โรงพยาบาลเอกชน "แพง" .. ข้อมูลที่ยังไม่รู้ หรือว่า แกล้งไม่รู้ ? ( ฟังความอีกข้าง ^_^ )
ช่วงนี้ มีกระแสเกี่ยวกับ ค่ารักษาของ รพ.เอกชน ที่แพง ( เกินเหตุ ? ) ซึ่งก็เป็นความจริง ที่ ค่ารักษาของ รพ.เอกชน สูงกว่า รพ.รัฐบาล และ รพ.เอกชนบางแห่ง แพงม๊ากกกกก แต่ก็ยังมีข้อมูล อีกหลายประเด็นที่ หลายคนยังไม่รู้ และ บางคน อาจ "แกล้งไม่รู้ " ... ผมได้อ่าน บทความวิชาการ ของ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน จึงอยากจะนำมาฝากกัน ถือว่า เป้นการฟังความอีกข้าง ส่วนจะคิดเห็นอย่างไร ก็ไม่ว่ากัน
ปล. ผมเคยทำงาน รพ.รัฐ ๑๕ ปี ขณะนี้ลาออกมาเปิดคลินิกส่วนตัว แจ้งไว้ก่อน เผื่อคนสงสัย ^_^ .......................
ข้อเท็จจริง-ความสำคัญรพ.เอกชนไทย(1) 3มิ.ย. 58,11.20 น. https://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=67627&t=news เพราะจำเป็น ...จึงต้องมี โรงพยาบาลเอกชน นับเป็นโชคดีของคนไทยที่ปัจจุบันรัฐบาลได้วางรากฐานและจัดสรรการรักษาพยาบาลไว้อย่างเป็นระบบ ทั้งสิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง/บัตร 30 บาท)ที่ครอบคลุมการรักษาคนไทยทั่วประเทศ 48-49 ล้านคน ส่วนคนทำงาน 13 ล้านคนก็สามารถใช้สิทธิ์ ประกันสังคม ด้าน ข้าราชการและครอบครัว กว่า 100 กรม ใน 20 กระทรวงก็มีสิทธิ์การรักษาพยาบาลจากกรมบัญชีกลาง จนอาจกล่าวได้ว่า ทุกคนมีพื้นที่สำหรับรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ขณะที่ประชาชนและบริษัทเอกชนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มพรีเมียมและกลุ่มไฮพรีเมียมแม้สามารถเลือกรักษากับสถานพยาบาลตามสิทธิที่รัฐบาลพึงให้ แต่ โรงพยาบาลเอกชน กลับเป็น ทางเลือกของคนส่วนใหญ่ ที่มักหลีกเลี่ยงความแออัดไม่สะดวกสบายจากโรงพยาบาลของรัฐ หรืออยากคุยกับแพทย์ผู้รักษาจนคลายความสงสัยโดยที่ไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ...เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลในปัจจุบัน แต่หากย้อนไปในอดีตอาจกล่าวได้ว่าโรงพยาบาลเอกชนเกิดขึ้นมาเพราะความจำเป็นที่โรงพยาบาลของรัฐไม่สามารถให้บริการรักษาพยาบาลได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง จากเดิมโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยเป็นแค่สถานพยาบาลขนาดเล็กมีเจ้าของเพียงคนเดียว การบริหารงานเป็นแบบครอบครัวแพทย์และบุคลากรทำงานเฉพาะช่วงนอกเวลางาน ไม่มีระบบควบคุมคุณภาพและเปิดให้บริการเพียงบางเวลา ทว่าทุกวันนี้โรงพยาบาลเอกชนพัฒนาจนกลายเป็นโรงพยาบาลหลายระดับตามความต้องการของผู้มาใช้บริการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ข้อมูล ณ เดือน ก.ย. 2557 ระบุว่ามีโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยทั้งสิ้น 329 แห่ง จำนวนเตียงให้บริการรวม 34,319เตียง เจ้าของเป็นนิติบุคคลหรือบริษัทมหาชนที่บริหารแบบมืออาชีพแพทย์และบุคลากรด้านสุขภาพทำงานเต็มเวลาด้วยความเชี่ยวชาญแม่นยำย่นระยะเวลาในการวินิจฉัยรักษาและฟื้นฟูพรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถให้บริการรักษาพยาบาลโรคและโรคเฉพาะทางที่ซับซ้อนได้ตลอด 24 ชั่วโมงคิดเป็นสัดส่วนการให้บริการด้านการรักษาพยาบาลร้อยละ 