ดราม่าตอนนี้ เรื่องยาฉีดไดโคลฟีแนค จะให้หมอหรือพยาบาลฉีด...หลายคนยังงงๆว่ามันคืออัลลัย...
มาๆเภจะเล่า...
การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ (ที่เป็นประเด็นกันตอนนี้ว่าใครควรเป็นคนฉีดยาจะเป็นหมอ หรือพยาบาล) ใช้สำหรับการปวดรุนแรง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ กระดูก รูมาตอยด์ ไมเกรน ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน150มก/ วัน โดยแบ่งให้ครั้งละ75มก ห่างกันอย่างน้อย2-3ชม. โดยฉีดเข้าทางสะโพก ออกฤทธิ์เร็วภายใน10-22 นาที
การฉีดไดโคลฟีแนคเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นประสาทหรือเนื้อเยื่อเสียหาย ควรฉีดลึกๆๆเข้ากล้ามเนื้อบริเวณสะโพกส่วนนอกด้านบน (เภสัชฉีดยาไม่เป็น อ่านหนังสือเอามาเล่าอีกทีค่ะ)
ทำไมไม่ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำล่ะ ในเมื่อมีผลข้างเคียงน้อยกว่า...ก็เพราะมันเป็นยาที่มีขั้นตอนในการผสมที่ยุ่งยากกว่ายาอื่นๆน่ะสิ....ก่อนใช้นางต้องผสม D5W หรือ NSS กับ7.5% Sodium bicarbonate inj ก่อน แล้วจึงนำสารละลายดังกล่าวไปผสมกับ Diclofenac และควรใช้ทันทีหลังเตรียมเสร็จโดยให้ทางเส้นเลือดดำต่อเนื่อง 30นาที-2ชม. และหากผสมยาไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดตะกอนซึ่งทำให้เกิดอันตราย เช่นการอุดตันในหลอดเลือดได้ (หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหิดล)
ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของอย.ได้สรุปข้อมูลตั้งแต่ปี 2529-25ธค.2561 เป็นเวลา 33 ปี พบรายงานไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาฉีดไดโคลฟีแนค หรือ AEs สะสม10,551ราย เฉลี่ยปีละ320 ราย โดยพบว่า 79.99% หรือ 8, 439ราย เกิดจากการฉีดยาเข้ากล้าม และอีก 20.11% เกิดจากการให้ยาทางเส้นเลือดดำ
อย่างไรก็ตามในเรื่องที่เป็นประเด็นขณะนี้ กล่าวถึง ผลข้างเคียงของยาไดโคลฟีแนคชนิดฉีดที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาทไซอาติก sciatic nerve* ซึ่งผลข้างเคียงดังกล่าวอาจเกิดจากตัวยาเองหรือเทคนิคการฉีดยาก็ได้ ซึ่งต้องการข้อมูลการศึกษาเพิ่มขึ้นต่อไป (ข้อมูลจาก H focus)
*เป็นการบาดเจ็บของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงหน้าแข้งและเท้า ขาอ่อนแรงและอาจพิการได้
สิ่งที่ประชาชนควรทำคืออะไร
ไม่ร้องขอยาฉีดแก้ปวดโดยไม่จำเป็น ควรเก็บเป็นทางเลือกสุดท้าย อย่าไปคิดว่าไปฉีดยาดีกว่า เร็วดี เข็มเดียวหาย และผู้ป่วยควรได้รับการวินิจฉัยและตัดสินใจใช้ยาฉีดนี้โดยแพทย์เท่านั้น โดยได้รับข้อมูลถึงผลข้างเคียงของยาด้วย
**ผลข้างเคียงเรื่องsciatic nerve ไม่ได้มีผลเวลาคนไข้ได้รับยาไดโคลฟีแนค
ทางการรับประทานนะคะ...จะมีผลเฉพาะกับยาฉีดเท่านั้น**
การใช้ยาทุกชนิดมีความเสี่ยง แพทย์และพยาบาลทุกท่านทำงานเพื่อผู้ป่วยอย่างเต็มที่และเภเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหาหลังการรักษา ในวันที่ผู้ป่วยเรียกร้องและร้องเรียนบุคลากรทางการแพทย์มากยิ่งขึ้น การระมัดระวังตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ ยาตัวนี้ไม่ใช่ยาใหม่ ยังเป็นยาที่ดี มีประสิทธิภาพสูง ในราคาที่เบิกได้ เภขอให้กำลังใจบุคคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องทุกท่านค่ะ
