'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

~ นิยายซีรีส์ "อัญมณีเหนือกาล" : เรื่องที่ ๒. "ม่านทิวาพชร" โดย "บุลินทร" ~





ม่านทิวาพชร
ผู้เขียน : บุลินทร
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ ม.ค. ๕๗
๓๕๕ หน้า ราคา ๒๗๕ บาท

คำโปรย


กำไลเพชรต้องคำสาปชักพาเธอไปพบชายแปลกหน้า ณ ดินแดนอันแสนไกล...
ยิ่งใกล้ชิดเขาเท่าไหร่ ปริศนาในหัวใจยิ่งเพิ่มขึ้นทุกที






ความเป็นมาโดยย่อ...


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากซีรีส์มนตราอัญมณี ตอน "ม่านธาราเร้นดาว"
ซึ่งในชุดก่อนมาเป็นลำดับสุดท้าย เพราะเป็นเรื่องราวของน้องสาวคนเล็กสุดในบรรดาพี่น้องสามสาว
โดยที่อัญมณีในเรื่องนั้นเป็นอะความารีน...หรือพลอยทะเล
จะเป็นด้วยเหตุนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้สินะ
จำได้ว่า...ตอนที่อ่านเรื่องนั้นออกอาการ...เวิ่นเว้อ...วึ่นวือชอบก๊ล เพราะผู้เขียนเล่นพาออกทะเลตลอด ๆ
นางเอกก็วุ่นวาย เรื่องมาก...บลา บลา บลา...

มาถึงชุดนี้ ขอสารภาพเลยว่า ลังเลนิด ๆ ก่อนจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านต่อจากเล่มแรก
(เพราะยังจำอารมณ์ตอนที่อ่านม่านธาราฯได้ดีอยู่ แหะ ๆ )
ร่ำ ๆ จะข้ามช็อตไปหยิบเล่มสามมาอ่านก่อนเสียแล้ว ...
แต่จากหน้าคำนำสำนักพิมพ์ เขายืนยันว่าเราควรอ่านตามลำดับ
เพื่อจะได้เข้าใจลึกซึ้งถึงความเป็นมาของตัวละครในภาพรวม
ส่วนตัวเป็นนักอ่านที่...ว่าง่ายค่ะ ค่อนข้างจะเชื่อฟังบ.ก.อะ
ก็เลย...เอาเหอะ หยิบมาอ่านแบบคาดหวังนิด ๆ ... (ในความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของผู้เขียน)


...................

เรื่องนี้เป็นเรื่องของชลันธร นักเขียนสาวไฟแรง น้องของชลธิศ(พระเอกจาก"ม่านธาราเร้นดาว")

เธอได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับประเทศภูทิวา ซึ่งบอกเล่าถึงกำไลเพชรที่หายสาบสูญไปพร้อมกับธศิยา
ลูกสาวผู้ว่าการเขตเขตหนึ่งในประเทศนั้น ซึ่งจุดประกายให้เธออยากรู้เรื่องให้มากขึ้น
แต่ข้อมูลที่เธอค้นได้ก็มีเพียงน้อยนิด

แต่แล้ววันดีคืนดีเธอก็ได้พบร้าน"กาลเวลา"ร้านขายอัญมณีของ"มิตร"
และได้ซื้อกำไลเพชรมาจากร้านนั้นด้วยราคาที่ถูกแสนถูก...
ซึงกำไลวงนั้นกลายเป็นสื่อให้เธอได้เข้าไปรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอีกมิติหนึ่ง

เบื้องต้นเป็นการรับรู้ผ่านความฝัน...เธอฝันเป็นเรื่องเป็นราวถึงผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง - ธศิยา
ในความฝันเธอรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันชัดเจนราวกับว่าเธอได้ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเอง
ซึ่งนั่นก็ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับประเทศภูทิว่า
และชะตากรรมของหญิงสาวที่ชื่อธศิยาขึ้นในใจของชลันธร

และแล้ววันหนึ่ง เธอก็ถูกพลังอำนาจลึกลับบางอย่างดึงดูดให้หลุดเข้าไปในโลกต่างมิติ...ประเทศภูทิวา
เธอได้พบกับจิณลี ชายหนุ่มผู้อบอุ่น อ่อนโยน ที่คอยช่วยเหลือเธออยู่เสมอ
เพราะเธอทำกำไลเพชรที่เป็นประหนึ่งสื่อกลางระหว่างโลกทั้งสองของเธอสูญหายไป

ระหว่างหาทางกลับบ้าน ชลันธรได้ไปพักอยู่ที่บ้านชายหนุ่มชั่วคราว
แล้วความใกล้ชิดก็ทำให้สายใยความรักเริ่มถักทอขึ้นทีละน้อย
นอกจากนั้นหญิงสาวยังได้รับรู้เรื่องราวของธศิญาผ่านความฝันมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วจู่ๆ ชลันธรก็ได้กำไลหงส์ทิวากลับคืนมาอีกครั้ง
แล้วเธอก็ได้เรียนรู้ว่าการที่เธอต้องหลุดเข้ามาสู่มิตินี้
เป็นเพราะเธอถูกกำหนดให้เป็นผู้มาปลดปล่อยธศิยาให้เป็นอิสระจากคำสาปนั่นเอง

แต่ภารกิจนี้มันไม่ได้ง่ายดายเลย เธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคและอันตรายนานัปการ
จากผู้ที่จองจำดวงวิญญาณของธศิยาด้วยมนตราลึกลับอันทรงพลัง...
โดยมีจิณลีคอยช่วยเหลืออยู่เคียงข้างตลอดเวลา






หลังอ่าน...
รู้สึกว่าเหมือนจะคิดผิดสักเล็กน้อยทีเลือกอ่านเรื่องนี้ทันทีหลังจากอ่านเรื่องแรก(โมรารัตติกาล)จบลง
เพราะอารมณ์มันพลิกกลับสลับขั้วจนตัวเองปรับตัวแทบไม่ทัน...

หากจะเปรียบกับการไปเที่ยวสวนสนุก...
ขณะที่อ่าน"โมรารัตติกาล"เราจะรู้สึกเหมือนกับกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกาอยู่ยังไงยังงั้น
ต้องร้องอู้ววว...ร้องโอ้ววว...ตลอดเวลา บางครั้งบางตอนถึงขั้นกรี๊ดกร๊าดด้วยความตื่นเต้นหวาดเสียว
เมื่ออ่านจบลง(ลงจากรถไฟเหาะ) ในใจยังคงเต้นตึกตักๆ ระทึกคึกคักอยู่เป็นนานสองนาน

แต่พอมาเริ่มต้นอ่านเรื่องนี้...เรื่องราวมันอ่อนเอื่อย เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ
เหมือนขึ้นนั่งม้าหมุนที่ไร้ร้างผู้คน แล้วม้าหมุนก็หมุนช้ามากกกก...
โยกเยก โยกเยก...น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ...อือม์ สบายจัง แต่...ง่วงนอนชมัด
มันคนละเรื่อง คนละโทนจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นซีรีส์ชุดเดียวกัน

ในโมรารัตติกาล ผู้เขียนกำหนด"กาล"ไว้ว่าเป็น"รัตติกาล" ซึ่งเปรียบเป็นห้วงเวลาในอดีต...
เรื่องนั้นผู้เขียนก็เลยพาเราย้อนอดีตไปถึงร้อยปีแน่ะ

พอมาถึงเรื่องนี้ ชื่อเรื่องก็บ่งบอกว่า...ม่านทิวา...กาละของเรื่องนี้จึงเป็นเวลากลางวันอันเปรียบเป็นปัจจุบัน
ผู้เขียนเขาก็กิ๊บเก๋ค่ะ ถ้าจะพารานอร์มอลในยุคปัจจุบันก็เล่นเรื่องต่างมิติเสียเลย...
โดยการสร้างเป็นเมืองสมมติในโลกคู่ขนานขึ้น แล้วก็ใช้เป็นฉากของเรื่องเกือบจะทั้งหมด
ส่วนนี้ต้องขอชมแนวคิดค่ะ...