20-30 ของประเทศ ทั้งยังได้รับมาตรฐานในประเทศอย่างHospitalAccreditation หรือ HA โดยมีโรงพยาบาลเอกชนระดับ 2 และ 3 จำนวน 91 แห่งได้รับมาตรฐานดังกล่าว ขณะที่ ในปี 2558 มีโรงพยาบาลเอกชนของไทย 44 แห่งได้รับมาตรฐานระดับสากลที่เน้นเรื่องการจัดการบริหารเพื่อปลอดภัยจากนานาชาติ หรือ JCIAccredited Organizations นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าในปี 2555 โรงพยาบาลเอกชนมีการจ้างงานบุคลากรถึง 200,000 คนต่อปีก่อให้เกิดรายได้ในอุตสาหกรรมประมาณ 150,000 ล้านบาทต่อปีให้บริการผู้ป่วยนอกประมาณ 55 ล้านครั้งต่อปี ผู้ป่วยในมากถึง 1.5 ล้านครั้ง และส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยระดับไฮ พรีเมียมที่เคยเดินทางออกไปรักษายังต่างประเทศ สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่านับตั้งแต่ปี 2555 มีชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามารักษากับโรงพยาบาลเอกชนเป็นจำนวนมากและเพิ่มขึ้นทุกปีเช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ ไอร์แลนด์เหนือ เยอรมนี ออสเตรเลีย จีน เมียนมา กัมพูชา อินเดีย และลาว จากการสำรวจยังพบอีกว่าในแง่ศักยภาพการรักษาพยาบาลเชิงปริมาณของโรงพยาบาลเอกชนไทยสามารถดึงดูดให้มีผู้มาใช้บริการมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ยิ่งในระยะ 10 ปีให้หลังผลงานและชื่อเสียงของโรงพยาบาลเอกชนไทยกระจายไปทั่วโลกจนชาวต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นกัน(อ้างอิงมาจากนิตยสาร Forbes เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม2014) เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลถูกกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างเมียนมาและกัมพูชาก็ยังเดินทางมารักษากับโรงพยาบาลเอกชนของไทยด้วยเพราะมาตรฐานและเทคโนโลยีที่ดีกว่า โรงพยาบาลเอกชนจึงกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อระบบบริการสุขภาพและการพัฒนาของประเทศ โดยที่ไม่ต้องใช้ภาษีจากรัฐเข้ามาอุดหนุนดังนั้น ค่ารักษาของโรงพยาบาลเอกชนจึงไม่สามารถเทียบโรงพยาบาลของรัฐได้ ในอีกด้านหนึ่งโรงพยาบาลเอกชนยังช่วยรัฐบาลประหยัดงบประมาณในการลงทุนด้านสาธารณสุขของประเทศได้กว่า2.26 แสนล้านบาท พร้อมกันนั้นยังจ่ายภาษีกลับคือไปให้รัฐในรูปภาษีนิติบุคคลภาษีเงินได้พนักงาน และภาษีเงินได้ของแพทย์และพยาบาล ต่อปีไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาทเพื่อนำไปอุดหนุนพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศในอีกทอดหนึ่ง ภายใต้ระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมโรงพยาบาลเอกชนนับเป็นธุรกิจที่จำเป็นต่อประชาชนที่เจ็บป่วยและยังมีบทบาทสำคัญในการการจ้างงานจำนวนมาก เกิดรายได้จากอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องการลงทุนภาคเอกชนยังช่วยลดภาระการลงทุนของรัฐในหลาย ๆ ด้านจึงเป็นธุรกิจที่รัฐพึงให้การส่งเสริมอย่างยิ่งเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีและมีประสิทธิภาพ .....................................................................
