'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว"(๔๕) บทที่ ๔๒ สกทาคามิมรรค



บทที่ ๔๒ สกทาคามิมรรค
(กิเลสอาจารย์คือ มานะ ๙)


พระถังและสานุศิษย์ ออกเดินทางรอนแรมไป จนบรรลุถึงเมืองเง็กฮัวจิ้ว ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นพระญาติกับกุ้นเฮ้า ผู้สำเร็จราชการเมืองฮ่องเซียนกุน พระราชาทรงมีพระราชโอรส ๓ พระองค์ พระองค์โตมีอาวุธวิเศษคือ ตะบอง พระองค์กลางมีคราด ๙ ซี่ และพระองค์เล็กมีแผ่นป้ายดำเป็นอาวุธ

เมื่อพระถังและศิษย์เข้าเฝ้าพระราชาแล้ว ได้รับการต้อนรับทั้งอำนวยความสะดวก ในการประทับตราผ่านแดนเป็นอย่างดี หากแต่ว่าพระโอรสทั้ง ๓ เกิดระแวงเห้งเจียโป้ยก่ายและซัวเจ๋งว่าเป็นปีศาจปลอมตัวมาและจะทำอันตรายพระราชบิดาจึงได้ร้องท้าทายและสู้รบกันขึ้นตามลำดับอาวุโส เห้งเจียรบกับพระโอรสองค์โต ต่างมีตะบองวิเศษทั้งคู่ โป้ยก่ายรบกับองค์กลางด้วยคราด ๙ ซี่ และซัวเจ๋งรบกับองค์เล็กที่ต่างก็มีป้ายดำ ทั้งหกเหาะขึ้นรบกันกลางอากาศ เกิดแสงสว่างรัศมีวูบวาบ

เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งต่างสำแดงฤทธิ์ของอาวุธวิเศษของตนจนพระโอรสทั้ง ๓ พ่ายแพ้ยอมคุกเข่าลงคำนับ พระโอรสทั้งสามใคร่จะได้อาวุธวิเศษ แต่ไม่สามารถยกอาวุธของศิษย์พระถังได้เพราะน้ำหนักมาก จึฝให้ช่างจำลองอาวุธวิเศษทั้งสามอย่างไว้เป็นคู่มือ ซึ่งพระราชาทรงมีรับสั่งขอยืมอาวุธวิเศษทั้ง ๓ ให้ช่างดูเพื่อเป็นตัวอย่าง เห้งเจีย โป้ยก่ายและซัวเจ๋งจึงอยู่โดยปราศจากอาวุธในช่วงนั้น

กล่าวถึงซึงอึ๊งไซ ปีศาจสิงห์ขนสีทองแห่งสำนักถ้ำเฮ้าเถ้าต๋อง ภูเขาเป๊าเถ้าซัว มองเข้ามาในเมืองจากปากถ้ำของตนเองในเวลากลางคืน แลเห็นรัศมีเรืองประหลาดอันเกิดจากอำนาจอาวุธวิเศษทั้ง ๓ ปีศาจจึงเหาะไปขโมยอาวุธวิเศษทั้ง ๓ จากโรงงานช่างอาวุธ มาเก็บไว้ในถ้ำ แล้วเขียนจดหมายไปเชิญเก๊าเล่งง่วนเซี้ยผู้เป็นปู่มาเลี้ยงฉลองอาวุธวิเศษทั้ง ๓

เมื่อเห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งทราบว่าอาวุธวิเศษหายไปก็เที่ยวค้นหาอยู่โกลาหล เห้งเจียกำหนดรู้ว่า ปีศาจที่อยู่ถ้ำใกล้เมืองนี้เป็นผู้ขโมยไป จึงแปลงกายเป็นสมุนปีศาจ ลอบเข้าไปในถ้ำ ค้นหาอาวุธจนพบแล้วโลดเข้าฆ่าสมุนปีศาจใหญ่น้อยตายสิ้น ทั้งเอาไฟเผาครอกเสียทั้งถ้ำ แต่ตัวปีศาจซึงอึ๊งไซหรืออึ๊งม้อกิมไซหนีออกจากถ้ำได้ทัน มันเหาะลิ่วไปยังภูเขาเต๊กเจี้ยดซัว ถ้ำเก๊าเค็กปั้วฮ่วนต๋อง อันเป็นที่อยู่ของปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ย แล้วรายงานให้ทราบว่าพ่ายแพ้แก่สามพี่น้องมา