แต่...พล็อตออกจะซ้ำ ๆ ช้ำ ๆ ไปหน่อยไหมอ่า...
แม้จะมีความซับซ้อนอยู่บ้าง แต่ก็เป็นความซับซ้อนที่คุ้นเคย...
บอกตามตรงว่าขณะที่อ่าน มีหลายมุกหลายมุมมันรีมายนด์
(ขอโทษค่ะ มันนึกคำไทยเหมาะ ๆมาแทนไม่ได้จริง ๆ)เราให้นึกถึงนิยายมั่ง
หนัง - ซีรีส์มั่งเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา...
ถึงได้บอกว่ามันคุ้นเคย แหะ ๆ
(ยกต.ย.หน่อยแล้วกัน เช่น มุกดอกไม้กินคน...
มุกกักขังวิญญาณ...มุกสมุนไพรลบความทรงจำ...ฯลฯ และสุดท้าย...
ยังแถมมุกนิยายซ้อนนิยายเข้ามาอีก!)

บางจุดบางปมยังค่อนข้างจะหลวม ๆ ลอย ๆ เสียด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะช่วงแรก ๆ
คือ...ถึงจะได้ขื่อว่าเป็นนิยายแนวพารานอร์มอล แต่มันก็น่าจะอยู่บนพื้นฐานที่สมจริงและสมเหตุสมผลอยู่บ้างสิน่า

มีการดำเนินเรื่องโดยใช้พล็อตสองพล็อตคู่ขนานกัน แล้วก็พยายามที่จะหาจุดเชื่อมโยงให้มันลงตัว
แต่กว่าที่มันจะลงตัวได้มันอ้อมค้อม วกวนเวียนนานไปหน่อย
กว่าจะถึงบทเฉลยก็ปาเข้าไปกว่าครึ่งค่อนเรื่อง
แต่พอเฉลยเสร็จ เรื่องราวก็รวดเร็วขึ้นอย่างปุบปับ
ราวกับมีคนมาเขย่า ๆ ๆ ม้าหมุนแล้วก็เร่งเครื่องให้มันหมุนเร็วจี๋ จนเราออกอาการเวียนหัวแน่ะ





แต่ต้องยอมรับค่ะว่าจาก"ม่านธาราเร้นดาว" มาถึงเล่มนี้ "ม่านทิวาพชร"
ผู้เขียนมีพัฒนาการขึ้นมากในเรื่องของสำนวนภาษากับการสร้างสรรค์ตัวละคร

ในเล่มก่อน เราเคยรำคาญบุคลิกง๊องแง๊ง ๆ ของนางเอก(มาริณ)
แล้วก็สงสัยว่า ผู้หญิงแบบนี้ พระเอกรักเข้าไปลงได้ยังไง

มาถึงเล่มนี้ นางเอกอย่างชลันธรดูจะมีวุฒิภาวะขึ้นมาก ไม่งี่เง่าง๊องแง๊ง
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังห่างไกลกับคำว่าโดดเด่นหรือมีเสน่ห์
จน...ก็ยังสงสัยต่อไปว่าทำไมพระเอกรักเธอได้ง่ายดายจัง
พอเกิดความสงสัยตรงนี้มันก็เลยไม่ค่อยอินกับความรักของคู่พระ-นางคู่นี้สักเท่าไหร่
(และยิ่งไม่อินไปกันใหญ่กับเลิฟซีนที่มาแบบทื่อ ๆ ลุ่น ๆ
เหมือนใส่เข้ามาตามกระแส ตามขนบนิยายรักเท่านัน)

กลับไปอินและฟินกับคู่รองอย่างคุณธศิยากับองครักษ์หนุ่มในโลกต่างมิตินู่นมากกว่า
ที่...ทำไปทำมา มันอดคิดไม่ได้ว่า หรือคู่นั้นต่างหากที่เป็นพระเอก-นางเอกตัวจริงของเรื่อง...หุหุ

บ่นมายืดยาว สรุปเลยละกันว่า ก็อ่านได้เพลิน ๆ สบาย ๆ อยู่ค่ะ
โดยเฉพาะหากอ่านเดี่ยว ๆ เพียว ๆ ไม่เอาไปเปรียบเทียบกับเรื่องอื่นในชุดเดียวกัน
นิยายเรื่องนี้ก็เป็นพารานอร์มอลที่น่าอ่านเล่มหนึ่งทีเดียว...
ที่บ่น ๆ ไป ผู้เขียน(หากจะมีโอกาสผ่านมาอ่าน)ก็อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ
การอ่านนิยายมันเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวล้วน ๆ ค่ะ
แบบลางเนื้อชอบลางยาไงคะ นักอ่านคนนี้อาจจะยังไม่ฟิน แต่คนอ่านคนอื่นอาจจะชื่นชอบก็ได้ค่ะ
สู้ต่อไป ทาเคชิ!








 

Create Date : 02 กันยายน 2557    
Last Update : 2 กันยายน 2557 15:58:30 น.
Counter : 3029 Pageviews.  

~ นิยายซีรีส์ "อัญมณีเหนือกาล" : เรื่องที่ ๑. "โมรารัตติกาล" โดย "อสิตา" ~





โมรารัตติกาล /ม่านทิวาพชร/ มรกตสนธยา
โดย : อสิตา /บุลินทร/ริญจน์ธร

จากสนพ.:


รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่ง อัญมณีเหนือกาล จะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า









ซีรีส์ชุดนี้เป็นนิยายชุดที่ต่อเนื่องจากชุด"มนตราอัญมณี" ที่อ่านไปเมื่อปีกลาย
จำได้ว่าจากชุดนั้น ชอบและฟินในบางเรื่อง แต่บางเรื่องยังรู้สึกเฝือ ๆ อยู่
พอได้ชุดนี้มาก็เลยดองไว้ระยะหนึ่ง
เห็นเพื่อนบล็อกเค้าอ่านแล้วรีวิวกันไปหลายต่อหลายบล็อก...
ส่วนตัวก็ยังไม่กล้าอ่านรีวิวละเอียดนัก เพราะเกรงว่าจะอิ่มเสียก่อนจะมีโอกาสอ่าน...
กอปรกับช่วงนั้นภารกิจชีวิตออกจะยุ่งเหยิงสับสนอยู่พอประมาณ

ถึงตอนนี้แม้จะยังไม่คลี่คลายเต็มร้อย แต่ก็ต้องรีบอ่านก่อน
เพราะถึงเวลาต้องส่งต่อหนังสือแล้ว มีคนรอคิวอ่านอีกหลายคน....

