|
เงารักสีน้ำเงิน ผู้เขียน : อสิตา (อสิตา เสถียรพันธุ์) ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(ต.ค. ๕๖) ๓๘๑ หน้า ราคา ๒๙๕ บาท
เรื่องย่อ(จากปกหลัง) :
'วนัสสา' ตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำที่หายไปถึงสองเดือน และรอยสักรูปปีกผีเสื้ออันน่าฉงนที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงกลางหลัง กับกระดาษหนึ่งแผ่นในมือซึ่งมีข้อความคล้ายเป็นเบาะแส ให้เธอตามหาใครคนหนึ่ง
'นวาระ' หนุ่มหน้าสวยแสนเจ้าเล่ห์ผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ 'วาริช' เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มลึก สะท้อนเงารื่นเริงอบอุ่น 'คราม' บุรุษมีลับลมคมในจนชวนฝัน ทั้งยังมีชื่อเป็นความหมายของสีสัน
หากเธอคือผีเสื้อใครคนนั้นคือดอกไม้ แล้วผู้ใดจะเป็นดอกไม้ที่เธอหลงลืมไป!
เล่าเรื่องเพิ่มเติมจากข้างบนนิด ๆ ...
ตอนที่วนัสสาฟื้นตื่นขึ้นมา เธอมีกระดาษยับย่นชิ้นหนึ่งติดมืออยู่ จากข้อความในนั้นกับจากการสัมผัสบ่งบอกว่า ในช่วงเวลาสองเดือนทีหายไป เธอมีคนรักที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน... ซึ่งเขาเองก็อาจจะลืมเลือนเธอไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นเธอต้องตามหาเขาให้พบ เพื่อจะได้กลับมารักกันอีกครั้ง ในกระดาษแผ่นนั้น ชื่อของเขาลบเลือนด้วยรอยน้ำตาของเธอ...
นอกจากนี้เธอยังมีภารกิจสำคัญอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือเธอต้องตามหาพ่อที่หายตัวไปอย่างลึกลับถึงสามปีมาแล้ว พ่อของเธอเป็นหัวหน้าทีมวิจัยที่กำลังทำการวิจัยชิ้นสำคัญเกี่ยวกับวงการยา
เธอตัดสินใจที่จะไปตามหาร่องรอยทั้งของพ่อและของเขาคนนั้น... โดยเริ่มต้นจากสถานที่สุดท้ายที่เธอรำลึกได้ก่อนที่ความทรงจำจะหายไป... นั่นก็คือคฤหาสน์ใหญ่ลึกลับกลางกรุงแห่งนั้น ที่นั่นเปิดทำการคล้าย ๆ เกสต์เฮาส์ที่เธอสามารถจองห้องพักได้ ชายหนุ่มคนแรกที่เธอได้พบคือหมอวาริช ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ เธอสัมผัสได้ถึงความรื่นเริงอบอุ่นน่าไว้ใจจากเขา...แต่เธอก็ยังไม่สามารถปลงใจเชื่อว่าเขาคือคนคนนั้นของเธอ
ถัดมาเธอก็ได้พบกับแขกอีกคนของคฤหาสน์ - - อินดิโก หรือครามดีไซน์เนอร์หนุ่มมาดนิ่ง เธอจำได้ว่าเคยพบเขามาก่อนในคืนสุดท้ายก่อนความทรงจำเลือนหายไป ส่วนเขาก็จำเธอได้เช่นกัน ในภาพของเด็กสาวใจแตกที่เขาเคยพบในแหล่งเที่ยวกลางคืน ทันทีที่วนัสสาได้มีโอกาสสัมผัสตัวเขา เธอก็รับรู้ถึงความทรงจำบางอย่างที่เธอกับเขาเคยมีร่วมกัน
หนุ่มคนที่สามที่เข้ามาพัวพันกับวนัสสาและทำให้เธอต้องสับสนมากขึ้นคือนวาระหรือนิว... หนุ่มหน้าสวยราวกับผู้หญิงเจ้าของรอยสักรูปดอกกุหลาบสีน้ำเงิน... รอยสักของเขาทำให้วนัสสานึกถึงรอยสักรูปผีเสื้อที่โผล่กลางหลังของเธอในช่วงที่ความทรงจำลบเลือน ........... นอกจากชายหนุ่มทั้งสามคน ในคฤหาสน์ยังมีแขกคนอื่น ๆ อีกสามสี่คน ต่างมีสันทนาการร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันบ้าง และอย่างหวาดระแวงซึ่งกันและกันในทีบ้าง
และแล้วเมื่อพวกเขารวมตัวกันครบทีม ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเข้ามารวมกันในสภานที่นี้ก็เริ่มปฏิบัติการกับพวกเขา คฤหาสน์หลังใหญ่ก็แปรสภาพเป็นกรงขังในบัดดล...
