เลย คือไม่มีโอกาสให้เก็บตังค์เลยจริงๆ เราก็นับวันรอแต่พอถึงวันจำหน่ายจริงๆ เราดันลืมสนิท มานึกได้อีกทีคือบ่ายแก่ๆ ของวันถัดไป ตาลีตาเหลือกเข้าไปดูในไทยทิคเก็ตก็ตามคาด คือที่ดีๆ ถูกจองไปหมดแล้ว ทั้งโซน A1-2, B1-2 รวมทั้งโซนยืน(ลงหลุม) แถมไม่ได้จัดที่อิมแพค อารีน่า แต่มาจัดที่อิมแพค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-6 แทนด้วย เพราะที่อารีน่ามีคนจองงานไปก่อนแล้ว ถ้าใครเคยไปงานที่ฮอลล์นี้คงพอนึกภาพออกว่าภายในเป็นอย่างไร แต่ถ้านึกไม่ออกดูจากรูปที่เราลงแทนก็ได้ค่ะ โดยรวมรอบๆ คอนฯ เราว่าคราวที่แล้วที่ BEUS จัดทำได้ดีกว่า น่าสนใจกว่า แต่ชอบครั้งแรกเมื่อปี 2006 ที่สุด เพราะมีสารพัดของที่ระลึก ทั้งแผ่นซีดี, วีซีดี, ดีวีดี กระทั่งโปสเตอร์รวบรวมมาจำหน่ายด้วย การโปรโมตก็ถือว่าทำเต็มที่
เข้าไปข้างในแวบแรกหลังกวาดตามองเก้าอี้ เรานึกว่าเราหลงมาในงานสัมมนาธุรกิจขายตรงซะอีก พอตอนนั่งที่เสร็จเหลียวมองรอบด้าน เจอผ้าดำคลุมปิดความอุจาดของสารพัดป้าย ทั้งป้ายไฟร้านอาหาร ป้ายไฟห้องน้ำ แม่จะเป็นลม
ปีนี้ BSB กลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งกับการแสดงสด DNA World Tour Live in Bangkok เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ครั้งนี้คอนฯ เริ่มเกือบๆ 3 ทุ่ม เมื่อบนจอเริ่มปรากฎชื่ออัลบั้มของ BSB ตั้งแต่อัลบั้มแรกคือ Backstreet Boys ไล่มาตามปีที่ออก จนมาถึงอัลบั้มล่าสุดปรากฎรูปของสมาชิกแต่ละคนเริ่มจากนิค, เอเจ, ฮาววี่, ไบรอัน และเควิน ตามลำดับ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตัวอักษรชื่ออัลบั้ม DNA ในไฟสีทองอร่าม หนุ่มๆ ประเดิมเพลงแรกด้วยอินโทรเพลง Everyone จากอัลบั้ม Black & Blue เหมือนคอนฯ IAWLT เมื่อสี่ปีที่แล้วที่เปิดด้วยเพลงนี้เช่นกัน จากนั้นต่อด้วยเพลง I Wanna Be With You และ The Call ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 32 เพลง ซึ่งคอนฯ ครั้งนี้จบด้วยเพลง Larger Than Life พอไฟดับลงหลังเพลงจบเราก็ยังมองเงาของทั้งห้าที่กำลังเดินลงจากเวทีกลับไปด้านหลัง แต่ประเดี๋ยวเดียวชั่วโมงต้องมนต์นั้นก็ละลายไปเมื่อไฟในฮอลล์สว่างขึ้นแทบไม่ถึง 5 วินาทีหลังจากนั้น เป็นอันสิ้นสุดการแสดง ทำเราใจหายเลย รู้สึกว่าเวลาชั่วโมงกับห้าสิบนาทีเศษๆ ผ่านไปไวจัง