เล่มแรก...





โมรารัตติกาล
ผู้เขียน :อสิตา
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ ม.ค. ๕๗
๔๓๓ หน้า ราคา ๒๙๕ บาท



คำโปรย


เขาใช้ 'เธอ' ผู้ซึ่งครอบครองสร้อยเส้นนั้น...
เป็นเครื่องมือบงการให้อดีตย้อนคืน
เพื่อหวนกลับไปเป็นผู้ชนะ โดยหารู้ไม่ว่า'หัวใจ' ของเชา
จะถูกจองจำไว้กับเธอผู้นั้น ตลอดกาล



ความเป็นมาโดยย่อ...

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวต่อจาก"มายาไฟในดวงตา"
ที่เราเคยอึ้งและทึ่งกับจินตนาการอันแสนจะบรรเจิดของคนเขียนมาแล้ว

มาถึงเล่มนี้...อ่านจบแล้วพบว่ามันยิ่งมหัศจรรย์พันลึกกว่าเล่มแรกหลายเท่าตัวนัก!
"อสิตา"ไม่ทำให้คนอ่านผิดหวังอีกเช่นเคย

ในภาคนี้เป็นเรื่องราวของ 'ชามัล' ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์(แต่ร้ายกาจ)จาก'มายาไฟในดวงตา'
คู่ปรับตลอดกาลของอัคนิวรา พระเอกของเรื่องนั้น
แม้ว่าทั้งคู่จะมีเชื้อสายมาจากตระกูลเดียวกัน คือเป็นสายเลือด "เมห์ฮรา" เหมือนกัน
ครั้งนั้น...พวกเขาต่างแย่งชิงพลอยตาเสือที่นางเอกของเรื่องนั้นครอบครองอยู่
และแน่ล่ะ ในเมื่อเขาไม่ใช่พระเอกในเรื่อง ก็แปลว่าเขาพ่ายแพ้...อย่างย่อยยับทีเดียว
ทำให้เขาต้องกลายเป็นสัมภเวสีไร้ร่างอยู่นานนับสิบปี
สั่งสมความแค้นไว้รอวันหวนคืนสู่อดีตเพื่อ"สร้าง" ร่างขึ้นมาใหม่...
และทั้งนี้ การที่เขาจะเดินทางกลับสู่อดีตได้ต้องอาศัยมนตราแห่งอัญมณีชนิดหนึ่ง
ที่เชื่อว่าสามารถพาคนหวนคืนอดีตได้...
อัญมณีที่มีชื่อว่า "โมรารัตติกาล"

แต่ลำพังเขาผู้เดียว ไม่สามารถใช้อัญมณีนั้นได้ เขาต้องอาศัยเด็กหญิงตัวน้อย
ผู้ครอบครองโมรารัตติกาลนั้นเป็นผู้นำพาเขาไป...
เธอ...'สิตารา' เด็กหญิงผู้ถูกเลือกให้เป็น'ราศีที่สิบสาม'แห่งรัตติดารา...
ดินแดนในตำนานแห่งจักรราศี ที่ทั้ง ๑๒ ราศีต่างยินยอมพร้อมใจให้ราศีที่ ๑๓ ครองอำนาจสูงสุด!!







หลังอ่าน...
อ่านจบแล้วต้องบอกเลยว่าขอคารวะผู้เขียน ๓ จอก กับผลงานอันอลังการชิ้นนี้
ไม่ว่าจะพล็อต ฉาก ตัวละคร ลีลาการเล่าเรื่อง ตลอดถึงสำนวนภาษาที่ใช้...

พล็อตย้อนอดีตไม่ใช่ของใหม่สำหรับคอนิยายพารานอร์มอลทั้งหลาย
แต่การย้อนอดีตให้ลื่นไหล แนบเนียนสมเหตุสมผล เป็นการบ้านที่คนเขียนต้องใส่ใจในรายละเอียดเป็นพิเศษ
งานนี้คนเขียนเอาอยู่ค่ะ ไม่เห็นจุดสะดุดหรือรอยรั่วเลย

หรือพล็อตรักต่างวัยที่พระเอกร้ายแกมโหด ในใจมีแต่ความมืดดำ มุ่งแต่จะชำระแค้นที่เก็บกด สั่งสมไว้ยาวนาน
โดยใช้นางเอกเป็นประหนึ่งเครื่องมือในการก้าวขึ้นสู่อำนาจ กับนางเอกที่เด็กเหลือเกิน ซื่อใส บริสุทธิ์...
(แต่ก็เฉลียวฉลาด ออร่ากระจาย,...)
คอนิยายดราม่าทั้งหลายก็อาจจะไม่รู้สึกว่าแปลกหรือแตกต่างแต่อย่างใด...
แต่ความท้าทายของคนเขียนอยู่ที่ทำอย่างไรที่จะทำให้คนอ่านเชื่อได้ว่า
นางเอกจะสามารถรักพระเอกออกแนวดาร์ก ๆ แบบนี้เข้าไปได้ยังไง
หรือพระเอกที่ผ่านโลกผ่านชีวิตมายาวนาน จะมาหลงรักเด็กสาวใส ๆ เข้า
จนถึงกับยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา เพื่อจะได้ครองคู่อยู่กับเธอไปตราบนานนิรันดร์...

เธอสามารถค่ะ คนอ่านคนนี้อ่านแล้วอิน ปลื้ม ดึ่มด่ำ ดำดิ่งไปกับความรักของทั้งคู่
มีซีนหึงหวงให้ได้จิ้น มีฉากง้องอน กระเง้ากระงอดให้ได้อมยิ้ม...
ที่สำคัญ มีเลิฟซีนหวามไหวให้ได้ฟินอีกต่างหาก





นอกจากพล็อตหลัก ๆ นี้แล้ว พล็อตย่อย ๆ ที่เข้ามาเสริมทัพสร้างสีสันให้กับนิยาย
สอดร้อยไปด้วยกันได้อย่างเหมาะเจาะ

ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องราวของเจ้าแห่งดินแดนต่าง ๆ ที่ใช้ดวงดาวแห่งจักรราศีทั้ง ๑๒ เป็นสัญลักษณ์
แต่ละดินแดน แต่ละดวงดาวล้วนมีเรื่องราว มีคติตำนานของตนเอง...
มีการแก่งแย่งแข่งขัน ชิงอำนาจและความเป็นใหญ่ ทั้งในกลุ่มเดียวกันและกับดินแดนอื่น ๆ

