|
หนึ่งรักเหนือรุ้ง ผู้เขียน : ปลายสี ผู้พิมพ์ : สำนักพิมพ์อรุณ(ส.ค. ๕๗) 339 หน้า ราคา 265 บาท
โปรยปกหลัง :
ถ้ารุ้งอยากไปจากพี่
เอาชนะพี่ให้ได้สิ
เหนือฟ้าเออีสาวผู้มากด้วยความสามารถถึงกับตกตะลึง เมื่อได้เห็นหน้าผู้บริหารบริษัทคนใหม่ เพราะเขาคือชายหนุ่มผู้เคยฝากรอยแผลลึกไว้ในหัวใจของเธอ คุณชินชนะ หัวหน้าผู้มีลักยิ้มพราวเสน่ห์ของทุกคนในบริษัท หรือ
พี่หนึ่ง
พี่ชาย ผู้ทรยศความไว้วางใจที่เธอพยายามลืม
ทว่าในขณะที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ายนั้นก็เปิดเกมรุกประชิดทำเอาเธอหัวปั่น ยิ่งเธอพยายามถอยห่าง เขาก็ยิ่งตามติด จนสุดท้าย ชินชนะได้หยิบยื่นข้อเสนอซึ่งเป็นหนทางเดียวสู่อิสรภาพของเธอมาให้ คือ ต้องเอาชนะเขาให้ได้ในการเดิมพันงานโฆษณาที่มีเงื่อนไขไม่ธรรมดา
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอควรเป็นห่วงที่สุดไม่ใช่เรื่องว่าเขาจะใช้กลยุทธ์ชนิดไหน แต่เป็นใจของตัวเธอเองนี่แหละ!!
หลังอ่าน... จะว่าไป...เล่มนี้อาจจะนับเนื่องเป็นภาคต่อ(กลาย ๆ)ของ"เพลงลิขิตบันดาลชักพา" ที่เคยอ่านแล้วติดใจเมื่อปีก่อนได้เหมือนกัน แม้ว่าเรื่องราวไม่ได้มีอะไรต่อเนื่องกันเลย แต่มีตัวละครที่ดึงมาจากเรื่องนั้น มาปรากฏตัว มีบทบาทอยู่ในเรื่องนี้หลายคนอยู่
เรื่องย่อ ๆ ก็ตามโปรยปกหลังนั่นเลยค่ะ... นางเอก - รุ้ง หรือเหนือฟ้า เป็นลูกติดแม่เลี้ยงของพระเอก - หนึ่ง ชินชนะ ผูกพันชิดใกล้เป็นพี่เป็นน้องกันมานาน แต่จู่ ๆ นางเอกก็แอบไปได้ยินความในใจบางอย่างของพระเอก เลยเกิดอาการงอน ตัดเป็นตัดตายกับพี่ชายร่วมโลก และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาต้องแยกไปเรียนต่อที่เมืองนอกพอดี วันเวลาผ่านไป...จู่ ๆ พี่ชายก็กลับมาพยายามง้องอน โดยใช้งานเป็นตัวล่อ... ทำให้เธอไม่อาจหนีไปจากเขาได้
ก็...อ่านเพลิน ๆ ชิล ๆ ค่ะ นิยายอิงพล็อตคลาสสิค... ประมาณรอยรักในอดีต พี่ชายน้องสาว มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง... แต่ถ้ามีแต่ปมนี้ปมเดียว นิยายคงโหรงเหรง ๆ น่าดู ในเรื่องเขาจึงมีพล็อตย่อยซ้อนอีกชั้น (ที่...ทำไปทำมา ปมย่อยที่ซ้อนอยู่นั่นออกจะน่าสนใจกว่าเรื่องหลัก ๆ ของคู่พระ-นางเสียอีกแน่ะ) นั่นคือเรื่องของอิงตะวัน เด็กสาวเจ้าปัญหาที่มีพฤติกรรมแปลกแยก เนื่องจากเสียแม่ไปในวัยที่กำลังเติบโต เธอก้าวร้าว และแยกตัวเองออกจากผู้คน จนพ่อของเธอต้องต่อรองให้ชินชนะกับเหนือฟ้าเข้าให้ถึงเด็กสาวและเปลี่ยนพฤติกรรมของเธอให้ได้ เขาถึงจะยอมรับงานจากบริษัทของทั้งคู่...