เมื่อปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ยรู้เรื่องก็หัวเราะ กล่าวกับปีศาจซึงอึ๊งไซว่า "เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งนั้น หาใช่ใครอื่นไม่ ที่แท้ทั้งสามคือหลานของปู่ และเป็นญาตจิกับซึงอึ๊งไซเองด้วย" กล่าวดังนั้นแล้วปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ย(มังกร ๙ หัว) ก็ระดมกองทัพปีศาจสิงห์ทั้งหมด ยกขบวนไปไปเมืองเง็กฮัวจิ้ว เพื่อปราบเห้งเจีย โป้ยก่ายและซัวเจ๋ง

กองทัพสิงห์นำโดยปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ย ปะทะกันกับสามพี่น้องกลางอากาศ สู้รบกันโกลาหลอลหม่าน โป้ยก่ายเสียทีปีศาจสิงห์ ถูกจับตัวได้ ฝ่ายเห้งเจียก็จับปีศาจได้ ผลัดกันรับ ผลัดกันรบ จนในที่สุด ปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ยก็อ้าปากมหึมาขึ้นคาบองค์พระถัง พระราชาและโอรสทั้ง ๓ รวมทั้งโป้ยก่ายพาไปขังที่ถ้ำของตน แล้วกลับมาสู้รบกับเห้งเจียใหม่ ระหว่างนั้นเห้งเจียฆ่าปีศาจซึงอึ๊งไซตาย ปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ยกลับคาบเอาเห้งเจียกับซัวเจ๋งพาไปยังถ้ำสำนัก

ครั้นแล้ว ปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ยได้สั่งให้สมุนปีศาจเอากิ่งสนมาเฆี่ยนเห้งเจียให้เข็ดหลาบ แต่เฆี่ยนตีสักเท่าไหร่เห้งเจียก็ไม่ระคายผิว พอตกกลางคืน เห้งเจียก็หนีออกจากถ้ำได้

เมื่อออกมานอกถ้ำแล้ว เห้งเจียก็พลันได้ความรู้เรื่องของปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ย จึงเหาะขึ้นสู่สวรรค์ชั้นพรหม ไปหาท่านพรหมอิ๊กกิ๊วเค้าทีจุน ผู้เป็นเจ้าของสิงห์เก้าเศียร ท่านมหาพรหมองค์นั้นเลยบอกเห้งเจียว่า "เพราะอุตริเป็นอาจารย์สอนเขา มังกรจึงโผล่ออกมาจากกลางฝ่ามือ แล้วกลายเป็นปีศาจ..."

พรหมทีจุนเหาะลงมายังโลกมนุษย์พร้อมทั้งเห้งเจีย แล้วจับมังกร ๙ เศียร ที่แปลงมาเป็นปีศาจ ปู่เจ้าเก๊าเล่งง่วนเซี้ยขึ้นสู่พรหมโลก

เห้งเจียก็เข้าแก้ไขพระถัง พระราชาและพระโอรสทั้ง ๓ แล้วก็จุดไฟเผาถ้ำปีศาจเสียสิ้น

ครั้นอาวุธวิเศษของทั้งสามถูกจำลองเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามก็ช่วยกันฝึกเพลงอาวุธแก่พระโอรสจนเชี่ยวชาญ อาวุธที่จำลองนั้นถูกย่อส่วนและน้ำหนักลงจากของเดิม จนพระราชโอรสสามารถใช้เพื่อที่จะรักษาเมืองต่อไป
พระถังซัมจั๋งและสานุศิษย์ก็ถวายบังคมลาพระราชาและพระราชบุตร ออกเดินทางมุ่งสู่วัดลุยอิมยี่ สำนักพระยูไล ท่ามกลางเสียงประโคมมโหรีแซ่ซร้องสรรเสริญจากประชาชนชาวเมืองเง็กฮัวจิ้ว



Photobucket




รูป : (หัวเราะกั๊ก ๆ ) อุตริเป็นอาจารย์เขา จึงเกิดมังกร ๙ เศียรฤทธิ์ร้ายกาจขึ้นกลางฝ่ามือ ...