ตัวละครแต่ละตัวที่มาจากดวงดาวและดินแดนต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะมีบุคลิกลักษณะที่บ่งบอกความหมายและที่มาของตัวเองอย่างชัดเจน และสอดคล้องกับความคิดความเชื่อพื้นฐานของคนอ่านที่อาจจะเคยเรียนรู้เกี่ยวกับราศีต่าง ๆ ทั้ง ๑๒ ราศีมาแล้ว ทำให้อ่านได้อินและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

อย่างสิงหรานี หญิงสาวที่มาจากราศีสิงห์
ผู้ตั้งตนเป็นจ้าวแห่งราศีสิงห์หลังการสิ้นชีวิตของบิดา ด้วยมีพี่ชายที่ไม่เอาไหน
(รายนี้มีบทบาทโดดเด่นเป็นพิเศษเพราะต้องมาพัวพันกับหนุ่มน้อยที่หลุดเข้าไปในอดีตพร้อม ๆ กับชามัล
หลังจากถูกทำร้ายแสนสาหัส ซึ่งหนุ่มน้อยนั่นก็ไม่ใช่อื่นไกลเลย เขาคือ"มัชฌิม์ "
เสือหนุ่มทายาทของอัคนิวรากับมัชฌิตานั่นเอง...
คิดกันเอาเองก็แล้วกัน เสือหนุ่มกับสิงห์สาว ต้องรอนแรมอยู่ด้วยกันในป่า จะฟัดกันนัวเนียขนาดไหน...55)

ไหนจะมี วาเลนติโน่...จากราศีกุมภ์, พชรมุนิน...ผู้ครองราศีเมษ,
นิลละกับวรรณะ ฝาแฝดนิสัยต่างขั้วจากราศีคนคู่ เมถุน,
กันยา...สาวทรงเสน่ห์จากราศีกันย์,
ตุลาการรดิศ...ผู้ไร้ความเที่ยงธรรมจากราศีตุลย์ ฯลฯ

ซึ่งหากจะเปรียบไป นั่นก็คือเรื่องราวของโลกมนุษย์เราดี ๆ นี่เอง
ทุกแวดวงสังคม จากอดีตโบราณกาลมาจนถึงปัจจุบัน ผู้คนยังคงมีรัก โลภ โกรธ หลง มีดีมีเลวปะปนกัน...

ผู้เขียนสามารถถ่ายทอด"สาร"นี้ผ่านจินตนาการ
ผ่านตัวละครแต่ละตัวของเธอได้อย่างสุดยอด...
จนแทบจะเรียกได้ว่า เหนือคำบรรยายจริง ๆ

ตอนนี้รออ่านเรื่องราวของสาวน้อยอัคนีมายาอยู่นะคะคุณผู้เขียนขา...


ปอลอ.หลายคนที่เคยอ่านแล้วอาจจะสงสัยว่าทำไมแม่ไก่ไม่พูดถึง"มิตร"มั่งเลย
ทั้ง ๆ ที่เป็นตัวละครที่สำคัญที่สุด ขอบอกว่าไม่ได้ลืมค่ะ
แต่ขออนุญาตไว้รวบยอดคุยถึงเค้าในเล่มสุดท้ายเลยละกัน
เพราะคนคนนี้เค้า"สำคัญ"ทั้งสามเรื่องเลยนิ













 

Create Date : 29 สิงหาคม 2557    
Last Update : 29 สิงหาคม 2557 21:16:03 น.
Counter : 4410 Pageviews.  

~ นาฏนฤมิต : ดราม่าย้อนยุคชวนหลอน...โดย "มุตตา" ~





นาฏนฤมิต
ผู้เขียน : มุตตา
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(พ.ค.๕๗)
๔๗๙ หน้า ราคา ๓๔๕ หน้า


เรื่องย่อ ๆ จากปกหลัง :

เมื่อความรักแปรเปลี่ยนเป็นความริษยา
เธอจึงเลือกเส้นทางลัดที่จะนำไปสู่ความสมหวัง


ความหวังอันแสนยาวนานของ 'มัญชริน' ผู้แสนดีและเพียบพร้อมต้องพังครืนลง
เมื่อ 'วรวิช' ชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรักมาตั้งแต่เด็ก
ประกาศคบหากับเพื่อนสนิทของเธอ
มัญชรินก็ได้แต่สะกดความเศร้าและผิดหวังนั้นไว้ในใจเพียงลำพัง
กระทั้งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้หลังลาหัก
มัญชรินจึงหนีไปอยู่บ้าน 'คุณทวดมณี' ญาติผู้ใหญ่ที่เธอเพิ่งรู้จัก
เพื่อหลีกหนีความเจ็บช้ำน้ำใจจากมารดาและคนที่เธอแอบรัก
และที่นั่นเองเธอก็ได้พบกับวิญญาณของ 'คุณเทียดวาสน์'
ซึ่งปรากฏกายและเล่าเรื่องราวอันขมขื่นในชีวิตให้ฟัง
พร้อมทั้งยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอให้สมหวังในความรัก
ด้วยกฤติยามนตร์โบราณชนิดหนึ่ง

หลังจากต้องพานพบกับความผิดหวังเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มัญชรินก็บอกกับตัวเองว่า หมดเวลาของการเป็นคนดี
ที่งอมืองอเท้าให้คนทำร้ายจิตใจซ้ำๆ ซากๆ แล้ว...

หากเธอจะหลุดพ้นจากห้วงรักอันแสนเจ็บปวดนี้
ก็มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น หนทาง...แห่งนาฏนฤมิต!






เล่าเรื่องย่อเพิ่มเติมจากข้างบนอีกนิด ๆ (โดยจะพยายามไม่สปอยล์)ค่ะ...

มุกหรือมัญชรินเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่ชื่นชอบในเรื่องราวของนาฏศิลป์ไทยเป็นชีวิตจิตใจ
เมื่อเรียนจบเธอจึงร่วมกับเพื่อน ๆ ตั้งโรงเรียนนาฏศิลป์เล็ก ๆ ขึ้น
และหนึ่งในเพื่อนสนิทนั้นก็คือเข็มหรือกรกมล ผู้ครอบครองหัวใจของ 'วรวิช'
ทำให้เธอต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็นความรักของคนทั้งคู่ตลอดเวลา
แถมยังถูกซ้ำเติมจากมารดาตัวเองอีกว่า...
เธอไม่มีเสน่ห์พอที่จะดึงรั้งวรวิชไว้ได้ ทั้ง ๆ ทีผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างสนับสนุน

เมื่อหนีแรงกดดันจากมารดาไปพักที่บ้านคุณทวดมณีนั้น...
นอกจากวิญญาณของ'คุณเทียดวาสน์'แล้ว
มุกก็ได้รู้จักกับสีหราช จิตแพทย์หนุ่มใหญ่ ผู้รู้สึกจับตาจับใจในตัวเธอตั้งแต่แรกพบ
ด้วยแรงสนับสนุนจากคุณทวดมณีและความเข้าอกเข้าใจอันอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
สีหราชก็ค่อย ๆ กลายมาเป็นกำลังใจสำคัญของมุก ในความพยายามที่จะตัดใจจากวรวิชให้สำเร็จ
แม้จะถูกยั่วยุโดยข้อเสนอจากคุณเทียดของเธอก็ตาม...