กระเทาะเปลือกวิธีคิด"ค่ารักษา"รพ.เอกชน(2) 4 มิ.ย. 58, 06.00 น. https://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=67689&t=news ปัญหาค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการเก็บค่ารักษาเกินจริงการโก่งราคาค่ายา รวมถึงการเข้าใจว่าแพทย์เลี้ยงไข้เพื่อเก็บค่ารักษาแพงเพราะเมื่อเข้าไปรักษาโรคหนึ่ง แต่กลับเจอโรคอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาด้วยเพราะพยาธิของโรคแฝงในแต่ละคนกลับไม่เหมือนกันทำให้ค่ารักษาสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว เรื่องเหล่านี้มักปรากฏเป็นข่าวร้องเรียนบนพื้นที่สื่ออยู่เป็นประจำจนเกิดการเรียกร้องให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบอย่าง สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการ รวมถึง กรมการค้าภายใน เข้ามาตรวจสอบและกำหนดแนวทางเพื่อควบคุมราคายาตลอดจนค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนให้ลดระดับลงมาใกล้เคียงกับอัตราค่ารักษาของโรงพยาบาลรัฐ หากในความเป็นจริงมีปัจจัยอื่น ๆ แฝงอยู่ในการกำหนดอัตราราคายาและค่ารักษาของโรงพยาบาลแต่ละแห่งเป็นผลให้ค่ารักษาและราคายาของโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐแตกต่างกันซึ่งเป็นที่มาของ ข้อสงสัย ว่าทำไม โรงพยาบาลเอกชนถึงไม่สามารถควบคุมค่ารักษาพยาบาลให้อยู่ในอัตราเดียวกับโรงพยาบาลของรัฐ โดยทั่วไปการก่อตั้งโรงพยาบาลขึ้นมาแห่งหนึ่งล้วนมีเงินลงทุนสูงและมีค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการดำเนินการต่างกันไปตามขนาดและระดับมาตรฐานของแต่ละแห่งต้นทุนแต่ละหมวดแบ่งเป็นค่ายาและเวชภัณฑ์ เงินเดือนแพทย์ พยาบาล บุคลากรของโรงพยาบาลเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งหากโรงพยาบาลนำเข้ายาจากต่างประเทศเน้นแพทย์ที่เชี่ยวชาญ บุคลากรมีประสบการณ์หรือใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายย่อมสูงขึ้นตามเป็นปกติ นอกเหนือจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น มูลค่าที่ดินตามทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาล ต้นทุนในการก่อสร้างอาคารสถานที่การกู้ยืมเงินมาลงทุน เงินปันผลตอบแทนผู้ลงทุน ฯลฯที่นับรวมเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนและกลายเป็นปัจจัยสำคัญสร้างความแตกต่างให้กับค่ารักษาพยาบาลซึ่งแม้เป็นโรงพยาบาลเอกชนด้วยกันก็ตาม ส่วนกรณีโรงพยาบาลเอกชนเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นเหตุให้คิดค่ารักษาพยาบาลแพงนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะการเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นการบริหารความเสี่ยงของโรงพยาบาลในรูปแบบหนึ่งเนื่องจากการบริหารงานโรงพยาบาลเอกชนในอดีตเสี่ยงต่อการขาดทุนการรวมกลุ่มจะของผู้ลงทุนจะช่วยให้โรงพยาบาลพัฒนาก้าวไปข้างหน้าได้ เช่นโรงพยาบาลเอกชนในประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น อีกทั้งโรงพยาบาลของรัฐได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และกฎหมายอีกหลายฉบับ ในกระบวนการรักษา และวินิจฉัยของโรงพยาบาลเอกชน ต้องใช้แพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นไม่สามารถใช้บุคคลระดับอื่นได้ ส่งผลให้เอกชนมีต้นทุนสูงกว่า ขณะที่เป้าหมายในการรักษาโรคของโรงพยาบาลเอกชนยังมีความแตกต่างโดยจะทำการตรวจอย่างละเอียดเพื่อแยกแยะหาสาเหตุของโรคซึ่งหากพบปัจจัยเสี่ยงหรือการเจ็บป่วยร่วม ก็จะให้ข้อมูลแนะนำและดำเนินการรักษาอย่างครอบคลุมเพื่อให้ผู้ป่วยกลับไปมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนมิได้เป็นการรักษาที่มุ่งเน้นไปยังโรคที่พบเพียงโรคเดียวหรือรักษาเพียงให้อาการป่วยทุเลา ทั้งนี้รายละเอียดค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนทุกโรง ผู้ป่วยและ ญาติผู้ป่วย สามารถรับทราบและตรวจสอบได้ณ จุดตรวจเช็คภายในสถานบริการตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาลพ.ศ. 2541 มาตรา 32 วรรค 3 และมาตรา 33 วรรค 1 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ทำให้ค่ารักษาของแต่ละโรงพยาบาลเอกชนแตกต่างกัน เช่นแม้จะป่วยเป็นโรคเดียวกันแต่มีภาวะซับซ้อนของโรคต่างกัน เช่นป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบแบบแตกหรือไม่แตกรวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการวินิจฉัยและรักษาที่ไม่เหมือนกัน เช่น การทำ CT สแกน หรืออัลตร้าซาวด์ เป็นต้น หากกล่าวโดยสรุปโรงพยาบาลเอกชนเป็น โรงพยาบาลทางเลือก ในระบบการรักษาพยาบาลของประเทศ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลของรัฐในแง่ลดความแออัดและกระจายโอกาสการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลรัฐไม่สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล ...ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของตัวเลขบนใบเสร็จที่ทำให้โรงพยาบาลเอกชนมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐถึง 2-3 เท่า เป็นอย่างน้อย. ......................................