เครดิตรูปจาก freepik
#แสงทองเภสัชหาดใหญ่
#เรื่องยาปรึกษาเภสัชกร
https://www.facebook.com/HatyaiPharmacy/photos/a.2052106851740223/2545780385706198/?type=3&theater
แถมความเห็นจากเฟส หมอยา Utai Sukviwatsirikul
5. (อันนี้เราก้อเผือก) คือ ในโลกใบนี้ของเรา มีคนทำดี ตั้งใจทำดี แต่ผลกรรมของระบบ อาจจะตกปุ๊ ลงกระบาลคนตั้งใจทำดี เมื่อไหร่ก้อไม่รู้
ผลกรรมของความดีที่เราตั้งใจทำ อาจเป็นความซวยมากมาย
ดังนั้นหากจะทำดี ต้องรอบคอบ มองถึงปัจจัยรอบด้าน
เราเองจึงแอบมองอยู่เงียบๆ และดุว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา จะปล่อยให้เรื่องนี้ เป็นภาระของผู้ป่วยเหรอ???
https://www.facebook.com/utai.sukviwatsirikul/posts/2928977070466755?__tn__=-R
****************************************
แถม ภาพนี้ ... ขำ แบบ ขมขื่น T_T
******************************************
แถมความเห็นของ เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา
Methee Wong
สรุปtimeline ปัญหาการห้ามฉีด Diclofenac ..
ขึ้นต้นเป็นลําไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา
สปสช.รับรายงานการเกิดSciatic nerve injuryจากการฉีด Diclofenac "IM" เฉลี่ยปีละ ๕ ราย.....ปัญหาไม่ใช่เรื่อง drug allergy !!!!!
รายงานไปที่ อย. กรม.สบส. สำนักสถานพยาบาลกองประกอบโรคศิลป์ และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์
ทำให้มีการทบทวนข้อมูลและสอบทานที่มาของปัญหา...
สรุป...เทคนิคการฉีดยาเข้า "กล้าม" ที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิด Sciatic nerve injury...ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ยืนยันว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากคุณภาพยา...
แต่เป็นเรื่องผู้ฉีดยา ที่ฉีดยาเข้ากล้ามผิดเทคนิค ทำให้เกิด Sciatic nerve injury
ผลสรุปนี้สอดคล้องกับรายงานในตปท. ที่ยืนยันว่า ยานี้มีข้อห้ามร้ายแรง (Absolute contraindication)เฉพาะในคนไข้ Cardiac stroke ส่วนเรื่องการแพ้ยา (Drug allergy)นั้นไม่ได้ต่างกับยาอื่น ๆ (เกิดได้ทุกตัว และตรงกับรายงานเฝ้าระวังการแพ้ยาของ อย.) ...
Mayo clinic สรุปว่า ยานี้ดี.(cost/effectiveness)............
.....พยาบาลหรือผู้ที่ได้รับฝึกฝนอย่างถูกต้อง สามารถบริหารยานี้ให้แก่คนไข้อย่างปลอดภัย...
สรุป "ในตปท. ไม่ได้ห้ามพยาบาลฉีด" แต่ให้ฉีดอย่างถูกเทคนิค (ตรงกับที่ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ทบทวนวรรณกรรมและทำหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)
ในประเทศไทยจึงมีหนังสือเวียน เตือนกันเป็นขั้นตอน ซึ่งถูกต้องแล้ว..... เพื่อแจ้งให้พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทราบและระมัดระวังให้ฉีดอย่างถูกเทคนิค
แต่เหลาไปเหลามา กลายเป็นห้ามพยาบาลฉีดทั้ง IV และ IM !!!!!!!