คอนฯ ครั้งนี้ BSB เลือกเพลงมาเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ติดตามพวกเขามาตลอด 26 ปีจริงๆ เพลงฮิตหลักๆ นี่ขนมาหมด รวมทั้งเพลงที่เราชอบโคตรๆ อย่าง Drowning จากอัลบั้ม The Hits Chapter One ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ฉลองความสำเร็จด้านยอดขายของอัลบั้ม Black & Blue เพลงนี้เป็นเพลงที่เราชอบตั้งแต่ฟังครั้งแรก ให้ฟังทั้งวันยังได้ ทั้งเสียงร้องทั้งดนตรี ชอบทุกฉบับของเพลงนี้ รวมทั้งแบบอคูสติคและแบบร้องประสานไร้ดนตรีด้วย คือหลงโงหัวไม่ขึ้นจนทุกวันนี้เลยสำหรับเพลงนี้ แถมครั้งนี้ BSB ร้องเพลงนี้ต่อจากเพลง Shape Of My Heart ซึ่งก็เป็นอีกเพลงที่เราชอบสุดๆ เหมือนกัน คือปลื้มปริ่มอิ่มใจเหลือจะพรรณนา นอกจากสองเพลงนี้แล้ว อีกเพลงที่เรารักมากและ BSB ก็นำมาร้องในคอนฯ นี้ด้วยคือเพลง More Than That หลังจากที่ไม่ได้ร้องในคอนฯ 4 ปีที่แล้ว เช่นเดียวกับ Drowning ที่ให้ฟังแบบประสานเสียงไร้เครื่องดนตรีแค่วรรคเดียว ก่อนเข้าเพลง Madeleine แค่นั้น ครั้งนี้มันจึงเป็นคอนฯ ที่เก็บทุกความรักและความทรงจำดีๆ ตลอด 20 กว่าปีมานี้จริงๆ
แสงสีเสียงในคอนฯ นี้นับว่าทำได้ดีไม่แพ้คอนฯ เมื่อ 4 ปีที่แล้วเลยค่ะ แต่เสียงเบสหนักมากจริงๆ ขนาดเราเลือกนั่งห่างลำโพงพอสมควร ช่วงแรกๆ ของคอนฯ ยังหูอื้อๆ เลย แต่พอปรับตัวได้แล้วทีนี้ไม่สนแล้ว เย้วๆ ตาม BSB อย่างเดียว ยิ่งดนตรีดั้งเดิมซะเป็นส่วนใหญ่ด้วย เรียกว่าสมใจจดท้ายคอนฯ เลยแหละค่ะ ทั้งห้าหนุ่มรวมทั้งคนดูปล่อยแก่กันสุดชีวิต BSB ก็ไม่ออมพลัง ไม่กั๊กใดๆ ทั้งสิ้น มีแรงเท่าไรใส่มาหมด คอนเสิร์ตเลิกเกือบห้าทุ่ม แต่ความประทับใจยังสืบไปอีกหลายปี จนกว่าจะพบกันใหม่ในคอนฯ หน้า
ปิดท้ายขอพูดถึงหนุ่มๆ ทั้งห้าสักนิดตามธรรมเนียม เริ่มด้วยคนแรก - พี่ไบรอัน คนนี้เป็นคนที่หน้าตาอาจจะไม่ใช่พิมพ์ไทยนิยมนัก แต่บุคลิกนิสัยส่วนตัวความเป็นมิตร อารมณ์ดี ขี้เล่น เอาใจใส่แฟนๆ กอปรกับเสียงสวรรค์ของพี่ มันทำให้ออร่าความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ของพี่เจิดจรัสมากชนิดที่ใครก็กลบแสงของพี่ไม่ได้ ถ้าพูดถึงเนื้อเสียงแล้ว เสียงของพี่ไบรคือเสียงที่เราชอบมากที่สุดในวง อย่างอัลบั้มเดี่ยวของพี่ Welcome Home(You) นี่ ตอนออกมาใหม่ๆ เราฟังวนๆ ไปทั้งอัลบั้มทุกวันอยู่นานเลย พี่ไบรเป็นนักสู้ตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ เพราะพี่แกเกิดมาพร้อมกับหัวใจที่มีรู ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง แต่พระเจ้าก็ให้เสียงเพราะๆ มาขับกล่อมแฟนๆ ทดแทนความผิดปกตินี้ ดังนั้นตอนที่เสียงของพี่ถูกทำลายเพราะหวัดหมู+ปัญหาเสียงแหบ เรางี้ใจแป้วเลย สงสารจนแทบน้ำตาไหล นึกถึงสภาพคนเคยเป็นเสียงร้องนำหลักมาตลอด แล้วต้องถอยไปให้เพื่อนคนอื่นมาเป็นเสียงหลักแทน