เฉลยที่มา...ราคายาโรงพยาบาลเอกชน แพง? (3) 5 มิ.ย. 58, 06.00 น. https://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=67691&t=news ประเด็นสำคัญที่สังคมให้ความสนใจและจับตามองอยู่ในขณะนี้คงไม่พ้นเรื่อง การควบคุมราคายาหลังมีเสียงสะท้อนว่า ทำไม?ยาและเวชภัณฑ์ใน โรงพยาบาลเอกชน จึงมีราคาสูงกว่า โรงพยาบาลของรัฐ หลายเท่า และหากนำไปเปรียบเทียบกับ ร้านขายยา ทั่วไป ก็ยิ่งเห็นความแตกต่างมากขึ้น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว สามารถอธิบายถึงขั้นตอนทั้งหมดซึ่งเป็นที่มาของราคายาในโรงพยาบาลเอกชน ที่ไม่อาจหยิบยกแค่ค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตยามากำหนดกรอบราคาได้ โดยภายใต้การลงมือเขียนใบสั่งยาจากแพทย์ผู้รักษาจนยานั้นเดินทางถึงมือผู้ป่วยโครงสร้างต้นทุนราคายาของโรงพยาบาลเอกชนประกอบด้วยปัจจัยหลากหลาย เริ่มตั้งแต่ ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ยา ที่โรงพยาบาลส่วนใหญ่เน้นเลือกยาให้ประสิทธิภาพทางการรักษาดีเยี่ยมซึ่งมักเป็นยามีสิทธิบัตรนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาสูง ขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเลือกยาที่ต้องทดสอบถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของยาก่อนนำเข้ามาใช้ในโรงพยาบาลการจ้างแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถสั่งยาไม่ให้เกิดผลกระทบข้างเคียงต่อผู้ป่วยเภสัชกรที่มีประสบการณ์ บุคลากรเวชระเบียนที่ชำนาญงานหรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีระดับสูงที่มีความแม่นยำในการจ่ายยา เช่นซอฟแวร์การบริหารจัดการยา บาร์โค้ดยา หรือหุ่นยนต์จ่ายยา Smart DispensingRobot ที่มูลค่านับสิบล้านบาทการดูแลสต็อกยาให้เพียงพอต่อการใช้ในทุกวัน พื้นที่จัดเก็บยาที่ต้องดูแลพิเศษในด้านอุณหภูมิและความชื้นรวมไปถึงการดูแลให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ ซึ่งทุกขั้นตอนในกระบวนการดังกล่าวโรงพยาบาลเอกชนได้ทำ ประกันความเสี่ยง ที่อาจเกิดความผิดพลาดจากกระบวนการจ่ายยาให้คนไข้โดยวงเงินประกันดังกล่าวมีมูลค่าไม่น้อย ทั้งนี้ที่ต้องเน้นกระบวนการด้วยความรัดกุม เพราะในต่างประเทศอย่างสหรัฐฯมีการสำรวจแล้วว่าหากป้องกันความผิดพลาดจากการสั่งยาจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้โดยในแต่ละปีสหรัฐฯ สามารถป้องกันผลข้างเคียงของยาที่ไม่พึงประสงค์อันมาจากความผิดพลาดในการสั่งยา ได้ถึง 1.5 ล้านคน (Bateset al, 1995) เมื่อเทียบกับประเทศไทยจากจำนวนประชากรทั้งหมดในปัจจุบัน โดยกรมการปกครองระบุ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2557 ว่ามีอยู่กว่า 65 ล้านคน และคาดการณ์กันว่าราว 1 ใน 4 อาจได้รับผลกระทบจากความผิดพลาดของกระบวนการจ่ายยา อาทิเภสัชกรจ่ายยาไม่ครบ ขวดยาติดฉลากผิด แพทย์สั่งยาชนิดที่คนไข้มีอาการแพ้ยาหรือแพทย์คำนวณขนาดยาผิดพลาด ที่ล้วนนำความเสียหายมาสู่ผู้ป่วยตั้งแต่ในระดับเล็กน้อยอย่างการแพ้ยาไปจนถึงความสูญเสียทำให้ร่างกายพิการ และมีอันตรายถึงชีวิต จึงเป็นเรื่องน่ากังวลและอันตรายไม่น้อยหากต้องแก้ไขปัญหาราคายาโรงพยาบาลเอกชนแพง