|
ชิงช้าชาลี ผู้เขียน : โสภาค สุวรรณ สนพ.อรุณ/พิมพ์(ครั้งที่ ๓/ส.ค.๕๘) ๗๐๙ หน้า ราคา ๕๖๕ บาท
ปกหลัง
อย่าไปนะไอ้ลี...อยู่ที่นี่ด้วยกันเถอะ... ที่นาที่ไร่ของพ่อคงต้องการคนช่วยดูแล ยามแก่เฒ่า พ่อแม่คงอยากมีหลานตัวเล็กๆ ไว้คลอเคลีย
ช่อมาลีกับบุหงาส่าหรีเขาจำเป็นจะต้องอยู่กรุงเทพฯ แต่อย่างแกนี่...แกนั่งเขียนหนังสือที่ไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ... เมืองนอก บ้านนา หรือที่ไหนๆ ก็ได้จริงมั้ย
ไม่ว่าที่ไหน ความฝัน จินตนาการของคนเขียนหนังสือไม่เหือดไม่แห้งใช่มั้ยหือ
คำไทเคลียจมูกปากที่แก้มเนียน ไฟหมดเชื้อพอดี รอบตัวมีแต่ความมืดและแสงฟืนกรุ่นจวนมอดในกองไฟ
อยู่ด้วยกันที่อีสานนี่แหละ ถึงจะแล้งจะจนยากก็บ้านเรา ถิ่นของเรา ถ้าเราทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเสียเอง คนถิ่นอื่นหรือเขาจะมาอยู่แทน... เวลานี้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินท่านก็ทรงพระเมตตาโอบอุ้มชาวบ้านถิ่นอีสานเต็มที่ แกอย่าไปกรุงเทพฯ เลยนะชาลี
คำไทโอบร่างบางไว้กับตัวยิ่งขึ้น ไม่นำพายุงริ้นไรหรือแมลงกลางคืนอีกแล้ว เขารู้แต่ว่า แม้นหากว่าไอ้ลีไปเสีย เขาจะอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน
เรื่องย่อเพิ่มเติม(จากเว็บสนพ.)
สามสาวพี่น้อง คือ ช่อมาลี บุหงาส่าหรี และวัลย์ชาลี อยู่กับพ่อแม่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน โดยไม่ทราบประวัติความเป็นมาของแม่ ซึ่งไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปที่เป็นชาวไร่ชาวนา
อยู่มาวันหนึ่งผู้เป็นยายเดินทางจากกรุงเทพฯ มารับเด็กสาวทั้งสามไปอุปการะเพื่อเรียนหนังสือต่อในกรุง เด็กสาวทั้งสามจึงต้องจากพ่อแม่เข้ามาสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ท่ามกลางญาติพี่น้องที่รังเกียจ ยกเว้นยายเพียงผู้เดียว และต้องปรับตัวรับทุกสิ่งทุกอย่าง... ทั้งสภาพสังคม การศึกษา การงานและความรัก
เป็นนิยายแนวปลุกจิตสำนึกรักบ้านเกิด ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคม ผู้คนโหยหาแต่วัตถุ ด้วยคิดว่านั่นเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสุข ความสะดวกสบายให้กับตนเอง จนบางครั้งหลงลืมศีลธรรมอันดีที่พึงมีไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต
เรื่องราวส่วนใหญ่เน้นที่วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของสามสาวพี่น้อง ที่ในวัยเด็กได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นจากผู้เป็นพ่อและแม่ เมื่อเติบโตเข้าสู่วัยแรกรุ่น ก็มีผู้เป็นยายมารับช่วงต่อ คุณยายผู้ไม่เคยรังเกียจลูกเขยบ้านนา หากต้องเพียงมองอยู่ห่าง ๆ เมื่อครั้งคุณตายังมีชีวิตอยู่ เพราะคุณตานั้นถือยศถือศักดิ์แจนตัดขาดลูกสาวคนสุดท้อง เมื่อเธอเลือกที่จะแต่งงานกับหนุ่มชาวนา... ต่อเมื่อคุณตาเสียชีวิตลง คุณยายจึงสามารถยื่นมือมาโอบอุ้มเด็ก ๆ ทั้งสาม เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ทัดเทียมกับหลาน ๆ บ้านอื่น แม้จะถูกคัดค้านและตั้งป้อมรังเกียจจากญาติสนิทอย่างลุงและป้า พี่แท้ ๆ ของแม่
เจ้าหล่อนทั้งสามอาศัยการกล่อมเกลาจากพ่อและแม่ เสริมด้วยคำสั่งสอนของผู้เป็นยาย สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมเมืองกรุงได้เป็นอย่างดี และกระทั่งได้มีโอกาสช่วยเหลือและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตลอดถึงทัศนคติและมุมมองของญาติสนิทที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน หากแต่ใช้ชีวิตอย่างสุ่มเสี่ยงและประมาท เนื่องจากขาดความรักอันอบอุ่นในครอบครัว
ตามแนวการเขียนของนักเขียนท่านนี้ บทรักหวาน ๆ มีน้อยมาก แต่ทั้งเรื่องยาว ๆ หนาปึกนั่น อัดแน่นด้วยข้อคิดคำสอน โดยอิงหลักธรรมะในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีหลายบทหลายตอนที่ช่วยฉุดดึงและกระตุกเตือนคนอ่านได้เป็นอย่างดี
อ่านแล้วอบอุ่น กรุ่นกลิ่นอายธรรมชาติของท้องไร่ท้องนาดีค่ะ
| |