ใจพี่ผ่านจุดนั้นมาได้นี่ถือว่าแกร่งจริงๆ ถ้าใครตามอัลบั้มพิเศษของ BSB ที่ออกกับ New Kids On The Block(NKOTBSB) เมื่อเกือบๆ สิบปีที่แล้วคงพอนึกออกว่าตอนนั้นเสียงพี่ไบรแย่มากแค่ไหน ยิ่งพอได้ดูสารคดี Show 'Em(What You Made Of) จากอัลบั้มที่แล้ว จะรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นนักสู้จริงๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ BSB ก็คือคนธรรมดาที่ต้องผ่านประสบการณ์เลวร้ายในแบบของพวกเขาเช่นกัน แง้ นึกแล้วก็น้ำตาปริ่ม เราเคยฝันอยากจะฟังพี่ไบรร้องสดคอรัสเพลง Masquerade แต่ถ้ามันต้องแลกด้วยการทำลายเส้นเสียงของพี่เพราะอิ high notes ทั้งเพลง เราก็ขอไม่ให้พี่ร้องเพลงนี้ไปเลยดีกว่า รู้ว่าพี่เกลียดเพลงนี้มากเพราะต้องร้องเสียงสูงตลอดทั้งเพลง แต่แฟนๆ อย่างเราก็ชอบเพลงนี้นะ - พี่เอเจ คนนี้มาครั้งนี้กลับมาผอมลงเยอะเชียว มีเค้าของพี่เอเจคนเดิม หลังจากลุคของพี่แกในอัลบั้ม IAWLT คือทำเอาน้องกลัวพี่มาก คนนี้ก็ผ่านจุดวิกฤติของชีวิตคนดังตั้งแต่เด็กมาแล้วเช่นกัน ปัจจุบันเป็นคุณพ่อลูกสองที่น่ารักขัดกับลักษณะภายนอกของพี่มาก ที่สำคัญคือตลกหน้าตายก็ได้เว้ยเฮ้ย (ในคอนฯ ตอนต่อจากที่ทุกคนแสดงความยินดีกับนิคที่ได้ลูกสาวสดๆ ร้อนๆ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา) ในขณะที่น้ำเสียงของพี่เอเจก็ยังดีมากคงเส้นคงวา พลังล้นเหลือจริงๆ - พี่ฮาววี่ คนนี้เรื่องเสียงก็ยังทำหน้าที่ของตนได้ดีเช่นเดิม เพิ่มเติมคือความวิ้งกับลีลาการเต้นนี่แหละ ซึ่งถ้าเอาจริงๆ พี่วี่เป็นคนที่ออมปากออมคำมาก ไม่พูดเยอะ แต่พูดเมื่อไรกินใจน้องเหลือเกิน ชอบดูเวลาพี่วี่เต้นอะ น่ารักดุ๊กดิ๊ก คือเอวพลิ้วจริงๆ แม้จะแอบอ้วนลดไม่ค่อยลงก็เถอะ เป็นคนเสียงหวานเหมือนเสียงผู้หญิง ตาหวานสไตล์หนุ่มละตินกับวิ้งมหาเสน่ห์ที่มาเป็นระยะทั้งคอนฯ คือทำติ่งพี่ฝันดีเลยค่ะพี่ขา VIDEO
- พี่เควิน พี่ใหญ่ของวง ผู้ที่อวดว่าเคยมี 2 abs สมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน(ฮาครืนทั้งฮอลล์) จริงๆ ก็ไม่โม้หรอก เพราะสมัยนั้นพี่แกมีจริงๆ เวลาจะเกริ่นอะไรที่ค่อนข้างจริงจัง พี่เคฝมักจะเป็นผู้ได้รับเกียรตินั้นเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามกันมาตลอด 26 ปีของวง อาจจะมีคนค้านว่าศิลปินก็พูดไปอย่างนั้นเองเพื่อเอาใจแฟนๆ เราก็อยากจะบอกเหลือเกินว่าแฟนๆ หลายคนก็ไม่ได้โง่นะ อายุขนาดนี้แล้วถ้าแยกแยะความจริงใจกับความจริงโจ้ไม่ได้เลยก็เสียชาติเกิดแล้วล่ะ คำพูดมันอาจจะหลอกกันได้แต่ความรู้สึกที่ส่งออกมาจากใจมันก็รับรู้ได้เช่นกัน