นั่นจึงเป็นที่มาของมุกปลอมตัว ตลอดถึงการทำงานเพื่อสังคมอย่างการออกค่ายอาสา การทำงานศิลปะ นู่นนี่นั่น... ซึ่งกลายเป็นสาระสำคัญที่ช่วยให้นิยายมีแก่นสาร มีเนื้อมีน้ำขึ้นมา
สำนวนภาษาของคนเขียนก็ลื่นไหลอ่านไม่สะดุดค่ะ... ชอบการตั้งชื่อตัวละครในเรื่องมากค่ะ ตั้งแต่ชื่อคู่พระ-นางนั่นทีเดียว... เหนือฟ้ากับชินชนะ นางเอกมีเพื่อนรักชื่อขีโรชา ฉายฉันท์(ชื่อเล่น"คุณหนูขา") รุ่นน้องที่ทำงานกับนางเอกคนหนึ่งชื่อทำนุทัพ เป็นน้องชายของมุกมาลา...ชื่อของแต่ละคน ช่างสรรตั้ง
แต่จะมาตงิด ๆ ใจเล็ก ๆ กับชื่อเรื่อง..."หนึ่งรักเหนือรุ้ง"... ก็ไม่ทราบว่าผู้เขียนเขามีแอบแฝงนัยยะอะไรลึกเร้นหรือเปล่า แต่ถ้าแค่จับเอาชื่อพระเอก(หนึ่ง)กับนางเอก(เหนือฟ้า ชื่อเล่ยรุ้ง)มาเรียงกันให้ฟังสวย ๆ แปลก ๆ ส่วนตัวไม่ค่อยปลื้มอะค่ะ มันดูไม่มีความหมาย ไม่มีรสนิยมและเชยเอาเสียมาก ซึ่งต่างจากเรื่องก่อน...เพลงลิขิตบันดาลชักพา...ที่ผู้เขียนตั้งชื่อเรื่องได้เก๋ไก๋ น่าสนใจและมีความหมายบ่งบอกถึงธีมและแนวของเรื่องชัดเจน แหะ ๆ นี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ค่ะ
แต่ในส่วนของเนื้อหา เรื่องราว ก็อย่างที่บอกในตอนต้น...อ่านเพลิน ๆ อ่านแล้วชอบในระดับหนึ่งทีเดียวค่ะ
The Sweetest Winter/หนาวหวาน ผู้เขียน : มาภา ผู้พิมพ์ : สำนักพิมพ์อรุณ(ส.ค. ๕๗) 383 หน้า ราคา 250 บาท
โปรยปกหลัง :
ใครจะไปคิดว่าในโลกนี้ยังมีทายาทมหาเศรษฐีหมื่นล้านต้องปลอมตัว มาเป็นเด็กล้างจานถึงเมืองนอกเมืองนา เพื่อตามหารักแท้ให้ได้ภายในครึ่งปี
เมื่อชานนท์ วงศ์สวัณณ์ วิศวกรหนุ่มพ่วงท้ายด้วยตำแหน่งเอ็มดีของ 'คริสตัล' กิจการลูกในเครือ 'แชนเดอร์เลียร์' อันยิ่งใหญ่ของบิดา รับพนันเพื่อนรักให้ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเมืองผู้ดีอังกฤษ เพื่อตามหาผู้หญิงสักคนที่จะรักและจริงใจกับเขาโดยไม่ต้องใช้เงินซื้อใจเลยแม้แต่บาทเดียว
และคงเป็นเพราะโชคชะตาเข้าข้าง เมื่อสาวไทยคนแรกที่เขาพบในสนามบิน ได้นำทางเขาไปสู่ร้าน 'ดอกรัก' ร้านอาหารไทยใจกลางกรุงลอนดอน สถานที่ที่ทำให้ดอกรักในหัวใจของเขาได้แบ่งบานขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ศิโรธร วานิชธนาเวทย์...พนักงานเสิร์ฟสาวที่หยิบยื่นตั๋วโดยสารรถไฟใต้ดิน ให้กับชายหนุ่มแปลกหน้าเพราะมันหมดประโยชน์กับเธอ โดยที่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่า 'เพื่อนร่วมชายคา' อย่างเขา จะกลายมาเป็น 'เพื่อนร่วมเส้นทางชีวิต'
แม้จะหนาวติดลบ แต่หัวใจของทั้งเขาและเธอกลับอบอุ่นเมื่อมีกันและกัน ร่วมฝ่าฟันปัญหาทุกอย่าง แม้หิมะจะตกหนัก แต่เขากลับเป็นไออุ่นของแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องในหัวใจของเธอ
