|
แด่ดวงดาวในดวงใจ ผู้เขียน : ปิยะพร ศักดิ์เกษม ผู้พิมพ์ : สำนักพิมพ์อรุณ (พิมพ์ครั้งที่ ๓ ส.ค. ๒๕๕๕) ๖๓๑ หน้า ราคา ๔๒๕ บาท
จากเว็บสนพ.
เรื่องราวความรัก ความฝัน ความศรัทธาของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่ต้องพบเจอในชีวิต และด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ ทำให้เธอได้พบกับ คน ที่เป็นเสมือน ดาวในดวงใจ ของเธอ
โปรยปกหลัง :
ชีวิตของคนเราก็คล้ายกับการเดินทาง เป็นการเดินทางที่ต้องผ่านทั้งหญ้านุ่มและขวากหนาม ผ่านกระแสธารที่ฉ่ำเย็น และความเวิ้งว้างน่าหวาดหวั่นของผืนน้ำในมหาสมุทร
เราต้องเรียนรู้และค้นคว้า หาวิธีพลิกแง่งามของทุกเรื่องให้ได้ ในระหว่างการเดินทางของชีวิต เพื่อที่เราจะได้พบว่า...ความสุขนั้นมีอยู่มากมายถ้ารู้จักหยิบ ...อยู่ให้หยิบ...ทั้งบนหญ้านุ่มและกรวดหนาม
เรื่องย่อ :(ย่อเอง)
สาวน้อยทิมทองเคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนเกือบพิการในวัยสิบสาม
เธอคิดว่าชีวิตของเธอคงจบสิ้นแล้ว... แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็ได้พบดวงดาวนำทางให้เธอก้าวออกจากภาวะจิตตกและท้อถอยในครั้งนั้น... ดวงดาวที่มาในรูปของ'นิกโก้'... นักฟุตบอลหนุ่มชาวอิตาเลี่ยนผู้เก่งฉกาจและเป็นขวัญใจของแฟนบอลทั่วโลก
จากประวัติชีวิตของเขา กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอลุกขึ้นมาสู้... รักษาตัวจนสามารถกลับมาเดินได้อย่างคนปกติอีกครั้ง
เธอเฝ้าติดตามความเป็นไปในชีวิคของเขาทุกแง่ทุกมุมมานับแต่นั้น ถือเขาเป็นประหนึ่ง"ดาว"นำทางชีวิตของเธอ
เมื่อนิกโก้ประกาศเลิกเล่นบอลเธอก็ตัดสินใจว่าเธอต้องเดินทางไปดูการเล่นของเขา ด้วยตาตัวเองให้ได้ แทนที่จะดูผ่านจอทีวีเช่นทุกครั้ง
เธอโชคดีที่มีญาติสนิทเป็นลูกครึ่งอิตาเลี่ยน-ไทย... ที่จัดการหาตั๋วดูฟุตบอลแมทช์พิเศษให้เธอได้ เธอจึงชวนเพื่อนสนิทให้เดินทางไปกับเธออีกสามคน ตามเงื่อนไขที่ผู้เป็นพ่อกำหนด
จากการเดินทาง...เธอก็ได้พบทั้งแง่มุมที่งดงาม และความพลิกผัน... การทรยศหักหลังที่เธอคาดไม่ถึง ว่ามันจะมาจากคนที่เธอรักสนิทและไว้ใจ...
หลังอ่าน... นิยายเรื่องนี้ของคุณปิยะพรออกมาระยะหนึ่งแล้ว แต่พิมพ์โดยอีกสนพ.หนึ่ง... ส่วนตัวยังไม่มีโอกาสได้อ่าน เพราะคิวนิยายรออ่านเยอะแยะไปหมด จนเมื่อมาเห็นฉบับเปลี่ยนปกใหม่นี่แหละ สวยจนอดใจไม่ไหวอีกต่อไป
ยอมรับว่าอ่านด้วยความคาดหวังค่อนข้างสูง ด้วยนามของผู้เขียนกับชื่อเรื่องอันอ่อนหวาน จึงเมื่ออ่านจบแล้ว...ต้องบอกว่า ผิดหวังนิด ๆ
นิด ๆ จริง ๆ ค่ะ ไม่มากไม่มาย...