ซึ่งหมายความว่า .................(จงเติมคำในช่องว่าง)
ปัญหาที่ตามมาคือ
DYNASTAT หรือ KETOLORAC จะเบิกไม่ได้ในผุ้ป่วยหลักประกันสุขภาพ (ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเอง!!!!!).....หากผู้ป่วยไม่พอใจว่า "ทำไมต้องจ่ายเงินเอง!!!!"...ก็ต้องไปถามเอากับ.........?
จะหันมาฉีด TRAMAL ก็ออกฤทธิ์สู้ Diclofenac ไม่ได้ในผู้ป่วย Severe Low back Pain, Dysmenorrhea, Ureteric stone ...เพราะกลไกออกฤทธิ์ไม่เหมือนกัน ตัวหนึ่งเป็น NSAIDs อีกตัวเป็นอนุพันธ์ของฝิ่น..มีกลไกออกฤทธิ์ต่างกัน
Episode 2....https://www.facebook.com/methee.wong.7/posts/3144226535604889
Diclofenac .....ปรากฎการณ์ "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" (The butterfly effect)
(Episode I....https://www.facebook.com/methee.wong.7/posts/3139246792769530)
ปรากฎการณ์ Diclofenac ไม่ต่างอะไรจากการจับผู้ป่วยเป็นตัวประกัน
สุดท้ายคนที่เดือนร้อนที่สุดคือ "ผู้ป่วย" ที่ขาดโอกาสการใช้ยาที่มีคุณภาพและราคาสมเหตุสมผล (Cost/Effectiveness) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ป่วยด้วยอาการปวดหลังรุนแรง เข่าเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอย์ด กลุ่มอาการปวดประจำเดือน
และรพ...... โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น (ยกเว้น ผู้ป่วยทุกสิทธิ ยอมรับที่จะจ่ายค่ายาในราคาแพงมาก ซึี่งไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิภาพดีเท่ายาเดิมหรือไม่ )
หน่วยงานที่น่าจะงง งวยที่สุด คือ อย. กรม สบส. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ที่ตั้งคณะกรรมการศึกษาแล้วสรุปชัดเจนว่า ยานี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องคุณภาพ หรืออันตรายจนน่ากลัวตามประกาศที่ออกมาแต่อย่างใด ...เพียงแต่ต้องบริหารยาให้ถูกวิธีการเท่านั้น....ซึ่งหวังดีว่าผลสรุปนี้จะนำไปสู่การปรับปรุงและถ่ายทอดเทคนิคการฉีดยาที่ถูกวิธีโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป...กลับกลายเป็นการเปลี่ยนสาส์นด้วยคำสั่งว่า ...ให้เลิกฉีดยา ซะดื้อ ๆ
จริง ๆ แล้ว หากยาตัวนี้มีอันตรายจริง....คำสั่งที่ถูกต้องคือ "ถอนยาออกจากระบบไปเลย ...ไม่ใช่การปฏิเสธการฉีด ...และสั่ง(กลาย ๆ)ให้คนอื่นฉีดแทน"...เพราะมันไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย ....นอกจากทำให้สหวิชาชีพกินแหนงแคลงใจกันโดยใช่เหตุ....
