|
มงกุฏอัคคี ผู้เขียน : อสิตา สำนักพิมพ์เก้าหาง(กันยายน 2559) จำนวนหน้า 384 หน้า ราคา 355 บาท
คำโปรย...
อัญมณี...เหนือผืนทราย
ณ ใต้ต้นเพลิง คือจุดกำเนิดแห่งรักและแค้น ของ องค์ชาย... นางทาส...ราชครู บัดนี้ืผืนทรายได้กลบฝังทุกอย่างไว้ ...ทว่า ต้นไม้ต้องสาปได้กลั่นโลหิต เป็น หยาดอัคคี อำพันนั้นไหลไปตามหา เพื่อนำพาพวกเขากลับมารับทัณฑ์บาป ...ภายใต้เงื้อมเงาแห่ง มงกุฏอัคคี .
.
เล่มนี้ถือเป็นเล่มที่สาม ในชุด'อัญมณีแห่งไฟ' ของนักเขียนนาม"อสิตา" จากเรื่องแรก"มายาไฟในดวงตา" ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักความแค้น ของหญิงสาวชาวไทยที่สืบเชื้อสายยิปซีมาจากคุณย่าอมินตาผู้ลึกลับ กับสมิงพรายหนุ่มผู้เป็นผู้นำแห่งตระกูลเมห์ฮรา...เจ้าแห่งไฟ มาต่อเล่มที่สอง โมรารัตติกาล ก็ยังคงเป็นเรื่องที่สืบเนื่องกัน หากแต่เป็นเรื่องราวของคนในตระกูลเมห์ฮราอีกสายหนึ่ง ผู้ถูกความแค้นครอบงำจิตวิญญาณเสียจนมืดมิด จะมีก็แต่รังสีแห่งหินโมราเม็ดนั้นเท่านั้นที่อาจจะช่วยให้เขากลับคืนมามีชีวิตอีกครั้ง พลอยโมรา...และสาวน้อยผู้ครอบครองอำนาจแห่งมันผู้นั้น...สิตารา
(และในเล่มนี้ นอกเหนือจากเรื่องราวของชามัลกับสิตาราอันถือเป็นคู่หลักของเรื่องแล้ว ยังมีเรื่องที่ซ้อนเข้ามาอย่างเรื่องของพ่อเสือหนุ่มน้อยมัชฌิม์ ลูกชายคนกลางของผู้นำตระกูลเมห์ฮราด้วย... ซึ่งถึงแม้จะออกมาไม่เยอะมาก แต่เรื่องราวและบทบาทของเขาก็โดดเด่น อ่านแล้วฟินไม่เบาทีเดียวเชียว)
แม้จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน แตโดยพล็อตและการดำเนินเรื่องแล้วก็สามารถแยกอ่านเป็นอิสระแก่กันได้ โดยไม่งง สับสนหรือตกหล่นอะไรค่ะ เพราะผู้เขียนเขาแม่นในเรื่องของพล็อต บุคลิกและผังความสัมพันธ์ของตัวละคร รวมถึงลำดับเวลาของเรื่องราว
.
อย่างเล่มนี้ ซึ่งเป็นเล่มที่สามของชุด โดยกำหนดให้เป็นเรื่องของสาวน้อยอัคนิมายา ลูกสาวคนเล็กของผู้นำตระกูลเมห์ฮรา ซึ่งหลงรักและผูกพันกับพี่เลี้ยงพิเศษ อย่างชนะทัศน์มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย มิใยที่ฝ่ายชายจะพยายามปิดกั้นตัวเองและผลักไสเธอออกห่างตัวด้วยเกรงใจผู้เป็นนายเหนือห้ว... แต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับว่า...ชะตากรรม เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกพ้น เพราะแท้จริงแล้ว พวกเขาไม่ใช่จะเพิ่งได้รู้จักและผูกพันกันแต่ในชาตินี้เท่านั้น ทว่าทั้งคู่ต่างเคยมีกรรมเวรผูกติดกันมาแต่ชาติปางนู้นนนน...
