|
สวรรค์ลิขิตรัก ผู้เขียน :"สรัสวดี" สนพ.อรุณ/พิมพ์ (ธ.ค. ๒๕๕๘) ๓๐๐ หน้า ราคา ๒๕๐ บาท
โปรยปก :
ชีวิตที่เคยมั่นคงกลับสั่นคลอน เพราะ "ความรัก" ชะตาชีวิตคนเราพลิกผันอยู่เสมอ เล็ก จำต้องพลัดพรากจากอ้อมอกมารดาตั้งแต่วัยห้าขวบเพื่อมาอยู่พระนคร ได้ใช้ชีวิตแสนสุขเยี่ยงนางอัปสรบนสรวงสวรรค์จนใครๆ ต่างอิจฉา
ทว่าช่วงชีวิตแสนสุขของเล็กต้องจบลงเมื่อสิ้นบุญเจ้าคุณตาและมารดา ในความพลัดพรากแสนสาหัส เล็กเหมือนถูกฉุดให้ตกอยู่ในนรกอันมืดมิด หาก "เขา" กลับเป็นดั่งแสงสว่างที่จุดประกายให้กับชีวิตของนางอีกครั้ง
สวรรค์ได้ลิขิตให้นางได้รักเขา แต่เส้นทางชีวิตรักจะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไป นางมิอาจทราบได้
หลังอ่าน...
เล่าเรื่องย่อเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ
เรื่องนี้เป็นนิยายย้อนยุคค่ะ ย้อนไปไกลถึงยุคสมัยปลายรัชกาลที่ 5 นู่นทีเดียว บอกเล่าเรื่องราวในชีวิตของหญิงสาวผู้หนึ่ง ตั้งแต่แรกเกิด... พ่อของเธอก็ทอดทิ้งแม่ไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติที่ฉ้อโกงไปจากแม่ ทำให้แม่ตรอมใจจนล้มป่วย และต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของบิดา เพราะบ้านที่อยู่ในตอนนั้นก็ถูกพ่อยักย้ายถ่ายเท แอบโอนให้เป็นชื่อของภรรยาเก่าแล้ว
ในวัยเพียงห้าขวบก็ต้องพลัดพรากจากอกแม่เข้าไปใช้ชีวิตใต้ร่มบารมีของคุณตาที่เป็นขุนนางผู้ใหญ่ โชคดีได้รับความเอื้อเอ็นดูจากผู้ใหญ่ เลี้ยงดูและกล่อมเกลาในด้านงานฝีมือ และศิลปะการแสดงดนตรีและละคร จนได้มีโอกาสเข้าเฝ้าและรับพระราชทานของรางวัลจากพระหัตถ์
จนเติบโตเข้าสู่วัยสาว ก็พบรักกับเจ้าชายหนุ่มแห่งรัฐไทรบุรี โดยที่เธอยังไม่รู้จักฐานะตัวตนของเขา เพราะเขาหลอกเธอว่า เขาเป็นเพียงพ่อค้าที่เข้ามาค้าขายในเมืองหลวงเท่านัน
หลังจากเล็กเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เธอก็ต้องสูญเสียตาและแม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน ความที่เธออายุยังไม่ลุนิติภาวะ ทำให้พ่อของเธอซึ่งเป็นทนายความกลับมาอ้างสิทธิ์ในตัวเธอ และเอาตัวเธอไปกักขังไว้ที่สำนักงานเก่าของตัวเองที่เคยปิดร้างไว้... เธอต้องถูกโขกสับ บังคับบัญชาโดยพี่ชายต่างแม่ และพ่อผู้เย็นชา
จนกระทั่งวันหนึ่ง เจ้าชายแห่งรัฐไทรบุรีที่เดินทางมาติดต่องาน ด้านกฏหมายกับพ่อของเธอก็พบเธอเข้าโดยบังเอิญ...เขาตื่นเต้นดีใจมาก เพราะติดตามถามข่าวของเธอมานาน จึงขอร้องยามที่ทำหน้าที่เฝ้าสำนักงานให้ช่วยนัดแนะให้ได้พบกัน...