ตลอดเวลาที่ฟังพี่เคฝพูด เรารับรู้ได้ถึง good vibes และพี่เคฝเป็นคนที่พนมมือไหว้สวยมาก สงสัยฝึกจนคล่องเลยไม่ดูเก้งก้างประดักประเดิด ในขณะที่พี่วี่ส่งวิ้ง พี่เคฝก็ไหว้ส่ง เอ้ย ส่งไหว้กราดทั่วฮอลล์ตั้งแต่ต้นจนท้ายคอนฯ เลย นิคกับพี่ไบรทำตัวเป็นรูปหัวใจ ส่วนพี่เคฝยืนไหว้ พี่เอาใจหนูไปเลย เรามีใจเดียวแต่แบ่งซอยเป็นหลายห้อง(แต่ไม่เยอะเท่าห้องในกู้กงนะ ฮ่าๆ) - คนสุดท้าย นิค น้องเล็กของวง ผู้ที่ทำให้เรากลายเป็นติ่ง BSB ตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว จากเด็กหนุ่มละอ่อนน้อยเสียงยังไม่แตกหนุ่ม แหลมจริงไรจริงอย่างพี่ไบรแซวในคอนฯ จนกลายเป็นนิคที่ร้องเพลงเก่งอย่างปัจจุบันนี้ ชีวิตส่วนตัวของนิคกลับตรงกันข้ามกับความสำเร็จอย่างสิ้นเชิง ในบรรดาห้าหนุ่มในวง นิคน่าจะเป็นคนที่มีข่าวฉาวมากที่สุด ทั้งเรื่องผู้หญิง ทั้งเรื่องใช้ความรุนแรง ล่าสุดยังขอให้ศาลสั่งน้องชายแท้ๆ คือแอรอนห้ามเข้าใกล้เกินระยะที่กำหนดอีก คือบ้านคาร์เตอร์นี่เหมือนขาดความอบอุ่นกันรุนแรงมาก เรามองว่าคงเพราะลูกบ้านนี้เข้าวงการหาเงินได้เองตั้งแต่ยังเด็กด้วยแหละ นิคเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 13 ส่วนแอรอนก็ออกเทปตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ และตัวแม่นิคก็ เฮ้อ จะเห็นว่าปัญหาชีวิตส่วนตัวของนิคลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด แต่นิคโชคดีกว่าคนดังแต่เด็กอีกหลายคน ตรงที่นิคมีเพื่อนๆ พี่ๆ ในวงคอยประคับประคองอยู่ห่างๆ ไม่ได้ก้าวก่ายการใช้ชีวิตของนิค จนถึงวันที่นิคตัดสินใจลงหลักปักฐานแต่งงานมีลูก ครอบครัวรักกันดีอย่างทุกวันนี้ นิคเป็นคนที่เต็มที่กับทุกการแสดง ขนาดวันที่นิคได้รับข่าวเรื่องน้องสาวเสียชีวิต วันนั้นจำได้ว่านิคกำลังจะขึ้นแสดงคอน NKOTBSB ด้วย หัวใจของพี่ชายแม้จะเศร้าแค่ไหน ก็ไม่อาจทิ้งความรับผิดชอบต่อส่วนรวมไปกลางคันได้ นิคตัดสินใจขึ้นแสดงกับเพื่อนๆ ทั้งสองวงจนเสร็จสิ้น จะเห็นได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่อาจไม่ดีพร้อมทุกด้าน แต่ก็พยายามจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ตัวเองคิดว่าต้องทำก่อนเรื่องส่วนตัว และทำมันให้ดีที่สุด ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่หลอมรวมหัวใจของ BSB และแฟนคลับไว้ด้วยกันตลอดมา เราเหมือนครอบครัวใหญ่ๆ ที่แต่ละคนก็มีเรื่องส่วนตัวยิบย่อยต่างกันออกไป แต่เราก็ไม่ทิ้งกัน ดังคำที่พี่วี่กล่าวไว้
"It's not just the Backstreet Boys legacies, it's all of our legacies."