อย่าลืมว่า เมื่อแพทย์ป่วยเอง ก็ต้องการพยาบาลในการดูแล
ในขณะที่เมื่อพยาบาลป่วย ก็ต้องการแพทย์มาดูแลเช่นกัน
และที่สำคัญที่สุดคือ ที่สุดแล้ว..ทั้งสองวิชาชีพ ต้องไปดูแลผู้ป่วยทุกคน
Episode I....https://www.facebook.com/methee.wong.7/posts/3139246792769530
*******************************
ถ้าคุณยังสงสัย
นี่คือการรีวิววรรณกรรมครั้งสำคัญ
อาการไม่พึงประสงค์
สถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่รวบรวมโดยผู้ทรงคุณวุฒิของสภาการพยาบาล
เราไม่ได้ทำเพื่อใคร
แต่เราทำเพื่อ
"ปกป้องประชาชน ปกป้องวิชาชีพ"
เพราะความเสี่ยงไม่ควรเกิดกับใคร
อ่านได้ที่
https://drive.google.com/file/d/1EQnx2jWLoZbfdzDjN44hoL2WPIuhK55D/view?usp=sharing
ที่มา เพจ คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ สภาการพยาบาล 26 ธันวาคม 2562
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=186589065728437&set=a.102781334109211&type=3&theater
********************************************
Episode I....https://www.facebook.com/methee.wong…/posts/3139246792769530 . ....ห้ามฉีดdiclofenacทั่วไทย
Episode 2....https://www.facebook.com/methee.wong.7/posts/3144226535604889 .....เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (Butterfly effect)
Episode 3...https://www.facebook.com/methee.wong.7/posts/3169910976369778 ...... บทเรียนจากประเทศที่พัฒนาแล้ว
จนถึงตอนนี้ประมาณเกือบสองสัปดาห์หลังจากมีคำสั่งห้ามพยาบาลทั่วประเทศฉีดยา diclofenac ทั้งการฉีดเข้ากล้าม (IM) และเข้าเส้น (IV) ด้วยเหตุผลว่ามีรายงานว่าผู้ป่วยบางราย มีปัญหาบาดเจ็บเส้นประสาท Sciatic (ทำให้ขาข้างที่เดียวกับก้นที่ได้รับการฉีดยา มีอาการอ่อนแรง) ......ยังไม่มีคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะต้นทางอย่าง สปสช....อย....ราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง...คณะกรรมการการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล..... ว่าจะเอาอย่างไรกันกับคำสั่งนี้ ...เพราะนอกจากจะสวนทางกับคำแนะนำเพื่อแก้ปัญหาที่ถูกต้องแล้ว คำสั่งนี้ยังมีปัญหาเรื่องตรรกะความสมเหตุสมผล ...เพราะ
.....
...........
(๑) ถ้าdiclofenacเป็นยาอันตรายจริง..หน่วยงานภายใต้กำกับกท.สธ. อย่าง อย.ต้องเพิกถอนยาออกจากระบบด้วยตนเอง ...ใยต้องรอให้สภาการพยาบาลมาออกคำสั่งห้ามฉีด (ซึ่งหากเป็นจริง..ว่ายานี้มีอันตราย..ก็ต้องขอบพระคุณสภาการพยาบาลที่ออกมานำร่องเป็นหัวขบวนเพื่อความปลอดภัยของคนไทย)
....
(๒) ถ้าการฉีดเข้ากล้ามบริเวณก้น เป็นวิธีอันตรายจริง...องค์การอนามัยโลกก็ต้องมีคำสั่งหรืออย่างน้อยคำเตือนไปทั่วโลกว่า ให้ยกเลิกการฉีดยาเข้ากล้ามบริเวณก้น โดยสิ้นเชิง..ไม่ใช่พยาบาลฉีดไม่ได้ แต่แพทย์ฉีดได้แบบที่สภาการพยาบาลออกคำสั่งให้แพทย์เป็นผู้ฉีดเอง...ปัญหาคือ องค์การอนามัยโลก หรือหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลาย ยังไม่เคยมีคำสั่งนี้ออกมาแต่อย่างใด ...แต่มีคำแนะนำ (Guideline, Recommendation)การบริหารยาที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาดังกล่าว (It is preventable by …รออ่านต่อ..)
........