แต่ถึงกระนั้น อำนาจแห่งกฤติยามนตร์โบราณที่เรียกว่า'นาฏนฤมิต'
ก็ไม่วายแสดงอิทธิฤทธิ์จนเธอต้องสูญเสียเพื่อนสนิทคนหนึ่งไปอย่างไม่มีวันกลับคืน!







หลังอ่าน...
เป็นดราม่าย้อนยุคที่เข้มข้น อ่านสนุกอีกเล่มหนึ่ง ที่หยิบมาอ่านแบบไม่ได้คาดหวังอะไรนัก
ด้วยเป็นนักเขียนนามไม่คุ้น แต่พออ่านไปเรื่อย ๆ กลับรู้สึกว่าเป็นการลองของใหม่ที่ให้ผลเกินคาดทีเดียว
เพราะทั้งพล็อต ทั้งการสร้างสรรค์ตัวละคร ตลอดถึงการดำเนินเรื่องและการใช้สำนวนภาษา...
เรียกได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่านักเขียนรุ่นเก่า ๆ เก๋า ๆ ที่เขียนเรื่องในแนว ๆ นี้สักเท่าไหร่เลย

พล็อตไม่ได้แปลกแตกต่างอะไรมาก หากก็ไม่ได้ดาดดื่นจนรู้สึกซ้ำ
เป็นเรื่องราวของความรักที่ไม่สมหวัง อันมีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ
ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านล่วงเลยมานานแค่ไหน เรื่องเศร้าของความรักก็ยังคงอยู่คู่กับมนุษย์โลกเสมอมา

ตัวละคร...อาจจะดูเยอะไปหน่อย พานให้สับสน ซ้ำมีการย้อนยุคย้อนสมัยไปหลายชั่วคนอีกต่างหาก
ด้วยนางเอกเป็นลูกหลานตระกูลเก่าแก่ที่สืบสาแหรกตระกูลไปได้ถึงยุคต้น ๆ กรุงรัตนโกสินทร์นู่นทีเดียว
ตรงนี้เข้าใจว่าผู้เขียนต้องการจะปูพืนหลังให้เห็นถึงปูมหลังของนางเอก
รวมทั้งที่มาของพิธีกรรมอันเป็นที่มาของชื่อเรื่อง ซึ่งก็ช่วยเสริมให้ดูขรึมขลังและดึงดูดความสนใจได้ดี

จะเสียดายนิด ๆ ก็แต่...ความที่เปิดตัวละครพร้อม ๆ กันทีเดียวหลายตัวนัก
เลยออกจะทำให้รู้สึกงง ๆ ปนสับสนเล็กน้อย อย่างที่บอกตอนต้น
แล้วก็มีตัวประกอบหลายตัวที่เหมือนจะน่าสนใจ(เช่นกลุ่มสาว ๆ พี่น้องของกรกมล)
แต่ความรู้สึกมันบอกว่า...ตัวละครกลุ่มนี้ไม่ต้องมีก็ได้
เพราะแทบจะไม่มีบทบาท(สำคัญ & จำเป็น)สักเท่าไหร่เลยในเรื่อง
หรือไม่ก็สามารถแยกไปแต่งเป็นนิยายได้อีกเรื่องหนึ่งเลย
แอบเสียดายบุคลิกลักษณะเด่นบางประการของตัวละครกลุ่มนี้ที่คนเขียนเขาอุตส่าห์แต่งแต้มได้ค่อนข้างน่าสนใจเชียว

ที่ชื่นชอบก็คือตัวละครเด่น ๆ อย่างตัวนางเอก นางรองดูมีมิติดี มีรัก โลภ โกรธ หลงเช่นมนุษย์มนาทั่วไป
มีหลงผิดทำพลาดได้ และเมื่อรู้ตัวว่าผิดก็พยายามแก้ไข...

พระเอกเรื่องนี้เป็นพระเอ๊ก-พระเอกค่ะ อบอุ่น อ่อนโยนและรักนางเอกมาก...
จนตอนแรก ๆ แอบขัดใจนางเอกว่า ไปหลงงมงายอยู่กับ"รักแรก"อย่างพี่ชายนอกไส้แบบวรวิชอยู่ได้
ไอ้เราคนอ่านอ่าน ๆ ไปออกจะอิจฉานางที่มีชายหนุ่มแสนดีอย่างพี่สิงห์มาคอยเอาอกเอาใจ
พะเน้าพนอ ช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง หล่อนก็ยังจะไปโศกาอาดูรอาลัยแต่คนที่เขาไม่รักอยู่นั่นแล้ว...





การดำเนินเรื่อง...แรก ๆ เปิดเรื่องได้น่าสนใจดีค่ะ บอกเล่าถึงความเป็นมาและความสัมพันธ์ของนางเอกกับผองเพื่อน
มีการย้อนอดีตอยู่หลายช่วงหลายตอน ซึ่งก็ก็ทำได้ค่อนข้างเนียนและสมเหตุสมผลดี
แต่จะมางง ๆ นิด ๆ กับการลำดับเครือญาตินั่นแหละค่ะ ...

คุณทวดมณีเป็นน้องสาวต่างมารดาของคุณทวดทิพย์ ซึงเป็นทวดสายตรงของมุกและเสียชีวิตไปนานแล้ว
แต่จากบทบรรยายของคนเขียนดูเหมือนว่าคุณทวดมณียังไม่แก่เทาที่ควรจะเป็น
แถมยังมีคนเก่าคนแก่อยู่ในบ้านที่เห็นคุณทวดมณี(กับพี่ ๆ ต่างมารดา)มาตั้งแต่แรกเกิด
ยังคงแข็งแรง เล่าเรื่องราวแต่หนหลังให้มุกฟังได้เป็นฉาก ๆ...
อ่านแล้ว มันตงิดใจนิด ๆ กับห้วงเวลาของนิยายกับอายุของตัวละครน่ะค่ะ

หลังจากเปิดเรื่องไปจนถึงช่วงกลาง ๆ เรื่องออกจะเวิ่นเว้อวกวนหน่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นภาคย้อนอดีต
ที่คุณเทียดวาสน์มาปรากฏกายเล่าให้มุกฟังเพื่อหว่านล้อมให้เธอรับช่วงประกอบพีธี'นาฏนฤมิต'
เพื่อดึงวรวิชให้หันมารักตัว...

