ร่าง พรบ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ... ปัญหา หรือ โอกาส ...
สืบเนื่องจากกระทู้นี้ .. ใครยังไม่ได้อ่าน ก็อยากให้เข้าไปลองอ่านในกระทู้ก่อนนะครับ L9437140 "หมอ-รพ."ช็อก ! กม.คุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสธ. ลากหมอติดคุก-จ่ายค่าสินไหม โทษแรงกว่าในสหรัฐ หมาป่าดำ (71 - 11 ก.ค. 53 05:10) //www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9437140/L9437140.html โดยเฉพาะตัวร่าง พรบ. จาก คห. ๕๕ คุณ ผู้สังเกตการณ์ ได้รวบรวมมาไว้แล้ว โหลดมาอ่านได้เลย .. ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการ สาธารณสุข พ.ศ. .... (นางสาวสารี อ๋องสมหวัง กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 10,631 คน เป็นผู้เสนอ)//library2.parliament.go.th/giventake/content_hr/d051253-13.pdf ผมก็ขอแจมหน่อย เลือกมาเฉพาะ สิ่งที่มีใน พรบ. นี้ เท่านั้น นะครับ .. ไม่งั้นก็จะกว้างเกินไป คุยกันไม่จบ .. คนที่ทุกข์ร้อนก็สมควรได้รับการช่วยเหลือ .. อันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง ตรงนี้ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง ... ถ้าอ่านดู ก็จะเห็นว่าจะได้หรือไม่ได้ เข้าข่าย พรบ.นี้หรือไม่ ก็ต้องอ้างอิงกับ "มาตรฐานวิชาชีพ" .. ซึ่งต้องอาศัยความรู้ทางวิชาการ .. แต่ถ้ามาดู กรรมการตัดสิน ...กลับไม่มีคณะกรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการแพทย์ แล้วจะพิจารณาในเรื่องความเสียหาย...ในเชิงวิชาการได้อย่างไร ( ถ้าบอกว่า ให้เป็น คณะอนุกรรมการฯ ซึ่งเสนอความเห็นได้ แต่ลงมติไม่ได้ ผมว่า ไม่พอนะครับ ) ยิ่งมาดูวิธีการตัดสิน .. ใช้เสียงข้างมาก ??? คกก. ที่ตัดสิน ไม่ได้มีความรู้ด้านวิชาการ แล้วจะตัดสินได้อย่างไรว่าเหมาะว่าควร ถูกต้อง หรือ ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ??? อีกประเด็นก็คือ .. คกก. ไม่ใช่เจ้าของเงิน .. จ่ายไป ตนเองก็ไม่เดือดร้อน แถมได้หน้า ได้ชื่อว่า มีจิตใจเมตตา ช่วยเหลือคนทุกข์ร้อน ในทางกลับกัน ถ้าไม่จ่ายหรือค้ดค้าน ก็จะถูกสื่อหรือประชาชน ประนาม ตนเองเดือนร้อนเสียชื่อ .. ต่อมาเป็นประเด็นเรื่องของ กองทุน ..ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ... จะเห็นได้ว่า เรื่องนี้ ไม่ใช่ เรื่อง ของ " หมอ " เท่านั้น .. ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมหมดทุกฝ่าย ทั้ง แพทย์ พยาบาล ทันตะ เภสัช กายภาพ เทคนิกการแพทย์ (แลป) .. โดนหมด ในส่วนของ เอกชน คลินิก แลป รพ.เอกชน .. ไม่ต้องห่วงครับ เพราะ บวกค่าใช้จ่ายความเสี่ยงนี้ เข้าไปเพิ่มอีกนิดหน่อย ไม่มีปัญหา ..แต่ ประชาชน ก็ต้องจ่ายเพิ่ม ??? ในส่วนของ รพ. รัฐ ก็ต้องหาเงินมาเพิ่มเข้าไปในกองทุนนี้ .. แล้วจะเอามาจากไหน ก็ต้องเอามาจาก เงินงบประมาณ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่พออยู่แล้ว ??? ต้องไปลดค่าใช้จ่ายอย่างอื่น ซึ่งง่ายที่สุด และเป็นค่าใช้จ่ายมากที่สุดก็คือ " ค่ายา " ..แล้วผลที่ตามมาก็คือ ผู้ป่วยที่ใช้ยา อาจได้รับยาที่คุณภาพ ลดลง ตรงนี้อยากเน้นที่คำว่า " รู้ถึงความเสียหาย" ผ่านไปกี่ปี ถ้าบอกว่า พึ่งรู้ .. ก็ใช้ได้เลย ... กฏหมายแพ่ง อาญา ยังมีกำหนดไว้ แต่นี่เปิดยาววววว แถม ถ้าไปฟ้องแล้ว ศาลยกฟ้อง ก็กลับมาขอใช้ พรบ.นี้ได้อีก ??? ประมาณว่า ก่อนฟ้อง ก็ได้ไป .. แต่ถ้าได้แล้วไม่พอใจ ก็ฟ้องได้ .. ฟ้องแล้ว แพ้ (ยกฟ้อง) ก็กลับมาขอได้อีก .. ยังไม่พอ .. ถ้าท่านโทรมาในสิบนาทีนี้ เรายังมีโปรโมชั่นเพิ่มเติมให้ท่านอีก .. ทำสัญญายอมความไปแล้ว .. ก็ยังกลับมาขอได้อีก มาต่อประเด็นเรื่องคดีอาญา ไม่รู้จะเขียนไปทำไม ในเมื่อมันเป็นอำนาจ ของ ศาลอยู่แล้ว .. มิใช่หรือ ??? ที่หนักกว่า ก็คือ ตรงนี้ ... ในความเห็นของผม คิดว่า ประเด็นนี้ให้อำนาจกับ คกก.