(๓) ถ้าการฉีดdiclofenacเข้ากล้ามเป็นอันตรายจริง คำสั่งที่ควรมีออกมาคือ ห้ามพยาบาลฉีดยาตัวนี้เข้ากล้าม ให้ฉีดเฉพาะเข้าเส้นได้เท่านั้นเพราะการฉีดเข้าเส้นไม่ทำให้เกิดSciatic nerve injuryแน่นอน.......แต่คำสั่งที่ออกมากลายเป็นเหมาเข่ง ห้ามฉีดทั้งเข้ากล้าม + เข้าเส้น.....โดยยังขาดเหตุผลที่เหมาะสมมารองรับ???
......
(๔) ถ้าการฉีดยานี้เข้ากล้ามอันตรายจริง ...การให้แพทย์ฉีดเองจะปลอดภัยกว่าพยาบาลฉีดได้อย่างไร...หรือแพทย์ทราบอะไรที่พยาบาลไม่ทราบ...แทนที่จะแจ้งให้พยาบาลทราบ แต่กลับเงียบไม่บอก และยังออกคำสั่งให้พยาบาลไปฉีดยานี้แก่ผู้ป่วยกระนั้นหรือ?
......
..............
เป็นที่ทราบกันดีว่า ทุกคนยามเมื่อเจ็บป่วย.. ถ้าต้องถึงขนาดมีการทำหัตถการหรือการผ่าตัด..ย่อมต้องการให้แพทย์เป็นผู้ลงมือทำเอง ทว่าหากต้องการได้รับการฉีดยาหรือเจาะเลือด.. ก็ย่อมต้องการให้พยาบาลเป็นผู้ลงมือ .โดยเฉพาะตัวแพทย์หรือพยาบาลเอง(รู้ดี รู้มาก) ..ย่อมเรียกร้องให้พยาบาลผู้มากประสบการณ์เป็นผู้ลงมือฉีดยาหรือเจาะเลือดเอง ...คนไข้ที่เวียนเข้าออกรพ.บ่อย ๆ รู้ดีว่า แพทย์ทั่ว ๆ ไปนั้นเมื่อจบออกมาจากรร.แพทย์แล้ว....อาจจับมีดผ่าตัดได้คล่องแคล่ว แต่การจับเข็มฉีดยานั้น มันคนละเรื่องกันแลย.!!!!
....
.......
ความจริงแล้วปัญหาการเกิด Sciatic nerve injury นั้น มีมานานแล้ว...ไม่ได้เกิดเฉพาะเมืองไทย ยาที่ใช้ก็เป็นยาเก่าแก่ที่มีการติดตามการใช้ยาอย่างยาวนาน ในตปท.ก็มีรายงานแบบนี้เช่นกัน...มีการฟ้องร้องเช่นกัน.......วิธีจัดการปัญหาเป็นอย่างไร..ที่แน่ ๆ คือไม่เคยมีการห้ามพยาบาลฉีด และยิ่งไม่มีการบอกว่าแพทย์ต้องเป็นผู้ฉีดเอง
https://www.facebook.com/methee.wong.7/posts/3169910976369778
*********************************************
#ประกาศแพทยสภา
"เรื่อง การใช้ยาฉีด ไดโคลฟีแนค (Diclofenac)"
.
แพทยสภามีหน้าที่ทำให้การรักษามีมาตรฐานและคุณภาพที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยและให้ความรู้แก่ประชาชน และส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพทางการแพทย์ แพทย์จะร่วมรับผิดชอบต่อผลการรักษาที่เกิดจากทีมสหสาขาวิชาชีพเสมอ
.
แพทยสภาตระหนักดีว่า การใช้ยาทุกขนานมีทั้งเกิดผลดีและฤทธิ์ที่ไม่พึงประสงค์หรืออาการแพ้ได้ แพทย์จะดูแลการใช้ยาให้ตรงตามข้อบ่งใช้ ระมัดระวังการเกิดฤทธิ์ที่ไม่พึงประสงค์หรืออาการแพ้ และแก้ไขอย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์และอาการแพ้ดังกล่าว เมื่อเกิดเหตุที่ไม่พึงประสงค์หรืออาการแพ้ แพทยสภาจะช่วยประเมินว่า กระบวนการรักษาดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาหรือไม่ หากตรวจพบว่า มีจุดที่สมควรจะพัฒนาในกระบวนการรักษาให้ดีขึ้น เพื่อลดการเกิดฤทธิ์ที่ไม่พึงประสงค์หรืออาการแพ้ดังกล่าว แพทยสภาจะช่วยให้ความรู้และให้ข้อเสนอแนะในกรณีดังกล่าวแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนากระบวนการรักษาต่อไป
.
