|
สามคม ผู้เขียน : กฤษณา อโศกสิน สนพ.โชคชัยเทเวศร์(พิมพ์ครั้งแรก ๒๕๓๔) ๒ เล่มจบ รวม ๗๗๖ หน้า(ราคาเล่มละ ๒๗๕ บาท)
คำนำผู้เขียน :
เมื่อพ่อแม่เป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ที่รับผิดชอบต่อลูก จำนวนพลเมืองดีจะเพิ่มขึ้นอีกมากต่อมาก
เรื่องย่อ :(ย่อเองแบบยาวววว....)
ปืนกับปลายเป็นพี่น้องสองชายที่นิสัยใจคอค่อนข้างแตกต่างกันลิบลับ แม้สายการทำงานจะใกล้เคียงกัน ปืนเป็นนักหนังสือพิมพ์ ในขณะที่ปลายเป็นนักโฆษณา
ปืนเป็นเพลย์บอยหนุ่มใหญ่วัยใกล้สี่สิบที่มีเสน่ห์แพรวพราย ส่วนปลายเป็นน้องชายต่างมารดาที่ปืนส่งเสียให้เรียนจนจบ ซึ่งปลายก็สำนึกในบุญคุณข้อนี้จนต้องกลายเป็นลูกไล่กลาย ๆ ให้กับพี่ชาย รวมทั้งต้องรับภาระดูแลหลานสาววัยห้าขวบ - เด็กหญิงปิ้ม ที่เกิดขึ้นโดยความพลาดพลั้งบังเอิญของปืน จากน้ำเชื่อม เด็กสาววัย ๑๖ อดีตพนักงานรับโทรศัพท์ของบริษัท
ปืนให้เด็กสาวออกจากงาน ซื้อบ้านให้อยู่และให้ค่าเลี้ยงดูลูกเป็นรายเดือน โดยเขามอบหมายภาระหน้าที่การนำเงินไปให้ การไปดูแลลูกสาวให้กับปลายทั้งหมด อ้างว่าเขาไม่อยากตกเป็นเบี้ยล่างของน้ำเชื่อมจนเกินไป
น้ำเชื่อมเป็นเด็กสาวอายุน้อยที่การศึกษาไม่สูงนัก แต่เธอมีความทะเยอทะยานสูง เมื่อรู้สึกว่าปืนคงไม่ยกย่องเธอ รับเป็นภรรยาแบบออกหน้าออกตาแน่ ๆ เธอก็พยายามหาทางของตัวเอง โดยการไปสมัครงานกับเพรียว ซึ่งเป็นเพื่อนหญิงคนสนิทคนหนึ่งของปืน...
เพรียวเป็นสาวใหญ่ไฮโซที่ไต่เต้ามาจากเลขานุการจนกลายมาเป็นภรรยาของเรืองนาม นักธุรกิจม่ายสูงวัยผู้ร่ำรวย เรืองนามเคร่งเครียดกับธุรกิจและเคยประสบอุบัติเหตุจนเสื่อมสมรรถภาพ... นั่นทำให้เพรียว หญิงสาววัยสามสิบรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ เธอคบหาสนิทกับปืน เพราะหลงในเสน่ห์ของเขาและปืนเองก็ดูเหมือนจะรู้อกรู้ใจเธอดีกว่าใคร
แต่่ทันทีที่ปืนได้รู้จักกับลินิน...ลูกสาวคนสวยของนายจเร เพื่อนนักธุรกิจของเรืองนาม ดูเหมือนว่าทั้งสายตาสายใจของปืนจะจับจ้องแต่ลินินเท่านั้น ก่อให้เกิดความริษยาขึ้นในใจเพรียวอย่างมิดเม้น ทำให้เธอยอมรับน้ำเชื่อมไว้ให้ทำงานด้วย เพื่อใช้หล่อนเป็นหมากในการกีดกันความรักของปืนต่อผู้หญิงคนอื่น
ลินิน เป็นลูกสาวคนเดียวของนายจเร เธอจึงเป็นความหวังทั้งหมดของเขา เขาจะต้องคัดเลือกคู่ครองที่ดีที่เหมาะสมที่สุดให้กับเธอ... ในขณะที่เขาพยายามจะพาลูกสาวเข้าสังคมเพื่อได้พบปะผู้คนในแวดวงไฮโซ ลินินกลับชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เธอมักจะไปช่วยเพื่อนที่ทำงานในมูลนิธิเด็กกำพร้าใกล้บ้าน
เมื่อเธอได้พบกับปืน เธอก็รู้สึกหวั่นไหวไปกับเสน่ห์อันแพรวพราวของเขา จนจเรต้องพยายามกีดกัน เพราะเขารู้สึกว่าปืน'คล่อง'เกินไปสำหรับลูกสาวเขา ยิ่งเมื่อเพรียวบอกกับเขาว่าปืนแอบมีลูกและเมียเก็บซุกซ่อนไว้ เขาจึงขอตัวน้ำเชื่อมกับลูกให้มาอยู่่บ้าน เพื่อให้ลูกสาวได้เห็นความเลวของปืนหนึ่ง, ...และเพื่อความสะใจที่ได้"สั่งสอน"ปืนเสียบ้าง...อีกหนึ่ง ซึ่งก็สมดังความตั้งใจของเพรียว
ลินินเจ็บลึก ๆ อยู่ในใจเมื่อรู้เรื่อง แต่เธอก็มีสติดีพอที่จะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา เธอต้อนรับน้ำเชื่อมกับลูกอย่างดี จนเด็กหญิงปิ้มเริ่มติดเธอ....