นาม : กิเลสอาจารย์คือมานะ ๙

รูป : ว่ามา พ่อมังกร...

นาม : ๑.ตัวดีกว่าเขาแล้วสำคัญมั่นหมายว่า "กูดีกว่า"

รูป : อ้าว...ก็มันจริงนี่ ดีกว่าเขา ก็รู้ตัวว่าดีกว่าเขา นี่มิใช่คนรู้จักตัวเองดอกหรือ มีปัญญารู้เห็นถูกต้อง กลับเป็นกิเลสไปอย่างไรได้ ?

นาม : แม้จะจริง คือดีกว่าเขา แต่ความสำคัญมั่นหมาย ยึดมั่นถือมั่นจนเป็นมานะ กระซิบกระซาบอยู่ว่า "กูดีกว่ามึง" นี่ละกิเลสอาจารย์ข้อแรก


รูป : ต่อไปซิ...พ่ออาจารย์

นาม : ๒. ตัวดีกว่าเขาแล้วสำคัญตนว่าตัวเสมอเขา

รูป : พุทโธ่...นี่ช่างถ่อมตนดีออก

นาม : หาใช่ถ่อมตนไม่ แต่มันเป็นมานะยึดมั่นถือมั่นว่า "กูเสมอกับมึง"

รูป : ต่อไปซิ...

นาม : ๓. ตัวดีกว่าเขา แล้วสำคัญตนว่าตัวต่ำกว่าเขา

รูป : เฮ่ย...ถ่อมตัวอย่างนี้เป็นกิเลสมานะด้วยรึ ?

นาม : ใช่แล้ว เพราะยึดมั่นถือมั่น มีมานะว่า "กูแย่กว่ามึง"

รูป : ต่อไป...

นาม : ๔. ตัวเสมอเขาแล้วสำคัญตนว่า เหนือกว่าเขา

รูป : อันนี้ชัด ทั้งโง่ ทั้งหยิ่ง

นาม : ๕. ตัวเสมอเขา สำคัญตนว่า เสมอเขา

รูป : เอ...ความจริงรู้จักตัวเองนะนี่...

นาม : แต่มีเสียงกระซิบอยู่ข้างในว่า "กูเสมอกับมึง" แม้ว่าเสมอกันจริงก็ยังเป็นเรื่องไม่ยอมอยู่นั่นแหละ

รูป : ต่อไป...

นาม : ๖. ตัวเสมอเขา สำคัญตนว่า ต่ำกว่าเขา

รูป : เพราะมีเสียงกระซิบในใจยึดมั่นว่า "กูต่ำกว่ามึง"

นาม : ๗. ตัวต่ำกว่าเขา สำคัญตนว่า เหนือเขา

รูป : ทั้งโง่ ทั้งหยิ่ง ทั้งบ้า อวดดี สู่รู้ ยกตัว บ้าตัวเอง...

นาม : ๘. ตัวต่ำกว่าเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา

รูป : บ้าน้อยกว่าข้อที่ ๗ แต่ก็ยังบ้าอยู่ดี

นาม : ๙. ตัวต่ำกว่าเขา สำคัญตนว่า ต่ำกว่าเขา

รูป : นี่น่าสงสาร น่าเอ็นดู

นาม : แต่ยังเป็นกิเลสมานะอยู่ดี เพราะ...

รูป : มีเสียงกระซิบในใจว่า "กูแย่กว่ามึง"

นาม : อันเป็นเหตุให้มีเสียงกระซิบต่อว่า " แม้กูแย่กว่ามึงในแง่ดี แต่กูดีกว่ามึงในแง่ชั่ว"

รูป : เป็นอันว่าไม่ว่าอยู่ในสถานะไหน พอเปรียบเทียบ หรือมี"กู" เข้าไปเปรียบ ไม่ว่าสูงหรือต่ำ เป็นอันจัดว่ามานะได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

นาม : เป็นปมเขื่องบ้าง ปมด้อยบ้าง

โหงว : ทั้งเขื่องทั้งด้อย มันเป็นอหังการ พร้อมเสมอจะยกหาง ปราดขึ้นทางใดทางหนึ่ง แง่ใดแง่หนึ่ง

รูป :เพราะว่าปมด้อยก็คือปมเขื่องที่กำลังซ่อนอัดแรงอยู่ ...