มากเกินไปหรือเปล่า ?? พอดีไม่เห็นมีรายละเอียดเพิ่มเติม ใน พรบ. อาจตีความไปว่า คกก. มีอำนาจในการตัดสิน ปรับ จำคุก แทน " ผู้พิพากษา " ??? บางที ผมอาจคิดมากไปเองก็ได้ แต่ ถ้าไม่ใช่ ..ก็น่าจะเขียนให้รัดกุมกว่านี้ .. ประเด็นที่ผมอยากจะเพิ่มเติม นิดหน่อย ... ๑. การฟ้องอาญา ... แพทย์ หรือใครก็ช่าง ไม่มีสิทธิพิเศษ ที่จะยกเว้นไม่ให้ฟ้องอาญา ( ใน พรบ.นี้ ก็ไม่ได้บ่งบอกชัดเจน ยกเว้นใน มต.๔๖ ) ๒. ความจำเป็นในการออก พรบ.นี้ .. ผมดูแล้ว หลักก็คือ "ออกมา เพื่อเพิ่มช่อง การชดเชย ให้กับผู้ป่วย " ประเด็นเดียวเท่านั้น เพราะช่องทางการฟ้องร้องร้องเรียน ตามกฏหมายผ่านทางศาล ก็ยังมีเหมือนเดิม ..ดูแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี สำหรับผุ้ที่ได้รับความเดือดร้อน .. แต่ อยากให้ปรับเรื่องคุณสมบัติของ คกก. และ อำนาจ ของ คกก. ๓. ความซ้ำซ้อน ของกองทุน การจ่ายเงินเข้ากองทุน - จ่ายแล้ว ผู้ป่วยไม่พอใจ ... รพ.เอกชน คลินิก รพ.รัฐ ... ก็ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายอีกรอบ เพื่อตกลงนอกรอบ หรือ เพื่อดำเนินคดีฟ้องร้อง ในฐานะ "จำเลย" ... แล้วเงิน ที่จ่าย จ่ายไปทำไม ??? จะอ้างว่า เหมือนประกันชีวิต ประกันภัย .. เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข ก็ต้องบอกว่า ไม่เหมือนเลย เพราะ ประกันชีวิต ประกันภัย ลูกค้าต้องร่วมจ่าย .. บริษัทประกัน ไม่ต้องมาร่วมจ่ายเบี้ยด้วย เก็บเบี้ยอย่างเดียว .. พอเกิดความเสียหาย บริษัทถึงจ่าย แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น บริษัทรับไปเป็นกำไร แต่ ในกรณีของ พรบ.นี้ .. ลูกค้า (คนไข้) ไม่ต้องจ่าย ... รพ. คลินิก ฯลฯ (คล้ายกับบริษัท ผู้ให้ประกัน) ต้องร่วมจ่าย.. ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จ่ายฟรี ??? ถ้าอ้างว่า ผู้ป่วย ร่วมจ่ายเป็นภาษี .. แล้วหมอ เจ้าหน้าที่ รพ.เอกชน รพ.รัฐ ฯลฯ ไม่ต้องจ่ายภาษีหรือ ??? ถ้าจะบอกว่า เป็นการประกันความเสี่ยงของ หมอ เจ้าหน้าที่ ฯลฯ ก็แปลก ๆ อีก .. เพราะเป็นการบังคับ ไม่ใช่สมัครใจที่จะยอมรับ ความเสี่ยงเอง หรือ ทำประกันเพื่อลดความเสี่ยงของตนเอง ... พรบ.นี้ มีข้อดี ที่ช่วยเหลือกับ ผู้ที่ได้รับความเดือนร้อน ( ซึ่งผม ครอบครัว พี่น้องผม ก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ) .. แต่ อยากให้มองถึงภาพในมุมกว้าง ในมุมของ ผู้ให้บริการสาธารณสุข บ้าง ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร .. สำหรับ เอกชน ไม่ว่าจะเป็น คลินิก หรือ รพ.เอกชน ไม่ต้องห่วง ..เขามีระบบ มีวิธีจัดการปัญหาอยู่แล้ว.. แต่คนที่จะกระทบมากที่สุด ก็คือ รพ.รัฐ .. คนไข้เยอะ หมอน้อย ความผิดพลาด ก็เยอะตามไปด้วย .... คดีฟ้องร้องระยะ ๒ - ๓ ปีนี้ เกือบทั้งหมดเป็น ของ รพ.รัฐ .. คนที่พูดว่า " หมอทีดี ๆ ไม่ต้องกลัวโดนฟ้อง ไม่มีใครอยากฟ้องหมอหรอก " หรือ " ถ้าหมอทำดี ฟ้องไป ศาลก็ยกฟ้อง หรือถ้าศาลตัดสินว่า หมอพลาด ทำผิด รัฐ ก็เป็นคนจ่ายเงินแทน หมอไม่ต้องจ่าย " ... คนเหล่านี้ ยังไม่เคยโดนฟ้อง เลยไม่รู้ว่า คนที่ถูกฟ้องร้อง นั้นรู้สึกอย่างไร ... ผมได้เห็นแพทย์ที่ถูกฟ้อง แล้วศาลยกฟ้อง หลังจากผ่านไป ๔ ปี .. ศัลยแพทย์ ๑ คน เลิกผ่า เลิกเป็นหมอศัลยกรรม ..หมอเด็ก ก็ขอย้ายไปอยู่ รพ.ที่ใหญ่กว่า .. แพทย์ใช้ทุน ที่ขอทุนศัลยกรรม ก็เปลี่ยนไปขอทุนอื่น แพทย์ใช้ทุนอีกท่านที่คิดว่าจะกลับมาอยู่ รพ. ก็ขอไปอยู่ รพ.อื่นที่ใหญ่กว่า .. ไม่นับรวมถึง แพทย์ ใน รพ.เล็ก ๆ ใกล้เคียงที่เคยผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่าตัดคลอด ทำหมัน เย็บเส้นเอ็นใน รพ.ชุมชน ตอนนี้ก็ไม่ทำ ส่งต่อมา เพราะไม่อยากเสี่ยง นี่เป็นแค่ตัวอย่างที่ผมพบด้วยตัวผมเอง เป็นประสบการณ์ตรง .. ผมจึง ไม่เคยเชื่อว่า " หมอโดนฟ้อง แล้วไม่เดือนร้อน ไม่ต้องกลัว "