ในขณะเดียวกัน ปลายก็กำลังตามหาตัวสองแม่ลูกให้ควั่กด้วยความเป็นห่วงหลานสาว ส่วนปีนก็เอาแต่ก่นด่าน้ำเชื่อม ที่ทำเหมือนจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจจากเขา
แต่ในที่สุด ลินินก็ตัดสินใจบอกปลายเรื่องที่น้ำเชื่อมกับลูกมาอยู่ที่บ้านเธอ ทั้ง ๆ ที่พ่อของเธอไม่เห็นด้วย และไม่อยากให้เธอไปเกี่ยวข้องกับสองพี่น้องนั้น ปลายดีใจมาก เขารับปากที่จะยังไม่บอกปืน แต่ขอโอกาสไปเยี่ยมหลาน... จากจุดนั้นทำให้ปลายมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับลินิน แล้วเขาก็ตกหลุมรักเธอ แม้ว่าพี่ชายเขาจะเคยพูดในเชิงกันเขาไว้แล้ว...
ลินินเองก็สังเกตเห็นความแตกต่างของสองพี่น้อง... เธอรู้สึกสนิทและสบายใจมากกว่าเมื่ออยู่กับปลาย แต่เธอก็ไม่รู้สึกวาบหวิวหวั่นไหวเหมือนตอนที่อยู่ใกล้ปืน
อีกเหตุผลหนึ่งที่ลินินตัดสินใจบอกปลายเรื่องน้ำเชื่อมก็คือท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของพ่อเธอ... มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พ่อกับเธอคิดไม่เหมือนกัน และพ่อไม่เข้าใจเธอ ที่สำคัญ...เธอเริ่มจับสังเกตว่านายจเรแอบมีความสัมพันธ์กับน้ำเชื่อม ลินินคิดถึงการแยกบ้านกับพ่อเพราะสงสารแม่... เธอจึงขอให้ปลายช่วยดูเรื่องบ้านจัดสรรชานเมือง ทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ฝ่ายปืนที่เริ่มมองเห็นท่าทีเมินหมางของลินิน กับการกีดกันอย่างออกนอกหน้าของพ่อของเธอ ก็ทำให้เขาถึงกับตรอมใจ ท่าทางเขาเคร่งเครียด ปลายจึงตัดสินใจบอกเขาเรื่องน้ำเชื่อมกับลูกว่าอาศัยอยู่กับลินิน เมื่อปืนไปหาลูก ลินินก็ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเขา ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับเธออีกครั้ง...
เมื่อปืนได้รู้ว่าปลายเองก็แอบรักลินิน และคอยเทียวมาใกล้ชิดเธออยู่เสมอ เขาก็โกรธมากจนทะเลาะกันใหญ่โต และลำเลิกบุญคุณกับปลาย ทำให้ปลายตัดสินใจออกจากบ้าน แยกไปอยู่ตามลำพัง... เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่า เขายินดีตอบแทนบุญคุณพี่ชายทุกอย่าง แต่ในเรื่องของความรัก...เขาขอยกเว้น...