ด้วยการให้แพทย์ออกใบสั่งยาแล้วให้ผู้ป่วยไปซื้อยาจากร้านขายยาเองเนื่องจากไม่สามารถการันตีความถูกต้อง คุณภาพ และผลข้างเคียงของยาได้ซึ่งจะมีผลต่อความรับผิดชอบของแพทย์และโรงพยาบาลต่อผู้ป่วยต่างกับกรณีรับยาในโรงพยาบาลตามแพทย์สั่งจ่าย เรื่องของยา จึงเปรียบได้กับ ราคาชีวิตหน่วยงานรับผิดชอบที่ออกแบบระบบและผลักดันให้ผู้ป่วยต้องไปรับยานอกโรงพยาบาลจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบหากเกิดผลข้างเคียงจากยาที่ไร้ประสิทธิภาพ และ หากผู้ป่วยไม่หายจากโรคหรือต้องสิ้นเปลืองเพิ่มรวมถึงเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงจากการใช้ยานอกโรงพยาบาล ก็ควรมีหน่วยงานที่ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย ทั้งหมดนี้กลายเป็นที่มาของต้นทุนทางตรงของระบบยา ซึ่งมีมูลค่ากว่าร้อยละ 30-50 ของต้นทุนตัวยา ที่โรงพยาบาลเอกชนหลายระดับต้องแบกรับและเป็นสาเหตุหนึ่งของการกำหนดราคายาที่มีอัตราแตกต่างกันของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่ง ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงในการควบคุมความเสี่ยงต่างๆ ที่มากตามไปด้วย ในขณะที่โรงพยาบาลรัฐได้รับการชดเชยงบประมาณต้นทุนยาจากภาษีของประชาชนส่วนร้านขายยาทั่วไปดำเนินงานด้วยระบบที่ไม่ซับซ้อน มีความรับผิดชอบที่จำกัดเฉพาะและใช้ต้นทุนไม่มากนัก
บทความวิชาการโดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลเอกชน คุณค่าคู่สังคม
ที่ถูกมองข้าม ...........................................
แถม เรื่องที่เกี่ยวข้อง .. infographic9 ข้อควรรู้เรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=06-06-2017&group=7&gblog=216 นพ.ธีระ วรธนารัตน์ : เจ็บป่วยฉุกเฉินเมื่อนโยบายยังไม่ชัด ต้องคิดก่อนเข้า https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=21-02-2017&group=7&gblog=212 เจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียว นโยบายดีแต่การปฏิบัติล้มเหลว ?... https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=14-10-2014&group=7&gblog=185 สพฉ. จับมือ สธ.พัฒนาการให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินตามนโยบาย เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ดีทุกสิทธิ์ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=02-04-2015&group=7&gblog=186 คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแสนแพง... ( นำมาฝาก ) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=28-05-2015&group=7&gblog=189 โรงพยาบาลเอกชน "แพง" ..ข้อมูลที่ยังไม่รู้ หรือว่า แกล้งไม่รู้ ? ( ฟังความอีกข้าง ^_^ ) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=08-06-2015&group=7&gblog=190 ตรวจสอบค่ารักษาพยาบาล Online ได้ที่https://www.hospitalprice.org หรือ สายด่วนสุขภาพ 02 193 7999
Create Date : 08 มิถุนายน 2558 |
| |
|
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2562 20:42:29 น. |
| |
Counter : 9835 Pageviews. |
| |
|
|