|
แรกแสงรัก...Love at First Light ผู้เขียน : มาภา ผู้พิมพ์ : สนพ.พิมพ์คำ (ต.ค.๒๕๕๘) ๖๐๐ หน้า ราคา ๓๙๐ บาท
โปรยปก :
ไม่ว่าชีวิตจะต้องเจอความมืดสักกี่ค่ำคืน ดวงอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นเสมอในเช้าวันใหม่
สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดพาสองชีวิตมาพบกัน ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมและหม่นเหงาของมหานครลอนดอน เธอ จากบ้านเกิดมาแสนไกลหวังที่จะมีชีวิตใหม่ ทิ้งเรื่องราวในอดีตไว้เป็นเพียงความทรงจำอันซีดจาง
เขา ผิดหวังจากชีวิตจนเลือกหันหลังให้ทุกสิ่งทุกอย่าง อุบัติเหตุครั้งนั้นพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ ณ ที่นี่...คฤหาสน์เอเวอร์ดีน คือจุดเริ่มต้น คฤหาสน์ที่เยียบเย็นไร้ชีวิตเริ่มมีไออุ่น เมื่อเธอก้าวเข้ามาในฐานะคนดูแลชายพิการอย่างเขา สำหรับเขา...เธอคือแสงตะวันแรกของชีวิต สำหรับเธอ...เขาคือคนที่ทำให้หัวใจแห้งผากกลับเป็นสดใส
ความสุขไม่เกี่ยวกับเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ แต่อยู่ที่ว่าได้ใช้วันเวลาและสถานที่นั้น...กับใคร
สำหรับสองชีวิตที่โหยหาความอบอุ่น นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า ครอบครัว ที่ทั้งคู่ไขว่คว้าตามหามาตลอดชีวิต...ก็เป็นได้
เล่าเรื่องย่อ ๆ เพิ่มเติมอีกหน่อย...
เอ๋ย อาภากรกำลังเผชิญปัญหาจากภาวะตกงาน ถูกขโมยบุกเข้าห้องเช่าที่กำลังจะหมดสัญญา เอาไปกระทั่งลูกบิดประตู...อยู่ในเมืองที่มีบรรยากาศหม่นทึมอย่างลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เธอตัดสินใจไปสมัครงานดูแลคนพิการที่ดูเหมือนจะมีปัญหาทางจิต ที่เธอเพิ่งรู้ในเวลาต่อมาว่าเป็นพี่ชายของเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เธอเคยตั้งใจว่าเธอจะไม่ผูกสัมพันธ์กับคนไทย เพราะเธออยากจะลืมเรื่องราวในอดีต ในเมืองไทยทั้งหมด...แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก
ธีรัญญ์เป็นชายพิการที่เจ้าอารมณ์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายและเอาแต่ใจตัวอย่างร้ายกาจ... จากการที่เขาเคยถูกอดีตคนรักทอดทิ้งและเกิดอุบัติเหตุจนพิการ เขากลั่นแกล้งอาภากรหลายอย่าง ทั้งเรียกร้องความสนใจ ทังขับไล่ไสส่งสารพัด แต่เธอก็พยายามอดทน...จนวันหนึ่งเธอก็ถึงจุดระเบิด... เธอเตือนสติเขาให้เขาได้แลเห็นความลำบากของผู้อื่นที่รักและแคร์เขา
และนั่นก็คือจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์...
เมื่อได้ข่าวว่าอดีตคนรักกำลังจะหวนมาหา ธีรัญญ์ก็ขอร้องให้อาภากรแต่งงานกับเขาหลอก ๆ เพียงเพื่อกันผู้หญิงคนนั้นให้ออกจากชีวิต อาภากรตอบตกลง เพราะถึงตอนนี้ เธอเริ่มจะรู้สึกดี ๆ กับเขาบ้างแล้ว...
หลังจากทั้งคู่แต่งงานกันไม่นาน เมธาวี คนรักเก่าของธีรัญญ์ก็ก้าวเข้ามาจริง ๆ เรื่องมันคงจะไม่ซับซ้อนพันพัวมากไปกว่าปมรักสามเส้าธรรมดาๆ ตามคาด ถ้าหากว่าเมธาวีจะไม่บังเอิญเป็นลูกสาวของอดีตแม่เลี้ยงของอาภากร ที่เคยไล่เธอออกจากบ้านของเธอเอง หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิตลงเมื่อสิบปีก่อน
และการที่เธอทิ้งธีรัญญ์ไปในคราวนั้น... (เธออ้างว่า)เป็นเพราะเธอป่วยเป็นมะเร็งจนต้องปลีกตัวไปรักษาโรค... ตอนนี้เธอหายป่วยแล้ว และพร้อมแล้วที่จะมาทวงความรักคืนมาจากธีรัญญ์
โอยยย....เรื่องมันยาวค่ะ ยิ่งเล่าจะยิ่งยาว แหะ ๆ
อีกเล่มกับผลงานของมาภาที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกอุ่นๆ กรุ่นๆ อยู่ในใจ หลากหลายอารมณ์ หลากหลายความรู้สึกเคล้าคละปะปน... ทั้งซาบซึ้งสะเทือนใจ ทั้งอึดอัดขัดข้อง รวมทั้งงุนงงสงสัยเป็นบางบทบางตอน
สำนวนภาษาของผู้เขียนยังคงอบอุ่นละมุนละไมเช่นเคย ซึ่งถือว่าเป็นเสน่ห์อันดับต้นๆ ของนักเขียนทานนี้ที่ดึงดูดนักอ่านให้ติดตามผลงานของเธอ
แต่การวางพล็อต ขมวดปม การดำเนินเรื่องกับการสร้างสรรค์ตัวละคร... ส่วนตัวยังรู้สึกสะดุด ๆ นิด ๆ อย่างในเรื่องนี้...เรายอมรับได้ที่ผู้เขียนสร้างเรื่องสร้างราวให้นางเอก ต้องเผชิญชะตาชีวิตที่รันทดหนักหน่วง เพื่อที่จะหล่อหลอมให้เธอเป็นหญิงสาวผู้มีความอดทน เข้มแข็ง... (แต่...ต้องถูกแม่เลี้ยงหลอกใช้ราวกับแม่เอื้อยในปลาบู่ทอง...ถูกจัดฉากให้เกือบจะโดนข่มขืน ถูกขโมยบุกเข้าห้องพัก บลา ๆ ๆ มันหนักไปไหมอ่า...ไม่ต้องมีซีนพวกนี้ได้ไหม...)