มาตามลุ้นกันค่ะว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องรักสามเส้าระหว่างพี่น้องสองชาย กับหนึ่งสาวจะลงเอยอย่างไร...
หลังอ่าน... เล่าเรื่องย่อเสียยาวเหยียด แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนจะยังไม่จุใจคนอ่านคนเล่าต่อเลยค่ะ นิยายเรื่องนี้สำหรับตัวเองถือว่าเป็นม้านอกสายตา...ด้วยเห็นมันวางอยู่บนชั้นนานนับสิบปีเห็นจะได้ อาจจะด้วยชื่อเรื่อง ชื่อผู้ประพันธ์(ที่รับประกันความหนักหน่วง), ภาพปก(ที่หลังจากอ่านจบแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าภาพปกมันเกี่ยวกับเนื้อหานิยายยังไงเนี่ย... ต้องขออภัยที่ถ่ายภาพปกได้ห่วยมาก ๆ แหะ ๆ หาในเน็ตไม่มีเลย). ความหนาของหนังสือ...,และ ฯลฯ ที่ทำให้มองข้ามนิยายเรื่องนี้ไปเสียนาน...
พอเห็นแม่เขาก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างเพลิดเพลิน จนเกินเวลาที่ควรจะลุกไปทำกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ ก็เลยคว้ามาอ่านตาม...ได้ผลค่ะ อ่านแล้วติดหนึบจนวาง(แทบ)ไม่ลง ถ้าไม่จบบท... เห็นได้จากเรื่องย่อนั่นละ ถ้าเล่ายาว ๆ แบบนี้แสดงว่าคนอ่านอินและฟินสุด ๆ ประมาณว่าอยากให้คนอื่นได้ร่วมฟินด้วยยังไงยังงั้น
เรื่องราวก็ตามที่เล่าไปแล้ว... เรื่องของโครงเรื่อง การดำเนินเรื่อง ตลอดถึงสำนวนภาษาที่ใช้... สำหรับผลงานของนักเขียนชั้นครูแล้วล่ะก็ มิพักต้องพูดถึงเลยค่ะ... เฉียบและคมสมชื่อนิยายจริง ๆ
ขอหยิบยกตอนที่ชอบ ๆ มาให้อ่านแล้วอินร่วมกันดีกว่าค่ะ ...
เปิดเรื่องมาด้วยความคิดคำนึงของเพรียว...หลังงานเลี้ยงของผู้คนระดับไฮโซ '...แม้ตัวหล่อนซึ่งมักจะมีเปลวเพลิงเรืองระยับในอารมณ์... ก็ยังให้นึกหน่ายขึ้นมาอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ'
ส่วนสามีหล่อน เรืองนามนั่นเล่า...
'หล่อนสังเกตเห็นว่าลึก ๆ แล้ว...เขาเหนื่อย... มิได้เป็นเหล็กเพชรแกร่งกร้าวกระไรนักหนาดอก...ก็มนุษย์นั่นแล้ว ขณะดื่มความสุขความเจริญ ก็จิบความทุกข์ความกังวลไปพร้อมกัน'
และเมื่อเขาพูดถึงปืน...นักหนังสือพิมพ์หนุ่ม...
'คนเรา....มีปากกาในมือเสียอย่างจะพลิกให้มันคว่ำมันหงายก็ได้นี่...วันนี้ว่าดี พรุ่งนี้ว่าชั่วก็ได้...'
เพรียวประทับใจในตัวปืน...หล่อนชอบ 'ผู้ชายเก๋แบบโก๋ๆ'
............
ลินินเพิ่งจบการศึกษากลับมาจากฝรั่งเศส...หล่อนรู้ตัวว่ายังซื่อนัก... พ่อจึงเห็นว่าเบื้องต้นเขาต้องเป็นผู้ควบคุมและฝึกปรือหล่อน...
"พ่ออยากให้ลูก'สู้'กับคนสมัยใหม่ได้...เพราะงั้น พ่อเลยต้องพยายามหาภูมิคุ้มกันให้ลูกไงล่ะ" "ได้แก่ผู้ชายชื่อปืน" "เราเป็นปลอกคอให้กันและกันมานาน เขาอาศัยพ่อ พ่ออาศัยเขา ปากกา...มันบิดได้นี่ลูก คนใช้ปากกาเป็นจะรู้วิธีบิด... ปากกานี่ถ้าบิดเป็น มันลื่นยิ่งกว่าลูกปืนประตูเลื่อนอีกนา รู้ไว้เถอะ"
.............