มาเริ่มจะตื่นเต้นชวนลุ้นก็เลยกลาง ๆ เล่มไปแล้ว เมื่อมุกตัดสินใจที่จะยกเลิกพิธีนาฏนฤมิต
ซึ่งทำให้คุณเทียดวาสน์โกรธอย่างรุนแรง ถึงขั้นทำร้ายมุก
ซึ่งนับตามศักดิ์ก็เป็นลื่อแท้ ๆ ของตัวเองจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ตรงนี้ออกแนวหลอนเลยค่ะ...
เมื่อใช้มุกไม่สำเร็จ คุณเทียดวาสน์ก็จำต้องหาเป้าหมายใหม่
ใครกันที่ผิดหวังจากความรักและอยากแย่งชิงของของผู้อื่นมาเป็นของตัว...
มากพอที่จะสามารถมาอยู่แทนที่เธอได้...?
จุดนี้ก็จะมีการซ่อนเงื่อนซ่อนปมเพื่อหลอกคนอ่าน...
แต่แหะๆ อ่านนิยายแนว ๆ นี้มาเยอะเลยหลอกได้ไม่สำเร็จอะ
แต่ก็ยอมรับว่าผิดคาดเล็กน้อยเหมือนกัน

สรุปว่า...เป็นดราม่าเข้มข้นที่อ่านสนุก อ่านเพลินได้อีกเล่มหนึ่งค่ะ
ด้วยสำนวนภาษาที่ลื่นไหลอ่านไม่สะดุด มีน้ำมีเนื้อไม่ว่างโหวง หากก็ไม่ถึงกับเครียดขรึม
ผู้เขียนได้แทรกแซมสาระว่าด้วยนาฏศิลป์ไทย วัฒนธรรมไทยไว้ไม่น้อย ทำให้เรื่องราวดูละเมียดละไมขึ้น
มีบทรักกุ๊กกิ๊กระหว่างพระ-นางพอประมาณ ไม่มากไม่มายจนหวานเวอร์

สรุปของสรุป...อ่านจบแล้วหยิบมาเล่าต่อชวนลองชวนอ่านกันค่า









 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2557    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2557 15:18:26 น.
Counter : 6515 Pageviews.  

~ รองเท้านารี : ความรักก็เหมือนรองเท้า...โดย "ดาริส" ~





รองเท้านารี
ผู้เขียน : ดาริส
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ (ม.ค. ๕๗)
๓๗๕ หน้า ราคา ๒๗๕ บาท


ปกหลัง :


รองเท้าทุกคู่ล้วนมีเจ้าของ
รอคอยเพียงแค่ใครสักคนจะสวมมันได้อย่างพอดี

เพราะเชื่อในนิยามความรักเรื่องคนที่เหมาะสมกับเรา
สี่สาวโสด ตัวแทนความรัก ฉบับรองเท้า
จึงต้องออกเดินทางตามหารักที่ใช่! ในแบบของตนเอง

ทิชา ดีไซเนอร์สาวตัวแม่ กับรักที่กล้าๆ กลัวๆ
น้ำหนาว แพทย์สาวสุดมั่น รักของเธอเย็นชา
วริษา สาวเปรี้ยวหัวสูง จะมีรักทั้งทีต้องเพอร์เฟ็กต์ที่สุด
อุษณา สาวติสท์ผู้รักอิสระ ทำอะไรตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

สี่รูปแบบความรักที่แตกต่าง เหมือนกับรองเท้าหลากสไตล์
เปรี้ยว หวาน เซอร์และเท่ แม้จะเจอรองเท้าที่คับบ้าง ถูกกัดบ้าง

แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องพบเจอกับ 'เจ้าของรองเท้า' ที่พอดีกับตัวเองเข้าสักวัน







เป็นนิยายสมัยใหม่ที่เนื้อหาออกแนว...ค่อนข้างแหวกขนบ แหวกกระแสนิยายรักทั่วไป...
ที่อาจจะดูแรงพอสมควร ทำเอาเมื่อเริ่มอ่านช่วงแรก ๆ เกือบจะรับไม่ได้แน่ะ
(จริง ๆ แล้วอ่านไปสองสามบทก็รับไม่ได้จนต้องวางไปพักหนึ่งแล้วล่ะ)

หากทว่าเมื่อราว ๆ อาทิตย์ก่อน เผอิญได้มีโอกาสดูรายการทีวีรายการหนึ่ง
เค้าสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจการบาร์โฮสต์...
ได้เห็นและรับรู้ถึงเรื่องราวความเป็นไปในอีกซอกมุมหนึ่งของสังคมที่เราไม่อาจปฏิเสธการมีอยู่ของมันได้
จึงเปิดใจตัวเองให้กว้างขึ้นอีกนิด หยิบนิยายเล่มนี้มาอ่านใหม่อีกครั้ง
แล้วก็พบว่า...อือม์...ไม่เลวแฮะ
คนเขียนเป็นนักเขียนหน้าใหม่ ดูจากโปรไฟล์ก็น่าจะยังเด็ก
แต่ช่างสรรแต่งนิยายได้...เท่และแนวดีอะ และดูเหมือนว่าจะเข้ากระแสอีกต่างหาก

จากปกหลังก็คงจะพอเห็นได้ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของสี่สาวสี่ไลฟสไตล์
โดยเปรียบเทียบกับรองเท้าแบบต่าง ๆ
ผู้เขียนจึงดำเนินเรื่องโดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นสี่ช่วงใหญ่ ๆ
บอกเล่าเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของหญิงสาวแต่ละคน
โดยแต่ละช่วงจะมีการเชื่อมโยงกันในทีเพราะทั้งสี่สาวเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านเดียวกัน






เปิดเรื่องด้วยเรื่องรักของน้ำหนาว...ศัลยแพทย์สาวผู้มาดมั่น
ที่ผู้เขียนเปรียบไว้ว่าเป็นดั่งรองเท้าบู้ตเหนือเข่าส้นสูง...

หลังจากหย่าร้างกับสามีผู้ตกอยู่ใต้อาณัติบัญชาของมารดาที่เกลียดชังลูกสะใภ้อย่างน้ำหนาวแล้ว
เธอก็ปิดประตูให้กับความรัก หันไปใช้บริการจากโฮสต์หนุ่มนักศึกษารุ่นน้อง...
ด้วยความคิดอันรุนแรงเกี่ยวกับสิทธิสตรีที่ว่า...
ในเมื่อผู้ชายสามารถเที่ยวกลางคืนได้โครม ๆ
ผู้หญิงที่มีความสามารถทัดเทียมกับผู้ชายก็น่าจะทำได้ไม่ต่างกัน

(จุดนี้แหละค่ะที่ทำให้อ่านสะดุด ๆ ในช่วงแรก
เพราะรับไม่ได้อย่างแรงกับพฤติกรรมของนางเอก(อย่างน้อยเธอก็เป็นนางเอกของพาร์ทนี้ล่ะ)
ซ้ำมีแนวโน้มว่าในตอนท้ายเธอคงจะลงเอยกับโฮสต์หนุ่มเจ้าประจำคนนี้แหละ...
ซึงนั้นก็เท่ากับว่า...พระเอกเป็นผู้ชายขายบริการ!!!
แล้วปมดราม่าที่คนเขียนเค้าพยายามจะสร้างขึ้นมา
เพื่อรองรับพฤติกรรมแนว ๆ นี้ของน้ำหนาวก็ดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าที่ควร
ตัวประกอบที่แทรกเข้ามาในเรื่อง(อย่างอดีตสามี หรือกิมจู)ก็ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่...)