แพทยสภาเห็นว่า ยา Diclofenac มีประโยชน์ทางการแพทย์และมีข้อบ่งใช้ เป็นยาที่มีราคาถูก อยู่ในบัญชียาหลัก มีการใช้แพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ สามารถบริหารได้ทั้งการกินโดยใช้ชนิดเม็ดหรือชนิดยาซองละลายน้ำ ยาเหน็บและยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหยดเข้าหลอดเลือดดำ
.
การฉีดยา Diclofenac เข้ากล้ามเนื้อ สามารถฉีดได้ด้วยความระมัดระวัง และให้ติดตามอาการข้างเคียงหลังการฉีดเช่นเดียวกับยาขนานอื่น การกินยาอาจจะออกฤทธิ์ช้ากว่าการฉีดยาได้บ้าง
.
การให้ยา Diclofenac อีกวิธีหนึ่งคือ การให้ยาแบบหยดเข้าหลอดเลือดดำ แพทยสภามีคำแนะนำ วิธีการให้ยา Diclofenac หยดเข้าหลอดเลือดดำ ดังนี้
.
๑. ห้ามฉีดทั้งแบบ bolus หรือ push
.
๒. ให้ผสมยา Diclofenac กับ NSS หรือ D5W ที่มีปริมาณ ๑๐๐ ถึง ๕๐๐ มล. ก่อน แล้วเติมสารละลาย Sodium Bicarbonate เป็นสาร buffer ในปริมาณ ๐.๕ มล. หากใช้ NaHCO3 ชนิดความเข้มข้นร้อยละ ๘.๔ หรือในปริมาณ ๑.๐ มล. หากใช้ NaHCO3 ชนิดความเข้มข้นร้อยละ ๔.๒
.
๓. เขย่าขวดหรือถุงให้ยาละลายเข้ากัน จะต้องได้สารละลายสีใสก่อนจะเริ่มหยดให้ทางหลอดเลือดดำ
.
๔. โดยทั่วไป ให้หยดนาน ๓๐ นาทีถึง ๑ ชั่วโมง
#ขนาดยาที่หยดเข้าหลอดเลือดดำตามข้อบ่งใช้
#ข้อบ่งใช้ในการลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด
.
• ควรใช้ขนาด ๗๕ มก. หยดเข้าหลอดเลือดดำนาน ๓๐ นาทีถึง ๒ ชั่วโมง อาจจะให้ซ้ำอีกครั้งได้หลังจากให้ครั้งแรก ๓ ชั่วโมง แต่ไม่ควรยาให้เกิน ๑๕๐ มก. ต่อ ๒๔ ชั่วโมง
ข้อบ่งใช้ในการป้องกันความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด
.
• ควรใช้ขนาด ๒๕-๕๐ มก. หยดเข้าหลอดเลือดดำนาน ๑๕ นาทีถึง ๑ ชั่วโมง และให้หยดยาแบบต่อเนื่องในขนาด ๕ มก.ต่อ ชม. แต่ไม่ควรให้เกิน ๑๕๐ มก. ต่อ ๒๔ ชั่วโมง
.
#ข้อควรหลีกเลี่ยงการให้ยา_Diclofenac_หยดเข้าหลอดเลือดดำในผู้ป่วยที่มีภาวะดังนี้
.
1. กำลังได้รับยา NSAID หรือยา Anticoagulant รวมถึง Heparin ร่วมด้วย
.