นาม : มึงดีกูชั่ว มึงชั่วกูดี มึงต่ำกูสูง มึงสูงกูต่ำ

รูป :มึงเสมอกู กูเสมอมึง...

โหงว : หมู่สัตวนี้กระทำแค่อหังการ ปรังการ กู ๆ มึง ๆ กันไม่รู้หยุด

นาม : เพราะความอยากเก่งจึงมีสิ่งนี้

รูป :คือกิเลสของความเป็นอาจารย์

โหงว : เพราะอุตริไปอวดภูมิอาจารย์สอนเขาเข้า...

นาม : มังกรร้าย ๙ เศียร เก๊าเล่งง้วนเซี้ย จึงแผ่พังพานออกรัดรึง ฉกตอดเห้งเจียแทบตาย...

รูป :ทำไมจึงว่า ปู่เจ้าเก๊าเล่งเป็นปู่ของเห้งเจียโป้ยก่าย ซัวเจ๋ง

นาม : มานะ ๙ นั่นละ ทไมแสวงหาปัญญา ศีล สมาธิ

รูป :แสวงหาไปทำไม ?

นาม : ไว้อวดคน ไว้สอนผู้อื่น แม้อยากหลุดพ้น อยากเป็นพระอรหันต์ก็ยังหวังจะได้สอนผู้อื่น จะได้เป็นอาจารย์ ทีนี้คนคงนับถือใหญ่ จึงมีมานะรักาศีล ทำสมาธิ แสวงหาปัญญา

รูป :แล้วไม่ดีรึ ?

นาม : ดีหรอก แต่เนิ่นช้า จะต้องมัวปราบปีศาจมังกร ๙ หัว คือกิเลสอาจารย์ด้วย มันมีทั้งคุณทั้งโทษ

รูป :ทำไมให้เป็นปู่เจ้า ไม่ให้เป็นพ่อหรือแม่ของเห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋ง ?

นาม : กิเลสมานะ ๙ นี้ เป็นกิเลสดึกดำบรรพ์ ที่ยิ่งแก่ยิ่งหนังเหนียวเชียวแกเอ๋ย เพราะเป็นกิเลสชั้นพรหมโน่น...

รูป :เรียกว่ากิเลสชั้นปู่ ชั้นหลวงปู่ ชั้นปู่เจ้า เฝ้าซาก ละยากเหลือแสนใช่ไหม...

นาม : ฮื่อ...

รูป :เอาละ ทีนี้ปู่เจ้าเอากิ่งสนมาเฆี่ยนเห้งเจีย เห้งเจียหาระคายผิวไม่ล่ะ ?

นาม : กิ่งสนอีกแล้ว จำได้ไหม มันคือความสุขเนื่องจากได้สำคัญตนว่า "กูเป็นอาจารย์" นี้ เฆี่ยน ฆ่า คนผู้มุ่งหลุดพ้นเสียมากแล้ว แต่โพธิปัญญาหาระคายหนังไม่...

รูป :ที่จริง...เป็นอาจารย์สอนเขานี่ได้บุญมาก

นาม : หากว่ามันไม่กลายเป็นปีศาจมึง ๆ กู ๆ ขึ้นมาก็ดี แต่แกเที่ยวสำรวจดูเถอะ สำนักไหนก็สำนักนั้น อาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นแผ่พังพานหรา ด่าเพื่อนแหลกทั้งนั้น

รูป :ไม่ให้เปรียบเทียบจะทำได้ยังไง มันอดไม่ได้นี่แก...

นาม : คือ ไม่มี"กู"

รูป :เอาละ ซึงอึ๊งไซ ปีศาจสิงห์ขนทองมาขโมยอาวุธวิเศษของเห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งเสีย...?