Create Date : 11 กรกฎาคม 2553
Last Update : 11 กรกฎาคม 2553 16:36:28 น.
28 comments
Counter : 4524 Pageviews.
โดย: NuHring วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:13:02 น.
โดย: quilt วันที่: 12 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:57:51 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:57:52 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:00:58 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:01:20 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:01:57 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:02:25 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:02:48 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:03:57 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:04:37 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:05:04 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:05:27 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:06:00 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:06:20 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:07:31 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 21 พฤศจิกายน 2559 เวลา:14:26:51 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 16 มกราคม 2560 เวลา:13:07:18 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 16 มกราคม 2560 เวลา:13:22:16 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 17 มกราคม 2560 เวลา:2:19:37 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 17 มกราคม 2560 เวลา:16:42:49 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 20 มกราคม 2560 เวลา:21:21:35 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 20 มกราคม 2560 เวลา:21:22:08 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 20 มกราคม 2560 เวลา:21:22:35 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 20 มกราคม 2560 เวลา:21:23:16 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 20 มกราคม 2560 เวลา:21:24:11 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 25 มกราคม 2560 เวลา:17:28:15 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:20:44:48 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 5 กันยายน 2560 เวลา:17:05:22 น.
หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [? ]
ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ ) หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป ) นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู ) ปล. ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..
บอกแค่ว่า เราต้องการเพียงแค่กองทุนเพื่อเยียวยาเท่านั้น
แต่ สิ่งที่ออกมา ทำให้ทุกจุดของระบบบริการสุขภาพเดือดร้อน ระส่ำระสาย.....แล้วผลสุดท้ายจะตกที่ผู้ป่วยเท่านั้นเอง
ถ้าถามว่า ไม่เห็นด้วยในทุกข้อไหม...ก็ไม่
แต่ข้อที่ไม่เห็นด้วยอย่างมาก ก็คือ
คณะกรรมการ กับการตัดสินพิจารณาความผิด โดยไม่เอาความคิดเห็นทางด้านการแพทย์เข้าร่วม....อันนี้ใครคิดเนี่ย ไม่เข้าใจเน๊อะพี่