ผู้เขียนเปิดเรื่องมาด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอาณาจักรโบราณ ย้อนหลังไปนับพัน ๆ ปี เรื่องของความรัก ความแค้นที่พัวพันกันระหว่างหนึ่งองค์ชาย หนึ่งนางทาส และหนึ่งราชครู ที่ก่อให้เกิดเป็นสายสัมพันธ์สืบเนื่องโยงใยกันมาถึงภพปัจจุบัน... ที่แม้สิ่งต่าง ๆ ได้สูญสลาย เลือนหายไปกับกาลเวลาอันเนิ่นนาน กระทั่งความทรงจำก็มิหลงเหลือ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งแน่นอนที่สุดว่ามิได้ลบเลือนไปตามสิ่งอื่น ๆ นั่นก็คือ... ผลแห่งกรรมที่แต่ละคนได้สั่งสมไว้ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว มันต้องตามติดมาสนองตอบหรือชดใช้ให้ครบครันไม่มีละเว้นเป็นแน่
นั่นจึงเป็นที่มาของเรื่องราวอันโลดโผนโจนทะยานของแม่เสือดาวสาวน้อยอัคนีมายา... ผู้ที่อาจจะต้องรับหน้าที่เป็นผู้นำแห่งตระกูลในกาลต่อไป... ซึ่งเรื่องราวของเธอจะพาเราย้อนอดีตไปถึงจุดกำเนิด ที่มาที่ไปของสายตระกูลของเธอเองทั้งสองฝั่ง คือตระกูลทางฝั่งพ่อ 'เมห์ฮรา' และฝั่งแม่ 'คุปตะจินดา'
.
โอยยยย...เรื่องราวเค้าซ้อนทับซับซ้อนมากมาย... เล่าเรื่องโดยไม่สปอยล์ยากมากขอบอก...(ก็เลยขอไม่เล่าละกัน...)
เป็นโรแมนติกแฟนตาซีในแบบฉบับของ"อสิตา"เขาแหละค่ะ . ด้วยพล็อตที่โดดเด่นและแข็งแรง การเล่าเรื่องที่ตัดสลับกันไปมา ระหว่างโลกที่แตกต่างกันสองขั้ว ทั้งโลกในอดีตกับโลกปัจจุบัน และโลกแห่งแฟนตาซีกับโลกในความเป็นจริง... ที่ผู้เขียนทำได้อย่างค่อนข้างกลมกลืนลื่นไหลดูเนียนเป็นธรรมชาติมาก อ่านแล้วไม่รู้สึกถึงรอยต่อหรือจุดสะดุดเลย
จุดที่ชื่นชอบที่สุดในนิยายของอสิตาแต่ละเล่มแต่ละเรื่องคือตัวละครค่ะ ตัวละครของอสิตามีบุคลิกลักษณะที่โดดเด่นชัดเจนทุกตัว ตั้งแต่ตัวเอก ตัวรอง กระทั่งตัวประกอบยิบย่อย ล้วนต้องมีสายสัมพันธ์โยงใยซึ่งกันและกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และแต่ละตัวจะต้องมีบทบาทที่ส่งผลในการขับเคลื่อนไปของเรื่องราว ทุกตัวมีด้านดีด้านร้าย มีมุมมืดมุมสว่าง... ซึ่งผู้เขียนก็ได้พยายามชี้ให้เราเห็นกลาย ๆ ว่าส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการเลี้ยงดูและการหล่อหลอมในวัยเด็กนั่นเอง
อีกจุดที่ชื่นชอบและต้องขอชมเชยก็คือสำนวนภาษาค่ะ ผู้เขียนมีลีลาการเล่าเรื่องด้วยภาษาที่ชวนอ่านและชวนอิน ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายสถานที่ ฉากการต่อสู้ไล่ล่า การขับเคี่ยวเชือดเฉือนกันด้วยวาจา บางครั้งก็มีแทรกบทประชดประชันเสียดสี หากบางทีก็ผ่อนอารมณ์ผู้อ่านด้วยการเจืออารมณ์ขันไว้ประปราย ตลอดถึงฉากรักอันร้อนแรงดุดันในบางช่วง และกุ๊กกิ๊กมุ้งมิ้งในบางตอน... เธอสามารถอะ...ทำให้คนอ่านรู้สึกอินและลุ้นตาม รับร่วมในอารมณ์ของตัวละครไปโดยตลอด
อ้ะ...เวิ่นเว้อมากไปจะกลายเป็นอวยเว่อร์ ก็อวยนั่นแหละ อ่านแล้วชอบนิ เอาเป็นว่าชวนอ่านค่ะ คนเขียนเขามีของมีอะไรให้เก็บเกี่ยวเยอะอยู่ ไม่ใช่แค่แฟนตาซีเว่อร์วังเท่านัน
.
|