วนัสสาจะได้เจอพ่อและค้นพบความทรงจำกับชายคนรักของเธอคืนมาหรือไม่ และพวกเขาจะสามารถพาตัวเองหลุดรอดจากคฤหาสน์ลึกลับนี้ได้หรือไม่ อย่างไร ไปร่วมลุ้นกันค่ะ
หลังอ่าน... โอ้วว...ว๊าววว... อ่าน ๆ ไปต้องร้องอุทานแบบนี้ไปเป็นระยะ ๆ จริง ๆ ค่ะ คุณอสิตาจัดหนักจัดเต็มมากๆ กับแฟนตาซีผสมไซไฟตามแนวถนัดของเธอ
จากที่เคยอ่านงานของเธอมาสองเล่ม...'มายากรแห่งรัก' กับ'มายาไฟในดวงตา' เมื่อมาเจอเล่มนี้ก็คาดหวังเต็มที่...ซึ่งก็แน่นอนมาก ไม่ผิดคาดเลยค่ะ ออกจะเกินคาดเสียด้วยซ้ำ หุหุ
ถ้าเล่มก่อนหน้าใช้คำว่า"แยบยล"กับวิธีเดินเรื่องของผู้เขียน สำหรับเล่มนี้ต้องขอใช้คำว่า"เย้ายวน"ค่ะ... แต่ไม่ใช่(ไม่เชิงมากกว่า)เย้ายวนชวนหลงใหลนะคะ แต่เป็นเย้ายวนชวนสะพรึง(กึ่ง ๆ เวียนหัว)ค่ะ เอิ้ก
เล่มนี้น่าจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นนิยายแนวไซไฟค่ะ เป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่แต่ละคนมีความพิเศษในตัว...
อย่างนางเอกวนัสสา - - เธอสามารถรับรู้ความทรงจำของผู้อื่นผ่านการสัมผัสตัวหรือสิ่งของที่คนคนนั้นเคยจับต้อง หมอวาริช - - สามารถใช้พลังจิตในการเยียวยาสัตว์ป่วย(และอาจจะรวมถึงใช้กับคนได้ด้วย) คราม - - (รายนี้พิเศษสุด ๆ )สามารถสร้างร่างจำแลงแล้วไปโผล่ที่นั่นที่นี่ได้ ซ้ำยังสามารถกำหนดให้คนอื่นมองเห็นหรือไม่เห็นร่างจำแลงของตัวเองได้ด้วย...ว๊าว... นิว-นวาระ- - หนุ่มเกรียนคนนี้สามารถสะกดจิตคนได้ ควบคุมจิตใจคนอื่นได้ ฯลฯ นางเอกเรื่องนี้โชคดีจริง ๆ มีพระเอกที่มีเสน่ห์ต่างแบบต่างลักษณะเข้ามาพัวพัน เสนอตัวให้เลือกถึงสามคนแน่ะ(ประชดค่ะ!) คนกลุ่มนี้ถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขบางอย่างให้ต้องเข้ามามีประสบการณ์ร่วมกัน ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์อันเกี่ยวกับการสร้าง(และกักเก็บ)ความทรงจำของมนุษย์!
พล็อตแปลกแหวกแนวมากค่ะเรื่องนี้ ตัวละครเยอะแยะมากมาย แต่คนเขียนเค้าสามารถค่ะ คนอ่านอ่านได้สนุก ลื่นไหลไม่มีสับสนงุนงง... โดยการเล่าเรื่องผ่านการแนะนำตัวละครออกมาทีละตัว ๆ บอกเล่าถึงที่มาที่ไป บุคลิกลักษณะตลอดถึงปูมหลังของแต่ละคน จากนั้นก็ค่อย ๆ โยงความสัมพันธ์ของทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ชอบวิธีเล่าเรื่องของคนเขียนมากค่ะ แม้จะออกแนวเหลือเชื่อเกินจริงไปมาก แต่คนเขียนก็เล่าด้วยท่าทีเรียบเรื่อยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญกับการที่จะเกิดเหตุ หรือปรากฏการณ์บางอย่างที่แสนจะแปลกประหลาดขึ้นมา ตัวละครแต่ละตัวของเขาจะตั้งรับด้วยท่าทีเป็นปกติ... และต่างก็มีวิธีแก้ไขหรือเผชิญหน้ากับสถานการณ์นั้น ๆ ในแบบของตัว ราวกับเคยชินกับความแปลกประหลาดเหล่านั้นเป็นประจำงั้นแหละ
