|
IF...ถ้าหากฉันรัก ผู้เขียน : เมเปิ้ลสีขาว ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(ก.ค. ๒๕๕๘) ๓๖๗ หน้า ราคา ๒๖๕ บาท
โปรยปก :
เมื่อจังหวะชีวิตถุกลิขิตด้วยความรัก เขาและเธอจึงต้องช่วยกันรักษามันเอาไว้ตราบนานเท่านาน... พื้นที่หัวใจอันแหว่งเว้าที่รอเขาเป็นผู้เติมเต็ม เมื่อรื่นฤดีกราฟฟิกดีไซน์เนอร์สาวผู้มีชีวิตสันโดษ สงบสุข อยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังเล็ก และไม่ศรัทธาในความรัก ต้องโคจรมารู้จัก แสงฉาย ชายหนุ่มลึกลับที่ปรากฎตัวขึ้น พร้อมคำอ้างกรรมสิทธิ์ในบ้านที่เธอใช้อาศัย ทั้งยังยื่นเงื่อนไขให้เธอทำตาม หากเธอไม่ยินยอม ก็จงคืนบ้านให้แก่เขา และเก็บข้าวของใส่กระเป๋า แล้วออกจากบ้านหลังนี้ไปโดยทันที!
แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะจัดการปัญหาชีวิตอันปัจจุบันทันด่วนนี้ ก็เหมือนมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะจู่ๆ พีระ บล็อกเกอร์หนุ่มชื่อดังเพื่อนสนิท ก็ดันเข้ามาสารภาพรักเอาเสียดื้อๆ ทั้งที่เขากำลังจะแต่งงาน ซ้ำร้ายเพื่อนชายยังพ่วงท้ายสาวโรคจิตที่หมายเอาชีวิตเธอมาด้วย เพราะคิดว่าเธอคือมารหัวใจ! จากชีวิตที่เคยเรียบง่ายกลับกลายเป็นความยุ่งเหยิง เธอจะทำอย่างไรกับปัญหาหัวใจครั้งสำคัญ
คุยกันหลังอ่านค่ะ... เป็นนิยายรักโรแมนติกที่ให้บรรยากาศหน่วง ๆ อึน ๆ ขณะอ่าน... ด้วยเรื่องราว(ส่วนใหญ่)ถ่ายทอดผ่านอารมณ์และความรู้สึกของนางเอกแบบรื่นฤดี ที่ค่อนข้างแปลกแยกและแตกต่าง...ในบางบริบท อาจจะถึงขั้นเรียกว่าขวางโลกเลยก็ได้
เธอไม่เชื่อ และไม่ศรัทธาในความรัก... (เพราะเธอมีปมคาใจในเรื่องความรักความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่) เธอจ่อมจมอยู่กับตัวเอง กริ่งเกรงความสัมพันธ์ พยายามกันตัวเองออกจากเยื่อใยความผูกพันใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะกับเพื่อนหญิงหรือชาย
อย่างพีระ เพื่อนหนุ่มที่เธอค่อนข้างสนิทที่สุด แถมทำงานร่วมกันอีกต่างหาก (รื่นฤดีเป็นฟรีแลนซ์ที่พีระจ้างให้เขียนบล็อก ดูแลเว็บไซต์ให้) ดูจากบทสนทนาหรือความเป็นมาของความสัมพันธ์ พวกเขาสนิทกันมาก แต่รื่นฤดีก็สร้างกรอบ ก่อกำแพงหนาทึบกั้นกลางระหว่างเธอกับเขาไว้ พวกเขารับส่งงานทางอีเมล พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ เจอกันนับครั้งได้ในแต่ละปี ซึ่งช่วงแรก ๆ พีระก็ดูเหมือนยอมรับความสัมพันธ์เช่นนี้ดีอยู่... เพราะเขาเองก็มีคนรักที่คบหากันมาเนินนานพอควร... ทว่า...ทันทีที่เขาตัดสินใจขอคนรักแต่งงาน... เขาก็เริ่มตระหนักถึงความรู้สึกอันแท้จริงที่หยั่งรากลึกอยู่ในใจ
ปมนี้เป็นปมที่ยากปมหนึ่งของนิยาย...ที่ถ้าคนเขียนมือไม่ถึง พีระจะกลายเป็นผู้ชายโลเลไม่เอาไหนเลยแหละ เพราะกันทิชา คนรักของเขาก็เป็นหญิงสาวแสนสวยแสนดีคนหนึ่ง และเธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขาเลย...
แต่...คนเขียนเค้าก็เอาอยู่ค่ะ กับซีนบอกเลิกคนรักที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่รอมร่อ ไม่รู้สึกเกลียดผู้ชาย ออกจะเห็นใจด้วยซ้ำ
ส่วนพระเอกของเรา แสงฉาย หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่าคิระ... ก็เป็นชายหนุ่มที่มีบุคลิกแปลกแยก แหวกแนวเช่นกัน...(แต่อาจจะน้อยกว่านางเอกนิดนึง) เขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นที่มีแม่เป็นคนไทย...เขาเติบโตที่ญี่ปุ่น แต่กลับเมืองไทยเพื่อดำเนินกิจการของครอบครัวที่นี่ แม่ได้ยกบ้านหลังหนึ่งให้เขา ซึ่งเขาได้พบในเวลาต่อมาว่า ผู้หญิงคนที่ครอบครองบ้านของเขาอยู่ในขณะนี้มีอะไนบางอย่างที่ดึงดูดใจเขาเป็นพิเศษ
ดังนั้น แทนที่จะเรียกคืนบ้านที่ควรจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา เขากลับสร้างเงื่อนไขบางอย่าง(ที่เหมือนจะแปลก ๆ ในความรู้สึกของรื่นฤดี) เพื่อผูกมัดเธอให้ต้องพัวพันอยู่ใกล้ ๆ เขาตลอดไป
นั่นเป็นปมที่เป็นพล็อตหลักของเรื่อง แต่ในนิยายมีพล็อตรองที่...เอาเข้าจริงเรื่องราวกลับน่าสนใจ น่าลุ้นกว่าเรื่องของพระ-นางนี่เสียอีก นั่นคือเรื่องของสาวโรคจิตที่หลงใหลในตัวพีระ จนก่อเรื่องก่อราวมากมายกับผู้หญิงที่พีระให้ความสนใจ โดยเฉพาะรื่นฤดี กับจรรยา...
