|
'วันหนึ่ง' ผู้เขียน : จุลลดา ภักดีภูมินทร์ ผู้พิมพ์ : สนพ.ดอกหญ้า (พิมพ์ครั้งที่ ๔/ม.ค. ๒๕๓๗) ๓๗๕ หน้า ราคา ๑๐๐ บาท
โปรยปก :
วันหนึ่งในชีวิตของคนเรา บางครั้งเศร้า...บางคราวสุข ขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตในช่วงนั้น ๆ
วันหนึ่งเกิดท้อแท้ต่อโชคชะตาที่ชักพาเราไปสู่ความทุกข์ จงเตรียมพร้อมรับมือกับพายุร้ายนั้นอย่างเต็มใจ เพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปพร้อมกับกระแสลม
จะท้อถอยสิ้นหวังไปไย ในเมื่อยังมี วันหนึ่ง รออยู่ข้างหน้า ถึงแม้ไม่มีหลักประกันว่า วันหนึ่ง จะต้องดีกว่า วันนี้ แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ จะทอดทิ้งความหวังเสียกระไรได้
...............
บางส่วนจากคำนำสำนักพิมพ์ :
ในช่วงชีวิตคนเราย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ตลอดเวลา แล้วแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลง ที่สำคัญคือ จะยอมรับโชคชะตาที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ หรือจะปล่อยให้ความทุกข์เกาะติดกับหัวใจเราตลอดไป
เรื่องย่อแบบยาววววว...(ตามความชื่นชอบของเจ้าของบล็อกนี้) :
คุณพิกุลแก้วเป็นพี่สาวคนโตแห่งตระกูลราชอำมาตย์ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ เมื่อมารดาซึงเป็นหม่อมเจ้าหญิงได้เสียชีวิตลงตอนที่เธอมีอายุเพียง ๑๑ ปี เธอจึงถูกผู้เป็นพ่อฝึกฝนให้รับหน้าที่ปกครองบ้านที่มีพี่ชายคนโตซึ่งอายุมากกว่าเธอ ๓ ปี กับน้อง ๆ ชายหญิงอีกสามคน นับแต่นั้นเป็นต้นมา...
ด้วยวัยเพียง ๑๕-๑๖ ปีที่ควรจะสดใส เธอกลับกลายเป็น"แม่แก่"ในสายตาของใครต่อใคร ที่บ้างก็มองอย่างยกย่องชมเชย บ้างก็นับถือยำเกรง แต่บ้างก็มองอย่างเห็นขัน...
ผู้เป็นพ่อเคยมีอดีตเป็นถึงอธิบดีกรม จึงมีเพื่อนฝูงบริวารนับหน้าถือตาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีผู้หญิงมาติดพันมากมาย หากก็ไม่ได้ยกย่องใครมาแทนที่มารดาของธออย่างเปิดเผย
จนมาถึงนิภา...ซึ่งเป็นน้องต่างบิดากับภควัต... เมื่อเธอเข้ามาอยู่ในบ้านเธอก็ดึงภควัตเข้ามาพัวพันกับครอบครัวนี้โดยปริยาย
ภควัตเป็นคนหนุ่มที่ทันสมัยและอ่อนโยน เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดี ทำให้เด็ก ๆติด"น้าภัค"กันทุกคน รวมทั้งพิกุลแก้วเองก็พลอยนับถือน้าภัคเสมอญาติผู้ใหญ่ และยอมปล่อยให้น้อง ๆ ไปคลุกคลีใกล้ชิด แต่แล้ว...วันหนึ่งก็เกิดเหตุ... เมื่อภควัตเผลอใจ...แสดงออกถึงอารมณ์เสน่หาที่เขามีต่อสาวน้อย ทำให้คุณพิกุลแก้วรู้สึกละอายและโกรธมาก ตัดขาดจากเขาโดยสิ้นเชิง ภควัตจึงหลบไปทำงานต่างจังหวัด แต่ด้วยความเสียใจทำให้เขาดื่มเหล้าจนเมามายและล้มป่วยปางตาย ...แม้จะรักษาตัวจนหายดีแล้ว แต่ในที่สุด ภควัตก็ต้องจบชีวิตลงด้วยเหตุอันไม่คาดฝัน
หลายคนพุ่งเป้าความผิดมาที่พิกุลแก้ว...ด้วยคิดว่าเธอใจแข็งและถือตัวจนเกินไป จนทำให้ภควัตต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายเช่นนั้น... ซึ่งพิกุลแก้วเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย... เธอจึงตัดสินใจขอให้พ่อส่งเธอไปเรียนต่อเมืองนอก จังหวะนั้น...สงครามโลกครั้งที่สองก็อุบัติขึ้น
...........