ชอบการใช้สัญลักษณ์สีสันต่าง ๆ แทนอารมณ์ความรู้สึกและกระทั่งความทรงจำของแต่ละคน... ผ่านการรับรู้ของนางเอกในยามที่เธอได้สัมผัสตัวบุคคลหรือสิ่งของเครื่องใช้ของคน ๆ นั้น
บางมุม คิดว่าเธอแอบซ่อนแก๊กขำ ๆ ไว้ด้วยแหละ...ยกต.ย. นิดนึงเอ้า ! (ไม่รู้คนอื่นจะเห็นขันหรือเปล่านะ แต่ส่วนตัวอ่านแล้วขำกิ๊กเลยอะ) อย่างตอนที่วนัสสาเจอหมอวาริชครั้งแรกกลางดึกในห้องน้ำในห้องพักของเธอเอง เขากำลังเปลือยกายอาบน้ำอยู่แล้วเธอก็ไปเปิดม่านยืนจ้องเขาหน้าตาเฉย เพราะคิดว่านั่นคือภาพความทรงจำทีติดค้างอยู่ในห้องน้ำ ไม่ใช่ตัวตนของคนจริง ๆ ฮาอะ...ทำไปได้ แล้วก็จะมีอะไร ๆ ทำนองนี้อยู่หลายบทหลายตอน
บรรยากาศของเรื่อง(พอ ๆ กับบรรยากาศของคฤหาสน์ลึกลับหลังนั้นที่เป็นฉากของเรื่องทั้งหมด) ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนอ่านไซไฟ - แฟนตาซีฝรั่ง ตัวละครหลักมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในลักษณะเหมือนจะเป็นวัฒนธรรมตะวันตกมากกว่า ทั้งคนทำงานในบ้าน พ่อบ้าน แม่บ้าน เมด คนสวน ทุกคนมีชื่อ(และน่าจะเป็น)ฝรั่งทั้งหมด เช่น เบ็น นาเดีย อีกริต เอเดน...ฯลฯ แต่ก็ไม่รู้สึกขัดนะคะ กลับจะช่วยเสริมความเข้มข้นของ"ความลับ"อันเป็นธีมหลักของเรื่องเสียด้วยซ้ำไป
จริง ๆ มีอีกหลายแง่หลายมุมมากที่อยากพูดถึงค่ะ แต่พูดไปพูดมาก็จะเหมือนพายเรือในอ่าง... เพราะเรื่องราวของเขาออกแนวซับซ้อน วกวนพอสมควร... เล่าต่อหรือรีวิวค่อนข้างยากนิดนึง (แต่ยืนยันว่าถึงจะวกวนแต่ก็ไม่สับสนเวิ่นเว้อแน่ ๆ ค่ะ)
สรุปได้แต่ว่า อ่านสนุก ตื่นเต้น เย้ายวนใจให้ต้องตามติด ร่วมลุ้นร่วมเอาใจช่วยนางเอก...ที่คนเขียนเขาเปรียบให้เป็นผีเสื้อสีน้ำเงิน... ให้ตามหาความทรงจำและความรักที่หายไปให้เจอ
(จริง ๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะตัวเองเขียนถึงเล่มนี้ทีหลังคนอื่นเค้าหลายต่อหลายบล็อก แล้วตัวเองก็เที่ยวไปอ่านมาแล้วแทบทุกบล็อกที่ว่านั่น จึงแทบไม่มีประเด็นให้พูดถึงแล้วอะค่ะ แหะ ๆ )
เดินทางมาถึงเล่มสุดท้ายในที่สุด... สรุปสั้น ๆ ว่าแต่ละเล่มต่างแบบต่างสไตล์ในการนำเสนอ แม้จะมีธีมร่วมกัน แต่ผู้เขียนแต่ละคนต่างก็ทีอิสระในการสร้างสรรค์พล็อตเป็นเอกเทศ
ตัวละครมีความเกี่ยวโยงกันบ้าง แต่ความเชื่อมโยงนั้นไม่ได้มีความสำคัญต่อเนื้อหาหลัก ฉะนั้นสามารถอ่านแยกเล่มได้ตามสะดวกค่ะ
ทุกเล่มมีเสน่ห์ มีสีสันน่าสนใจ ซึ่งน่าจะสนองต่อรสนิยมการอ่านของนักอ่านแต่ละแนวได้ครอบคลุมค่ะ
อนึ่ง ถ้ามีใครคิดจะนำนิยายชุดนี้ไปทำละครละก็ คิดว่าเล่มแรก(ใต้ปีกรักสีเพลิง)คงทำง่ายสุดเพราะเน้นซีนดราม่าเชือดเฉือน เล่มที่สองก็คงยากขึ้นอีกนิด แต่อาจจะทำออกมาให้มีภาพมีฉากสวย ๆ ส่วนเล่มสุดท้ายนี้ ต้องใช้ซีจี เอฟเฟ็กต์อลังการแน่ ๆ
สรุปของสรุปว่าชวนอ่านกันค่า...
|