หลังอ่าน.... อีกเล่มจากค่ายเดียวกัน แถมแนวเรื่องใกล้เคียงกันกับเล่มข้างบน เลยหยิบมาบอกเล่าพร้อม ๆ กันเสียเลย
เล่มนี้สะดุดใจกับชื่อเรื่องค่ะ ฟังดูอบอุ่น อ่อนโยน นุ่มนวลชวนฝัน และเมื่ออ่าน ๆ ไป ก็เป็นไปตามนั้นเลยค่ะ เรื่องย่อ ๆ ก็ตามปกหลังนั่นเลยค่ะ อิงพล็อตโบราณประมาณเล่มข้างบนเหมือนกัน เพียงแต่มีการปรับเรื่องราวให้เข้ายุคเข้าสมัย ทำให้อ่านได้สนุกเหนือความคาดหมายค่ะ
เรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปในประเทศอังกฤษทั้งหมดค่ะ เพราะพระเอกต้องเดินทางไปตามหารักแท้ถึงที่นั่น ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าอยู่เมืองไทย ไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลรวยล้นฟ้าของเขาแน่ เขาต้องไปในฐานะนักเรียนธรรมดา และมีงบค่าใช้จ่ายที่จำกัด... เพียงวันแรกที่เขาเหยียบแผ่นดินอังกฤษ เขาก็ได้พบสาวไทยใจดีที่มอบตั๋วรถไฟที่เธอไม่ได้ใช้แล้วให้กับเขา ทั้งการพูดคุยกันของเธอกับเพื่อนก็ยังกลายเป็นลายแทงให้เขาสามารถเดินทาง ไปสมัครงานเป็นเด็กล้างจานในร้านอาหารไทย... ที่เดียวกับที่นางเอกทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่นั่นเอง
เมื่อมาพบกันอีกครั้ง ทั้งยังกลายเป็นเพื่อนร่วมบ้านกันอีก แรกเริ่มมิ้มหรือศิโรธรก็ตั้งแง่เล็ก ๆ กับนายหมอก หรือชานนท์ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน จากการได้ช่วยเหลือกันเล็ก ๆ น้อย ๆ กับน้ำใสใจจริงที่นายหมอกแสดงต่อเธอทำให้กำแพงที่ก่อไว้ค่อย ๆ ทลายลงทีละน้อย ๆ
...........
ชอบมากค่ะ เรื่องนี้ ทั้งอบอุ่น อ่อนหวาน ละมุนละม่อมกลมกล่อมไปทั้งเรื่องจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นงานเขียนชิ้นแรกของคนเขียน ด้วยสำนวนภาษาที่...นุ่มนวล สละสลวยมาก ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายฉาก อารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร หรือบทสนทนาก็ลื่นไหล เป็นธรรมชาติ ผู้อ่านอ่านแล้วสามารถจินตนาการตามได้เคลิ้มคล้อย
ชอบพระเอก นางเอกเรื่องนี้มาก พระเอกดูดีมีเสน่ห์ ฉลาด รักมั่นคง ส่วนนางเอกก็มุ่งมั่น แม้จะมีปมครอบครัวแต่ก็เข้มแข็ง เป็นตัวของตัวเอง ไม่อ่อนแออ่อนไหวจนเกินเหตุ
และแม้จะอิงพล็อตเก่า ๆ ...อย่างที่บอกในตอนต้น แต่เรื่องราวหลังจากนั้นก็ค่อนข้างพลิกผัน ผิดคาด แหวกขนบน้ำเน่าพอสมควรเลยค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นนิยายแนวฟีลกู้ดที่อ่านสนุก อ่านเพลินทังสองเล่ม อ่านแล้วรู้สึกดี จึงหยิบมาเล่าขาน ชวนอ่านกันค่ะ
|
แต่ขอเก็บข้อมมูลอีกหน่อย ค่ายนี้จะอ่านเป็นบางเรื่องนะคะ