เรื่องของน้ำหนาวผ่านไปแบบไม่แฮปปี้นัก
ก็มาต่อช่วงที่สองกับเรื่องราวของสาวเปรี้ยวอย่างวริษา หรือฝน
ผู้ชื่นชอบการสวมใส่รองเท้าส้นสูงเป็นชีวิตจิตใจ

วริษาเป็นตัวแทนของหญิงสาวสมัยใหม่ที่ทะเยอทะยาน วัตถุนิยมตัวแม่
ชอบที่จะบริหารเสน่ห์ไปเรื่อย ๆ ประมาณว่าสวยเลือกได้...
แต่เธอคงจะหลงลืมคำคนโบราณกล่าวไว้ที่ว่า..."เลือกนักมักได้แร่..."
จุดจบนิยายรักของเธอจึงไม่ค่อยหวานชื่นสักเท่าไหร่

...................

หญิงสาวคนที่สามของเรื่องคืออุ่นหรืออุษณา-น้องสาวของน้ำหนาวและเป็นน้องเล็กสุดของบ้าน
เธอเป็นสาวติสต์ รักอิสระ จึงเปรียบได้กับรองเท้าผ้าใบ...
มีความคล่องตัวสูง หากเจอคู่ที่ใช่ เพียงคู่เดียวก็ไปไหนไปกัน...

อุษณาใฝ่ฝันที่จะเป็นช่างภาพฝีมือดี เธอชอบที่จะตะรอนไปตามที่ต่าง ๆ
เพื่อหามุมถ่ายภาพส่งประกวดและเพื่อโอกาสงานที่ดีกว่า
ทำให้เธอได้พบกับสิขร หนุ่มซกมกมาดเซอร์...

(ค่อนข้างชอบพาร์ทนี้มากที่สุดค่ะ มีซีนการเดินทาง มีบทกุ๊กกิ๊ก จุ๊กจิ๊กระหว่างพระ-นาง
พระเอกมีปมอดีตเล็ก ๆ ในขณะที่นางเอกก็เปิดเผย จริงใจแบบเด็ก ๆ )






สาวคนสุดท้าย ทิ-ทิชา สาวผู้เรียบง่ายตามสไตล์รองเท้าแตะ...

(ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอเป็นคนเดินเรื่องมาแต่ต้น อาจจะเรียกได้ว่า เป็นตัวกำหนดธีมของเรื่องเลยทีเดียว
เพราะเธอเป็นนักออกแบบรองเท้า ที่อาศัยบุคลิกและตัวตนที่แตกต่างของเพื่อน ๆ สมาชิกในบ้าน
มาประยุกต์เข้ากับงานออกแบบของเธอจนประสบความสำเร็จ)


ทิชาเปรียบเรื่องรักของตัวเองเป็นรองเท้าแตะ ต้องปลอดภัย และเรียบง่าย
เพราะเธอเป็นสาวขี้กลัว ไม่กล้าเสี่ยงกับอะไรที่ไม่แน่นอน
ทั้งที่มีหนุ่มหล่อมาขายขนมจีบอยู่ข้างกาย เธอก็ยังลังเลที่จะ ‘รัก’

สรุปค่ะว่าเป็นนิยายรักร่วมสมัยที่น่าสนใจอีกเล่มหนึ่ง
อ่านแล้วได้เปิดมุมมอง เปิดโลกทัศน์ของตัวเองให้กว้างขึ้น

สำนวนภาษาของผู้เขียนอาจจะมีสะดุด ๆ บ้าง
พล็อตย่อยบางตอนอาจจะดูไม่สมเหตุสมผลนัก แต่โดยรวมก็โอเคค่ะ
อ่านได้สนุก ๆ ไม่ถึงกับหนักจนเครียดหรือเบาจนว่างโหวง

อ่านจบแล้วหยิบมาบอกเล่าชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ












 

Create Date : 19 มิถุนายน 2557    
Last Update : 19 มิถุนายน 2557 21:42:32 น.
Counter : 12810 Pageviews.  

~ ปล่อยใจไปกับ...เช็ก :ไพรัชนิยาย โดย "กิ่งฉัตร" ~





ปล่อยใจไปกับ...เช็ก
ผู้เขียน : กิ่งฉัตร
ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(มี.ค. ๕๗)
๓๓๐ หน้า ราคา ๒๖๕ บาท

ปกหลัง :


ในชีวิตการเป็นไกด์...'ขวัญกมล' ไม่เคยมานำทัวร์ที่อเมริกาเลย
การเดินทางมาอเมริกาคราวนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต
เป็นการเดินทางครั้งสำคัญที่ไม่เกี่ยวกับงาน

คิดๆ แล้วก็น่าขำ เมื่อปีที่แล้ว ช่วงเวลานี้เธอกำลังเดินทางไปเช็กเป็นครั้งแรกในชีวิตเหมือนกัน
ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากว่าไปทำงาน
และต้องตั้งรับคณะลูกทัวร์กับ 'วรัญญา' หัวหน้าทัวร์ให้ได้เท่านั้น
ทว่าเอาเข้าจริง อดีตไกด์สาวกลับได้พบเจอเรื่องราววุ่นวาย
และเสี่ยงภัยมากมายอย่างไม่คาดมาก่อน

ที่สำคัญ เธอได้พบผู้ชายน่าอัศจรรย์คนหนึ่ง...
คนที่คงกำลังรออยู่ที่สนามบินเบื้องล่างในเวลานี้






คำโปรยปกข้างบนนั่นแทบจะไม่ได้บอกเล่าอะไรถึงเนื้อหานิยายเลย
ตอนนี้ก็เลยจะขอเล่าเรื่องราวความเป็นมาของการเดินทางไป "ปล่อยใจไปกับ...เช็ก"ในเล่มนี้ก่อนละกัน

...........

เกี๊ยวหรือขวัญกมลอดีตพยาบาลสาวที่ผันตัวมาเป็นไกด์อิสระ รับงานจากบริษัทชั้นนำทัวร์
พากลุ่มลูกทัวร์ซึ่งเป็นนักร้องดังไปถ่ายทำเอ็มวีที่สาธารณรัฐเช็ก
ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ไม่เคยเดินทางไปที่ประเทศนั้นมาก่อน
แต่ทางบริษัทก็ได้จัดหัวหน้าไกด์ที่มีประสบการณ์ในการนำทัวร์ไปด้วย
ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นญาญ่า - วรัญญา น้องสาวของเจ้าของบริษัทนั่นเอง

ในระหว่างการเดินทาง แค่รับมือกับความจู้จี้เรื่องมากของลูกทัวร์บางคน
รวมกระทั่งอาการเหวี่ยง วีน เอาแต่ใจของวรัญญานั้นยังไม่เท่าไหร่นักสำหรับขวัญกมล
เพราะเธอเป็นคนทำงานแคล่วคล่องว่องไว และอดทนใจเย็นพอ