ส่วนพระเอกของเรา...ขอสารภาพว่าไม่ชอบพระเอกแบบธีรัญญ์เลย งี่เง่าเอาแต่ใจ ไร้เหตุผลที่สุด แถมหูเบาอีกต่างหาก นิยายบอกเล่าปมอดีตของพระเอกได้ค่อนข้างชวนสับสนมาก... อ่านจนจบเราก็ยังไม่เข้าใจ เข้าไม่ถึงแรงจูงใจในการทำตัวเป็นไบโพล่าร์ของเขาเลย จะว่าเขารักเมธาวีมากจนเสียอกเสียใจไม่เป็นผู้เป็นคน... แต่จากการย้อนอดีตบางช่วงบางตอน ก็เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่ได้รักใคร่ผูกพันเมธาวีขนาดนั้น เพราะเจ้าหล่อนก็เป็นคนที่ป้าเขาจัดสรรให้... หรือจะเป็นด้วยปมอุบัติเหตุจนขาพิการ... ปมนี้เขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่าความจริงที่เขาอมพะนำไว้คนเดียวเป็นเช่นไร... (แล้วก็...นะ ปิดบังมาได้ตั้งนาน บทจะเปิดก็เปิดซะง่าย ๆ และเหตุผลที่ปิดบังก็ไม่ชัดเจน ไม่สมเหตุสมผล...)
หรือกระทั่งปมเด็กผู้ถูกเลือก เพราะตัวเองแข็งแรงกว่า... จนต้องมุ่งมั่น ผลักดันตัวเองขึ้นสู่ที่สูงตามความคาดหวังของคนอื่น...มันก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่ดีในการทำตัวงี่เง่าได้ขนาดนี้นะ
ไม่รู้สิ มันอ่านไม่อินอ่ะ...มันเยอะจัด จนจะเป็นท้าวแสนปมแล้วนะพ่อคุณ
นิยายมีตัวร้ายที่ร้ายหยั่งกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย หยั่งกะแม่เลี้ยงของซินเดอเรลล่า หรือไม่ก็แม่มดในเรื่องสโนว์ไวท์ยังไงยังงั้น
แต่ตัวละครอื่น ๆ ก็โอเคดีนะคะ มีบทบาทเป็นสีสันให้กับนิยายดี คนที่ดูดีเป็นธรรมชาติและเรารู้สึกว่าเนียนที่สุดในเรื่องก็คือภัทรากับอาทิตย์นั่นละ รู้สึกว่าเสมอต้นเสมอปลายดี ในขณะที่ตัวละครเด่น ๆ อีกสองตัวอย่างหมอวินกับรินรดาดูเหมือนจะผลุบๆโผล่ ๆ ชอบก๊ล
แต่โดยรวมแล้วส่วนตัวคิดว่านิยายเรื่องนี้มีจุดเด่นในเรื่องของการนำเสนอแนวคิด และทัศนคติในการดำเนินชีวิตได้ดีในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ปลอบประโลม... ให้กำลังใจและแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่อาจจะกำลังทดท้อต่อปัญหาชีวิต ผ่านสำนวนภาษาที่นุ่มนวลชวนเคลิ้มคล้อย กับฉากของเรื่องที่งดงามตามคำบรรยาย สอดคล้องกับอาชีพการงานของนางเอก ส่วนนี้ค่อนข้างชอบค่ะ
หยิบเรื่องนี้มาอ่านแทรกระหว่างที่กำลังอ่านซีรียส์หนาเตอะชุดหนึ่ง ได้อารมณ์ที่แตกต่างกันสุดขั้ว...เป็นไปได้ว่า อาจจะเผลอเอาอารมณ์ที่ได้นั้นมาเปรียบเทียบกันโดยไม่รู้ตัว เลยได้ความรู้สึกหลังอ่านเรื่องนี้อย่างด้านบนนั่น ซึ่งเป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ แหะ ๆ (บังเอิญเล่มนี้มีคนรอคิวอ่านอยู่ เลยต้องรีบอ่าน...)
ก็...ยังคงติดตามงานของคุณนักเขียนนามนี้อย่างต่อเนื่องต่อไปนะคะ ติดใจในเรื่องของสำนวนภาษาน่ะค่ะ ส่วนของเนือหาเรื่องราวนั่นเป็นเรื่องรองลงมา เพราะขณะอ่านนิยาย ก็ระลึกรู้อยู่เสมอว่า...นี่คือนิยาย! (เพราะฉะนั้น อย่าพึงคาดหวังความสมจริงใด ๆ ทั้งสิ้น แหะ ๆ
อ่านจบแล้วก็มาบอกเล่า ชวนอ่านกันค่ะ
|
ชอบสำนวนของผู้เขียนในเรื่องนี้มากก