2. มีประวัติเลือดออกง่าย เช่น ในระบบทางเดินอาหารและในระบบประสาท
.
3. มีประวัติเป็นหอบหืด ลมพิษ
(โดยเฉพาะผู้เป็นหอบหืดจากการได้ยา แอสไพริน, Ibuprofen หรือ NSAID)
.
4. มีภาวะไตพิการโดยมีค่า Serum Creatinine มากกว่า ๑.๘ มก./ดล. หรือ ๑๖๐ ไมโครโมลต่อลิตร
.
5. มีภาวะ Hypovolemia หรือขาดสารน้ำชัดเจน
.
#เอกสารอ้างอิง
.
1. Campbell WI, Watters CH. Venous sequelae following I.V. administration of diclofenac. Br J Anaesth 1989;62:545-547.
.
2. McNicol ED, Ferguson MC, Schumann R. Single-dose intravenous diclofenac for acute postoperative pain in adults. Cochrane Database of Systematic Reviews 2018, Issue 8. Art. No.: CD012498. DOI: 10.1002/14651858.CD012498.pub2
.
3. Hoy SM. Diclofenac sodium bolus injection (Dyloject(TM)): a review in acute pain management. Drugs. 2016 Aug;76(12):1213-20. doi: 10.1007/s40265-016-0619-7.
#แพทยสภา : 21 มกราคม 2563
หมายเหตุ: คณะกรรมการแพทยสภารับรองในการประชุมครั้งที่ 1/2563 วันที่ 9 มกราคม 2563
https://www.facebook.com/ittaporn/posts/2840885359305585
*************************************************
เพิ่มเติม จากเฟส Ittaporn Kanacharoen
https://www.facebook.com/ittaporn/posts/2840885359305585
ประกาศแพทยสภาเรื่อง Diclofenac 21 มค.2563
"แพทยสภาเห็นว่า ยา Diclofenac มีประโยชน์ทางการแพทย์และมีข้อบ่งใช้ เป็นยาที่มีราคาถูก อยู่ในบัญชียาหลัก มีการใช้แพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ สามารถบริหารได้ทั้งการกินโดยใช้ชนิดเม็ดหรือชนิดยาซองละลายน้ำ ยาเหน็บและยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหยดเข้าหลอดเลือดดำ
.
การฉีดยา Diclofenac เข้ากล้ามเนื้อ สามารถฉีดได้ด้วยความระมัดระวัง และให้ติดตามอาการข้างเคียงหลังการฉีดเช่นเดียวกับยาขนานอื่น การกินยาอาจจะออกฤทธิ์ช้ากว่าการฉีดยาได้บ้าง
.
การให้ยา Diclofenac อีกวิธีหนึ่งคือ การให้ยาแบบหยดเข้าหลอดเลือดดำ แพทยสภามีคำแนะนำ วิธีการให้ยา Diclofenac หยดเข้าหลอดเลือดดำ ดังนี้..."
************************************************
บล๊อก ที่เกี่ยวข้อง
ศาลฎีกาได้พิพากษากลับ กรณีที่ผู้ป่วยแพ้ยาฉีด diclofenac ให้แพทย์และรพ.ชดใช้แก่ทายาทผู้ตาย
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=29-09-2022&group=27&gblog=66
แนะถอน ‘ยาไดโคลฟีแนค’ ออกจาก รพ.สต. ก่อนมีความชัดเจนว่ามีผลต่อเส้นประสาทหรือไม่
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=11-01-2019&group=27&gblog=65
สภาการพยาบาลออกประกาศ ห้ามพยาบาลฉีดยา ไดโคลฟีแนค ... (ลำดับเหตุการณ์จากเวบ hfocus และ FB )
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=24-12-2019&group=27&gblog=61
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ( เอนเสด ) ... ไม่ใช่ขนมนะครับ จะได้กินกันไปเรื่อย ...
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=08-08-2008&group=28&gblog=3
แพ้ยา ผลข้างเคียงของยา ???
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=13-06-2008&group=28&gblog=1