จรรยาเป็นตัวละครที่ส่วนตัวชอบที่สุดในเรื่องค่ะ เธอเป็นเพื่อนร่วมบ้านของรื่นฤดี เธอเป็นคนจริงใจ เปิดเผย ตรงไปตรงมาและ...ใสมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับรื่นฤดีแทบทุกอย่าง แต่พวกเขาก็อยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว แถมจรรยายังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ปมยุ่ง ๆ ในเรื่องคลี่คลายไปในทางทีดี
หลังจากอ่านผลงานของนามปากกานี้ไปเรื่องหนึ่ง ก่อนหน้านี้(รู้บ้างไหมว่าหัวใจมีรัก) ก็ออกจะรู้สึกคุ้นเคยกับวิธีเล่าเรื่องกับสำนวนภาษาของเธอแล้ว ประมาณหนึ่ง ซึ่งจะว่าไปถือว่าเป็นแนวที่ชอบนะคะ ชอบการเล่าเรื่องผ่านกระแสความรู้สึกนึกคิดของตัวละครแบบนี้ แม้จะออกแนวบ่นพร่ำรำพึงรำพัน งึมงำๆ อยู่คนเดียวบ้าง บางช่วงบางตอนก็ดูเหมือนจะตอกย้ำซ้ำซากไปสักนิดก็ตามทีเถอะ
สรุปสั้น ๆ เลยแล้วกันว่าอ่านแล้วค่อนข้างชอบแหละค่ะ มีแง่มุมของความรักความสัมพันธ์ที่ร่วมสมัย อ่านแล้วเข้าใจได้ในเหตุและผล และที่มาที่ไปในพฤติกรรมของตัวละคร แม้จะไม่ถึงกับสนุกมากจนวางไม่ลง ไม่มีบทรักหวานไหวให้เคลิบเคลิ้ม แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดเล็ก ๆ ชวนให้ตามติด
ปอลอ. น่าเสียดายที่ในเรื่องมีคำผิดค่อนข้างเยอะ ทั้งในส่วนของการสะกดคำ และการเรียบเรียงประโยค...
เช่น...
คำว่า...พีระฉีกยิ้มกว้าง...ในนิยายพิมพ์เป็น พีระฉีกยิ้มกว่า...(หน้า ๔๐) คำว่าชุดส่าหรี พิมพ์เป็นชุดสาหรี่ (หน้า ๗๐) คำว่าชั่วอึดใจ พิมพ์เป็น เชื่ออึดใจ (หน้า ๗๐) คำว่า หนังอาร์ต พิมพ์เป็น หน้าอาร์ต(หน้า ๑๕๑) คำว่า ซักรีด พิมพ์เป็น สักรีด (หน้า ๒๑๒) ฯลฯ
ในส่วนของสำนวนภาษาที่อ่านแล้วสะดุด ๆ ก็เช่น... หน้า ๓๕ ...แน่นอนว่าเขาไม่ได้อ่านภาษาญี่ปุ่นออกหรอก แต่ที่เขาอ่านมันตัวอักษรภาษาอังกฤษเล็ก ๆ ข้างใต้ต่างหาก... พิมพ์ตกหรือเปล่า...มันน่าจะเป็น... ...แน่นอนว่าเขาไม่ได้อ่านภาษาญี่ปุ่นออกหรอก แต่ที่เขาอ่านมันคือตัวอักษรภาษาอังกฤษเล็ก ๆ ข้างใต้ต่างหาก...
หน้า ๔๒ อาการนี้บทเรียนแรก ๆ ที่ทำให้หญิงสาว...น่าจะเป็น... อาการนี้เป็นบทเรียนแรก ๆ ที่ทำให้หญิงสาว...
หน้า ๖๕ ฉากพีระขอกันทิชา แฟนสาวแต่งงาน...
(กันทิชา)เดินตรงเข้ามาหอมแก้มพีระฟอดใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังทิ้งตัวนั่งลงบนตัก พิงศีรษะลงบนอกกว้าง
อ่านแล้วมันสะดุดในแง่...เรามโนไม่ออกอ่ะว่า... ต่อให้เราตัวเล็กขนาดไหน แต่ถ้าไปนั่งตักใครสักคนหนึ่งแล้วสามารถพิงศีรษะไว้กับอกเขาได้ แสดงว่าคนคนนั้นต้องตัวใหญ่มาก ๆ แล้วล่ะค่ะ...หรือไม่ก็ เราต้องประมาณเด็กหญิงสัก ๘-๑๐ ขวบนั่งตักพ่อ...ประมาณนั้น
ฯลฯ
ก็เป็นจุดเล็กจุดน้อยที่อาจจะพลาดกันได้ ติงเตือนกันไว้ตรงนี้เผื่อการแก้ไขปรับปรุงนะคะ
โดยรวมแล้วชอบ...ประมาณหนึ่งค่ะ เลยหยิบมาบอกเล่า ชวนอ่านกันในวันนี้
|