ความที่อ่านนิยายชองคุณปิยะพรมาเยอะเล่ม เลยทำให้รู้สึกว่าโครงเรื่องหลัก ๆ มันเหมือน ๆ กันไปหมด ตัวละครก็มีปมชีวิตคล้าย ๆ กัน...จะแตกต่างก็ในรายละเอียด เราอาจจะคาดหวังความเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการในด้านการดำเนินเรื่อง จากผู้เขียนมากไปหน่อย พอมาอ่านแล้ว คาดเดาเหตุการณ์ได้ มันเลยทำให้อรรถรสในการอ่านกร่อยลงนิด ๆ
แต่...นั่นก็ไม่ได้ทำให้หยุดชื่นชอบและติดตามเธอหรอกนะคะ... เพราะยังไง ๆ เสีย เราก็รู้สึกว่าในนิยายแต่ละเรื่องของเธอ เธอได้ตั้งใจแฝงแง่คิดมุมมองในการดำเนินชีวิตไว้ในนิยายไว้อย่างนุ่มนวล ละมุนละม่อม ไม่ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าถูกสอน ยัดเยียดหรือชี้นำ...
อีกทั้งเรื่องราวสาระที่เธอบอกเล่าผ่านนิยายก็เป็นสาระน่ารู้ ที่อ่านแล้วรู้สึกว่าคนเขียนได้กลั่นกรองข้อมูล ทำการบ้านมาแล้วเป็นอย่างดี เมื่อบอกเล่าผ่านสำนวนภาษาที่ลื่นไหล ละเมียดละไม มันก็ทำให้สาระความรู้นั้นเป็นเรื่องรื่นรมย์ อ่านแล้วเพลิดเพลิน สบายใจ
อย่างในเรื่องนี้... ส่วนตัวชอบมากช่วงที่นางเอกกับเพื่อน ๆ เดินทางตามรอย"นิกโก้"ในอิตาลี เรียกได้ว่าเป็นไพรัชนิยายได้เลย...
ชอบการบรรยายภาพสถานที่ที่ละเอียดลออ อ่านแล้วสามารถนึกภาพตามได้ แม้เราจะไม่เคยเดินทางไปยังที่นั้น ๆ มาก่อน และการเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางประวัติศาสตร์ที่เราอาจจะไม่เคยรู้ ทำให้นิยายเล่มนี้มีคุณค่า(และคุ้มค่า)มากมายในความรู้สึก
แม้ในแง่ของนิยาย...ในช่วงนี้อาจจะเอื่อยเฉื่อยไปสักนิด... ซ้ำ ๆ ย้ำๆ อยู่สักหน่อยก็ตามที
เรื่องราวมาเข้มข้นขึ้น มีความเป็นดราม่ามากขึ้นในตอนท้าย ๆ แล้วก็มีการหักมุม...เปิดเผยตัวตนของตัวละครที่แต่ละตัวจะมีปม มีปูมหลังแตกต่างกัน
แต่ก็เป็นไป ชนิดที่คนที่อ่านนิยายมาเยอะ ต้องคาดเดาเหตุการณ์และตัวคนร้ายล่วงหน้าได้สบาย ๆ แล้วก็ต้องมีบทแง่งอนกุ๊กกิ๊กของพระ-นางบ้างให้คงความเป็นนิยายรักโรแมนติก...
อ้อ...ชอบความรักในรูปแบบ"คู่กัด"ของคู่รองด้วย... น่ารักน่าลุ้น ชวนจิ้นกว่าคู่เอกซะอีก
โดยรวม ๆ ก็ชอบนะคะ... อย่างที่บอกข้างบน คือชอบแง่คิดต่อชีวิตของเขา อย่างในเล่มนี้เขาจะเน้นย้ำในเรื่องของการเปิดใจและการปล่อยวาง ดังในประโยคที่ว่า... 'สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ'
สำหรับคนชอบอ่านนิยาย ต้องบอกว่า... นิยายเรื่องใดที่อ่านจบแล้ว นิยายเรื่องนั้นดีเสมอ (เพราะหากไม่ดีก็คงอ่านไม่จบ) แหะ ๆ
อ่านจบแล้วหยิบมาชวนอ่านค่า...
*ขอบคุณภาพปกและคำนำสั้น ๆ จากเว็บอมรินทร์ค่ะ
|
เรื่องนี้เคยอ่านนานแล้วเหมือนกัน ของคุณปิยะพรที่ชอบมากๆ คือชุด ในวารวัน ตะวันเบิกฟ้า ขอบฟ้าราตรี ครับ อาจจะเป็นเพราะเป็นคนเมืองชลฯด้วย