VIDEO
Create Date : 31 ตุลาคม 2562
6 comments
Last Update : 31 ตุลาคม 2562 22:12:58 น.
Counter : 5136 Pageviews.
พี่ไม่รู้เรื่องส่วนตัวของหนุ่มๆ แต่พี่มั่นใจมากๆว่าทั้ง 5 หนุ่มรักกันแบบหนักแน่นมากๆ รักกันแบบที่เหมือนเป็นพี่น้องแท้ๆคลานตามกันมาเลย
คุ้นๆว่าเคยดูสัมภาษณ์ไบรอันมั้ง บอกว่า "สมาชิกในวงไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน แต่เป็นแฟมิลี่แท้ๆของเค้าเอง" ฟังแล้วอยากจะเข้าไปกอดเลย น้อยคนมากนะ ที่จะเจอมิตรแท้ (จะเรียกว่าอะไรดี?) แบบนี้
มาพูดถึงคอนบ้าง เรื่องโชว์ ไม่ต้องพูดอะไรละ ความเพ้อที่ป่านนี้ก็ยังไม่หายไป มันพิสูจน์แล้วว่าโชว์ดีขนาดไหน ส่วนข้อความที่หนุ่มๆพูดกับแฟนๆ มันก็อาจจะเป็นสคริปต์ช่วงนึง แต่พี่ก็มั่นใจเช่นกันว่าหนุ่มๆรู้สึกแบบนั้นกับแฟนๆจริงๆ คือ BSB ไม่ใช่วงอายุแค่ไม่กี่ปี แต่นี่มันปาเข้าไป 26 ปีแล้ว ถ้าพวกเค้าไม่มีแฟนเพลงที่ยังเหนียวแน่น ก็คงไม่อยู่มาจนถึงวันนี้หรอก (แฟนไทยอาจจะน้อยลง แต่แฟนต่างชาติโคตรเหนียวแน่นจริงๆ)
โอ๊ย!! ยิ่งคิดก็ยิ่งรักวงนี้จริงๆ นี่ถึงขั้นวางแผนเก็บเงินไว้เตรียมซื้อตั๋ว VIP คอนคราวหน้าแล้วนะ มีหรือไม่มีก็ยังไม่รู้ แต่ขอเตรียมไว้ก่อนดีกว่า ไม่อยากจะมาร้องเสียดายเอาภายหลัง
อ้อ.. จะบอกว่า ก่อนจะดูคอน พี่ฟังอัลบั้ม DNA แล้วก็ชอบในระดับนึงนะ แต่พอดูคอนจบเท่านั้นแหละ อัลบั้มนี้ขึ้นทำเนียบอัลบั้มโปรดไปแล้ว นี่ก็ยังเปิดฟังอยู่ทุกวันเลย พี่สลัดเพลงจากอัลบั้มนี้ออกจากหัวไม่ได้แล้ววววว :D