ตอนที่ปืนกับปลายคุยกันเรื่องของเด็กหญิงปิ้ม...ลูกสาวที่เกิดจากความพลาดพลั้งของปืน... ปลายชวนพี่ชายให้พาลูกสาวไปเที่ยวบ้าง...
"...พี่ไม่ต้องการเป็นเหยื่อให้อีนั่นมันบีบ ถ้าเราแสดงว่ารักเด็ก ต้องการเด็กเท่าไหร่ มันก็สาแก่ใจเท่านั้น" "แล้วพี่จะเอาความรักนั้นไปซ่อนไว้ไหน หรือฝากใครไว้ ... เด็กมันต้องการของสิ่งนี้ด่วนขึ้นมาแล้วนะพี่ ไม่ควรกักไว้อีกแล้ว"
ปืนอึ้ง...แต่ท้ายที่สุดก็ส่ายหน้า
...........
ความคิดคำนึงของปลายตอนที่พาเด็ก ๆ จากมูลนิธิเด็กกำพร้าไปเที่ยวทะเล... '...อาหารกายของมนุษย์ บางทีก็ยังสำคัญน้อยกว่าอาหารใจด้วยซ้ำ เขาคิดแล้วสลดวูบขึ้นมา... ด้วยใจนี้คือธงชัยประจำตัว จำเป็นต้องชักขึ้นสู่ยอดเสา ให้ได้โบกสะบัดอย่างงดงามสง่าในกระแสลม ใจใครก็ตามหากถูกพับเก็บไว้ในลิ้นชัก สาบสางด้วยกลิ่นอับ เพราะไม่เคยได้รับการซักรีดให้สะอาด มิเคยมีการชักขึ้นเชิดชู ธงนั้นย่อมหมดสิ้นซึ่งโชคและชัย'
...........
กับห้วงคำนึงของจิตรา...(แม่ของลินิน) กับภาพเดียวกันที่มองเห็น...
'เห็นเด็ก ๆ แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า แท้จริงแล้ว เธอเหมือนต้นไม้แก่ ๆ ใกล้ถูกตัดโค่นแปรรูปมากกว่า วัฎจักรนี้ไม่มีผู้เลี่ยงได้ เช่นเดียวกับทุกสังขารในโลก แต่ตาดำ ๆ ตรงหน้าเธอนี่สิ...ที่ยังต้องรับปุ๋ย รับการพรวนดินรดน้ำ หากปุ๋ยดี ดินดี น้ำดี เขาก็จะเติบใหญ่ขึ้น เป็นต้นไม้แข็งแรง ประกอบด้วยกิ่งก้าน ดอกใบสวยงาม....'
............
จริง ๆ แล้วยังมีอีกเยอะค่ะ...เพราะนิยายเขาเฉียบคมจนบาดใจ...และเจ็บปวด
ช่วงท้าย ๆ มีบทสะเทือนใจที่ค่อนข้างบีบคั้นอารมณ์ เรียกน้ำตาให้ร่วงเผาะ ๆ ได้เลยทีเดียว อ่านแล้วรู้สึกทั้งโกรธทั้งหดหู่ ทั้งสงสารทั้งสะใจกับผลกรรมที่ตัวละครแต่ละตัวได้รับ...
เป็นนิยายดราม่าครบรสที่คลาสสิคมาก... หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๓๔... แต่เนื้อหาเรื่องราวในเรื่องยังคงร่วมสมัย ไม่ตกยุคตกขอบ หลากหลายเรื่องราวเรายังคงพบเห็นได้ในสังคมปัจจุบัน...
แม้วันเวลาจะล่วงเลยมากว่ายี่สิบปี เทคโนโลยีจะก้าวล้ำนำโลกไปถึงไหน ๆ แต่เรื่องของ"ใจ"มนุษย์...ยังต้องอาศัยการฝึกและฝนให้"คม"อยู่เสมอ เพื่อจะได้แทงทะลุเปือกตมแห่งกิเลสที่ห่อหุ้มจิตใจของตนออกมา
ชวนอ่านอย่างแรงค่ะ!
|
เข้าใจ คุณแม่ไก่เลยค่ะ เวลาอ่านมันอินแล้วอยากเล่าอยากเม้าท์มากๆ เป็นเหมือนกันค่ะ