แต่การนำทัวร์ครั้งนี้ เธอจะต้องมารับภาระเสี่ยงอันตรายไปกับการมาทัวร์แบบมี'วาระซ่อนเร้น'
ของนักร้องสาวหัวหน้าลูกทัวร์ เพราะเธอมี"ของสำคัญ"
ที่ผู้ก่อการร้ายสากลบังคับให้เธอถือติดตัวมาด้วยจากเมืองไทย
และมีกำหนดนัดหมายส่งมอบกันทีนี่

และขวัญกมลต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเต็ม ๆ
เพราะนักร้องสาวเลือกที่จะฝาก"ของสำคัญ"ชิ้นนั้นไว้ที่เธอ
โดยที่เธอไม่ระแคะระคายมาก่อนเลยถึงความสำคัญของมัน
รวมถึงอันตรายที่กำลังคืบใกล้ตัวเธอ

โชคดีที่เธอมี 'พ่อตี๋ปราฮา' (ตามฉายาที่วรัญญาตั้งให้แบบหยัน ๆ )
คนขับรถและเป็นประหนึ่งผู้ประสานงานท้องถิ่น คอยให้ความช่วยเหลือ






หลังอ่าน...
เป็นไพรัชนิยาย ผสมสืบสวนสอบสวนนิด ๆ ปนด้วยดราม่าแอ็คชั่นอีกหน่อย ๆ

สนุกค่ะ ค่อนข้างสนุกมากทีเดียว (แต่ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายนัก เมื่อนึกถึงว่านี่คือผลงานของ"กิ่งฉัตร")
อาจจะเป็นเพราะส่วนตัวห่างเหินจากนิยายแนว ๆ นี้ไปช่วงระยะที่นานพอสมควร

ชอบพล็อตทีนำเรื่องราวของอาชญากรรมข้ามชาติมาโยงเข้ากับเรื่องราวของการเดินทางได้อย่างเหมาะเจาะ
มีเรื่องของนิยายซ้อนนิยายในเนื้อหาของเอ็มวีที่ทีมงานของนักร้องสาวไปถ่ายทำกัน
ซึ่งก็สอดคล้องไปกับเรื่องราวในนิยายอย่างกลมกลืน

การบรรยายฉากและสถานที่ก็ทำได้อย่างค่อนข้างละเอียดและสมจริง
แม้คนไม่เคยไปก็สามารถอ่านแล้วนึกภาพตามได้ง่าย ๆ
มีแซมเกร็ดสาระเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นฉากของเรื่องไว้อย่างพอเหมาะพอสม ไม่มากไม่น้อย

ตัวละครไม่เยอะนัก แต่แต่ละคนก็มีสีสัน บทบาทโดดเด่นแตกต่างกันไป
แม้ตอนต้น ๆ เรื่องจะออกแนวเวิ่นเว้ออยู่นิด ๆ กับการปูเรื่อง แนะนำตัวละครแต่ละตัว
แต่หลังจากที่นางเอกเริ่มรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงภัย
ที่ต้องเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมระดับโลกเข้าแล้วนั่นแหละ
เรื่องราวถึงจะเริ่มสนุก น่าตื่นเต้นชวนติดตาม...
คนอ่านก็พลอยจับจ้องพฤติกรรมของตัวละครแต่ละตัว
และร่วมลุ้นไปกับนางเอกว่าใครกันนะในกลุ่มลูกทัวร์ที่ทำตัวเป็น"หนอน"

ซึ่งฝีมือระดับ"กิ่งฉัตร" ก็ไม่ทำให้คนอ่านผิดหวัง
เพราะเมื่อคาดเดาไปต่าง ๆ นานาแล้วปรากฏว่า...เดาผิดแฮะ

ชอบพระเอก-นางเอกเรื่องนี้ค่ะ
พระเอกก็ทำตัวเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่พอเปิดเผยตัวตนเขาก็เหมือนจะโดดเด้งออกมาเชียว
(เห็นเพื่อนบล็อกหลายคนบอกว่าเขาเคยโผล่แว่บ ๆ ในนิยายอีกเรื่องหนึ่งคือ"รุ่งอรุณ"
แต่เผอิญจขบ.ไม่เคยอ่านเรื่องนั้น ด้วยเหตุที่มีหลายเสียงบอกว่า...ไม่สนุกนัก
จึงไม่เคยรู้จักเขามาก่อน มารู้จักเขาในเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า เท่ดีอะ
รู้สึกดีแฮะที่ไม่เคยมีภาพของเขาอยู่ในหัวมาก่อน )

ส่วนนางเอกก็ชอบที่เธอค่อนข้างใจเย็น มีสติ ฉลาดและทันคนดี
เธอไม่อ่อนแอ ไม่หงอคนแต่ก็ไม่แข็งกระด้าง โอนอ่อนผ่อนตามในเรื่องง่าย ๆ
แต่ถ้าถูกเหน็บแรง ๆ เธอก็สามารถย้อนได้เจ็บแสบพอกัน

ชอบสีสันของตัวละครหลาย ๆ ตัวมากค่ะ โดยเฉพาะเมริษา วรัญญา การ์ตูน
ทุกคนดูมีมิติ ผู้เขียนเค้าเปิดเผยเนื้อแท้ของคนผ่านตัวละครเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติสมจริงดี

แต่จะมาผิดหวังนิด ๆ ก็อีตอนจบนี่แหละ รวบรัดตัดความ สรุปจบสั้นและง่ายไปหน่อยไหมอะ...
มันไม่ใจ ไม่ฟินเลยค่า...

อ้อ...กับอีกนิดนึง...ชื่อเรื่องน่ะค่ะ... "ปล่อยใจไปกับ...เช็ก" มันช่างไม่เข้ากับเรื่องราวเนื้อหาสักเท่าไหร่เล้ยยยย
แรกที่เห็นชื่อเรื่อง เราคาดหวังไพรัชนิยายแนวอ่านเพลิน ๆ
เหมือนได้ร่วมเดินทางชิล ๆ สบายอารมณ์ไปกับคู่พระ-นาง...ประมาณนั้น
แต่เอาเข้าจริง มันส่อเค้าชุลมุนวุ่นวายตั้งแต่เริ่มเรื่องเริ่มออกเดินทางกันเลยทีเดียว
ไม่เห็นจะมีจังหวะให้ได้"ปล่อยใจ"สักเท่าไหร่เลย...

นั่นก็แค่ความคาดหวังส่วนตัวหรอกค่ะ แต่ถ้าไม่นับเรื่องชื่อแล้ว
นิยายเล่มนี้ก็นับได้ว่าเป็นนิยายที่ครบรสอีกเรื่องหนึ่ง มีสืบสวน อาชญากรรม ดราม่า โรแมนติก บู๊ แอ็กชั่น...ครบครัน

อ้อ...ที่สำคัญและชอบมากอีกอย่างหนึ่งก็คือรูปเล่มกะทัดรัดและภาพปกสวยคลาสสิคดีค่ะ

อ่านจบแล้วหยิบมาบอกต่อชวนอ่านกันวันนี้ค่า









 

Create Date : 10 มิถุนายน 2557    
Last Update : 10 มิถุนายน 2557 12:22:42 น.
Counter : 4625 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.