ข้างบนนั่นแค่จบภาคแรกเองค่ะ นิยายแบ่งออกเป็นสองภาคใหญ่ ๆ ภาคต้นก็ตามที่เล่าไปแล้ว ภาคสองเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสิบปี นางเอกเรียนจบกลับมาเมืองไทย ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในครอบครัว... ที่รอให้เธอมารับภาระ...อย่างคนที่โตเต็มวัย...และพร้อมด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติ จะมีก็แต่รอยแผลเล็ก ๆ ที่ฝังลึกในใจ... ที่เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงเธอต้องเจ็บแปลบทุกครั้งไป
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวย้อนยุค... คาบเกี่ยวระหว่างก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เขียนจะสะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของสังคมอันเป็นผลกระทบจากภาวะสงคราม ผ่านชีวิตของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างชัดเจนและสมเหตุสมผล
การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเรียบเรื่อย หากก็กระชับฉับไวไม่เยิ่นเย้อ สอดแทรกคติธรรมในการดำเนินชีวิต และการปลอบประโลมใจให้ความหวังไว้อย่างกลมกลืนและนุ่มนวล จนผู้อ่านแทบไม่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกสอนหรือถูกปลุกเร้าแต่อย่างใด ได้แต่รู้สึกอินไปตามชะตากรรมที่ตัวละครต้องเผชิญ...
เฝ้ามองดูการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของตัวเอกอย่างลุ้น ๆ และเอาใจช่วย ร่วมยอมรับและปลดปลง ร่วมสะเทือนใจและเศร้าสลด... และร่วมวาดหวังถึง'วันหนึ่ง'ที่น่าจะดีกว่าวันนี้ของพวกเขา
หยิบนิยายเรื่องนี้มาอ่านซ้ำ เพราะยังติดใจอะไรบางอย่างในนั้น... เมื่อหลายวันก่อนมีเพื่อนสมาชิกในห้องสมุดพันทิปตั้งกระทู้ถามว่า เคยรู้สึกขัดใจในตัวนางเอกนิยายเรื่องไหนบ้าง แว่บหนึ่งก็นึกถึงคุณพิกุลแก้วแห่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา... เพราะจำได้ว่าอ่านรอบแรกเมื่อหลายปีก่อนนู้นนนน... รู้สึกขัดใจแกมหมั่นไส้ในความใจแข็งและถือตัวของเธอเป็นนักหนา
แต่หลังจากได้อ่านในรอบหลังนี้...ความรู้สึกนั้นก็แปรไป... เปลี่ยนเป็นความเข้าใจและเห็นไจ และสุดท้ายก็เอาใจช่วยเธอ ให้เธอได้สมหวังในชีวิตเสียที
.......
**(จุดนี้สปอยล์อะ แต่ชอบนิยายที่จบแบบนี้เลยบอกเล่าไว้ ใครไม่อยากถูกสปอยล์ก็กรุณาข้ามไปนะคะ)
...ซึ่งนิยายก็จบค้างไว้เช่นนั้น ไม่ได้บอกว่านางเอกสมหวังหรือไม่ ให้คนอ่านคิดฝันวาดหวังและจินตนาการเอาเอง
.................
จริง ๆ แล้วช่วงวันหยุดที่ผ่านไปอ่านนิยายจบไปหลายเล่ม ดูซีรียส์จบไปก็หลายเรื่อง แต่ขอเลือกหยิบนิยายยุคเก่าเก๋ากึ้กเล่มนี้มาบอกเล่าเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศมันคลาสสิคดีอะค่ะ...
ในช่วงต้น ๆ ปีแบบนี้มันให้บรรยากาศของการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ มีความหวังและกำลังใจ... ซึ่งนิยายเรื่องนี้ก็ให้อารมณ์และความรู้สึกที่ว่าได้เต็มเปี่ยมค่ะ ชวนอ่าน ๆ ค่า
|