นาม : กิเลสขี้คุยขี้อวด ทำเป็นสิงห์ สิงห์ขี้คุย คือกิเลสชื่อสาเถยยะ มันจึงขโมยคุณวิเศษของปัญญา ศีล สมาธิไปเสีย

รูป :พอเอ่ยปากคุยอวด เป็นอันว่าถูกปีศาจลักของดี...

นาม : ใช่ พอคุยอวด คุณธรรมที่มีก็ฉิบหาย...

รูป :ทีนี้พระราชบุตร ๓ พี่น้อง เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งทีแรกรบกัน ทีหลังกลายเป็นศิษย์มีอาวุธเหมือนกัน แล้วให้อยู่เฝ้าเมือง ...?

นาม : พระราชบุตรทั้ง ๓ ปัญญา ศีล สมาธิ ที่เป็นมรรคสมังคี ตัดราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง ตจ่อจากพระโสดาบันก็กลายเป็นพระสกทาคามี

รูป :ยังไม่เห็นมีปีศาจ ราคะ โทสะ โมหะ ที่ทำให้เบาบางในระดับนี้นี่...?

โหงว : จะมีในตอนต่อไป ตอนนี้เป็นสกทาคามีมรรค ปัญญา ศีล สมาธิ ร่วมแรงกัน ทำให้ราคะ โทสะ โมหะ เบาบางลงในตอนสกทาคามิผล

รูป :เป็นอันว่า ชีวิตเริ่มย่างเข้าเขตพระอริยเจ้า ลำดับที่สองแล้ว ทำไมพระถังไม่สร้างโบสถ์อีกล่ะ ?

นาม : ไม่ต้อง เพราะไม่ได้มีการตัดสังโยชน์เพิ่มจากความเป็นพระโสดาบันนี่

โหงว : สรุปเสียทีสิ...บทนี้...

รูป : กิเลสปรกยกหางร่า................อวดว่าข้าเป็นอาจารย์
ผีมานะจะรังควาน................เปรียบเทียบอึงมึงกับกู


นาม : มึงฉลาด กูโฉดเขลา.............มึงโง่เง่า กูแหละรู้
มึงชั่วช้าน่าอดสู.....................กูคนดี มีศีลธรรม


รูป :มึงเป็นสก กูเป็นสงฆ์.............มึงคนหลง กูรู้ล้ำ
มึงคนขาว กูคนดำ................มึงพระครู กูเจ้าคุณ


นาม : มึงเป็นเณร กูเป็นเถร..............มึงมีเวร กูมีบุญ
มึงอยู่ตึก กูอยู่(ใต้)ถุน.............มึงกินปลาร้า ข้ากินแหนม


รูป :มึงกินหมู กูกินเจ...................มึงตาเหล่ กูตาแหลม
มึงของถูก กูของแถม..............มึงคนพาล กูคนเพียร


นาม : มึงคนรู้ กูปฏิบัติ.....................มึงปริยัติ กูเปรียญ
มึงเป็นครู กูนักเรียน...............มึงตายเหม็น ไม่เช่นกู


โหงว : มึงมึงกูกูจนเน่าเข้าโลง....

รูป :ต่างโก่งคอขันชันหู

โหงว : ต่อนี้ผีร้ายทายดู..............

รูป :ทายว่าผีหมู่ควายทมิฬ


(จบบทที่ ๔๒ โปรดติดตามตอนต่อไป...)





** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๔๙ - ๒๕๙ )





Create Date : 28 ตุลาคม 2551
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 13:00:15 น. 3 comments
Counter : 1495 Pageviews.

 
สวัสดีครับปี้แม่ไก่

หลวงตาอยู่ตี้สถานปฏิบัติธรรมพุทธคำนึงครับ
หายากหน้อยเน้อครับ อิอิอิ






โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:14:31:01 น.  

 
มา..อ่าน+รับ..ข้อคิดดี ๆ เจ้า

สาธุ

..ยิ้ม..


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:23:26:01 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ตอนสายๆค่า
สบายดีนะคะ ที่แพ้ๆน่ะท่าทางจะชนะแล้วมั้งคะ
ฝนตกหน้าหนาว ฤดูกาลตาลปัตรทำให้งงๆ พอควร
คิดถึงค่ะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:10:50:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.