เรื่องราวมันคงจะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง เมื่อพระเอกตามหานางเอกจนเจอและช่วยเธอให้พ้นจากการกดขี่ของพ่อและแม่เลี้ยง แต่นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนเขาก็ได้บอกกล่าวไว้ในหน้าคำนำแล้วว่ามีเค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริง...
ชีวิตจริงมีหรือที่อะไรๆ จะราบรื่นดั่งนิยาย...
เมื่อหลังจากที่เล็กได้พบกับเจ้าชาย ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันโดยที่เจ้าชายเพิ่งจะมาเปิดเผยภายหลังว่า...เขามีภรรยาแล้วสามคน...และกำลังจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับภรรยาคนที่สี่...ที่ผู้เป็นบิดาจัดหาให้เพื่อกีดกันไม่ให้เขารับหญิงสาวชาวไทยไปร่วมวงศ์สกุล
หรือชะตาชีวิตของเล็กกำลังจะซ้ำรอยผู้เป็นแม่...? ชวนติดตามค่ะ
เป็นนิยายชีวิตที่อิงเค้าโครงเรื่องจริงที่อ่านแล้วก็อินได้ในระดับหนึ่ง ด้วยการเล่าเรื่องที่กระชับฉับไวรวบรัดรวดเร็ว ไม่เยิ่นเย้อยืดยาด สำนวนภาษาอาจจะอ่านสะดุดนิด ๆ ในช่วงแรก ๆ เพราะไม่คุ้นกับสำนวนแบบโบราณหน่อย ๆ แต่พออ่านผ่านไประยะหนึ่ง เริ่มคุ้นกับภาษา ถ้อยคำ ประเภท มิรู้ มิใช่ มิได้ มิมี มิเป็น...ฯลฯ (คือคนเขียนเขาใช้คำว่า"มิ" แทนคำว่า "ไม่" ในแทบทุกประโยค ทั้งในบทพูดและบทบรรยาย) เริ่มทำใจยอมรับได้ ช่วงหลัง ๆ ก็ไม่รู้สึกติดขัดแล้ว ประกอบกับเรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้น น่าลุ้น น่าติดตามมากขึ้น ทำให้อ่านได้ลื่นไหล ผ่านตลอดจนจบ
นอกจากเรื่องราวดราม่าของชีวิตนางเอกแล้ว ในเรื่องยังมีแทรกเกร็ดสาระทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ฉากของเรื่องที่ผู้เขียนบอกเล่าบรรยายได้ละเอียดลออ จนเราสามารถนึกภาพตามได้ ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายสถานที่ การเดินทาง...ฯลฯ
มีการพาดพิงถึงตัวละครที่เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ซึ่งเธอก็ทำได้น่าสนใจ ข้อมูลสาระประกอบที่พอดี ๆ ไม่มากไม่น้อย อ่านแล้วให้ความรู้สึกสมจริง และสมเหตุสมผล
สรุปเลยแล้วกันค่ะว่าเป็นนิยายพีเรียดที่อ่านได้และอ่านดีเล่มหนึ่ง ในแง่ของนิยายก็มีอารมณ์ มีบรรยากาศของความเศร้าซึ้งสะเทือนใจ ในแง่ของเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ก็มีเกร็ดสาระทางวัฒนธรรมให้ได้เก็บเกี่ยวพอประมาณ ในด้านรสชาติทางวรรณศิลป์ก็กลมกล่อมกำลังดี โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงว่าเป็นนิยายเล่มแรกของนักเขียนก็ถือว่าเป็นเล่มเปิดตัวที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
อ่านจบแล้ว หยิบมาบอกเล่า ชวนอ่านค่ะ
| |