วิตามิน อาหารเสริม ... โทษมากกว่าคุณ ??? .... จาก นสพ.ไทยรัฐ
นสพ.ไทยรัฐ
วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ.2553
//www.thairath.co.th/today/view/77445
โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดสมอง
นายแพทย์สงวนศักดิ์ ฤกษ์ศุภผล คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า สาเหตุหลักส่วนใหญ่ของโรคเรื้อรังเหล่านี้ มาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ความเครียด การขาดการออกกำลังกาย และ...ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระใน ร่างกายต่ำ
"ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้ตนเองล่วงหน้าว่าป่วยเป็นโรค ร้ายต่างๆ เนื่องจากขาดอาการบ่งชี้ของโรค ขาดการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เราจึงมักพบผู้ป่วยจำนวนมาก ที่ตรวจพบเจอโรคร้ายในระยะสุดท้าย หรือเสียชีวิตก่อนทำการรักษาไปอย่างน่าเสียดาย..."
คุณหมอสงวนศักดิ์ บอกว่า ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายสามารถบ่งชี้สุขภาพของบุคคลได้ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระเป็นด่านแรกในการปกป้องเซลล์จากการจู่โจมของอนุมูล อิสระที่เป็นตัวการทำร้ายร่างกายอันเกิดจากมลภาวะ ควันบุหรี่ แสงแดด การดำรงชีวิตประจำวันของคนไทยปัจจุบัน
ปกติแล้วในร่างกายของเราจะมี ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระด้วยเอนไซม์ที่ร่างกายสร้างขึ้น ซึ่งร่างกายจะต้องได้รับสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลายอย่างเพียงพอ
เพื่อให้ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายสามารถทำงานได้ เต็มประสิทธิภาพ และกำจัดเอาของเสียเหล่านี้ออกไปจากร่างกาย
คุณหมอ สงวนศักดิ์ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยและอุปกรณ์ เครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ตรวจวัดค่าเฉลี่ยสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อหาความสัมพันธ์ที่มีผลต่อสุขภาพ
ผลการเก็บข้อมูลจากอาสาสมัคร คนไทย 80 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ 40 คน และคนสุขภาพแข็งแรงจำนวน 40 คน พบว่า...
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจมี ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกายต่ำกว่าคนสุขภาพแข็งแรงเกือบ 2 เท่า
อีกทั้ง คนไทยทั่วไปยังมีค่าเฉลี่ยสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในระดับต่ำ ประมาณ 10,000-30,000 ซึ่งเป็นระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆได้
คนไทยควรจะมีค่าสารต้านอนุมูลอิสระในระดับ 50,000 ขึ้นไป ซึ่งเป็นค่าที่มีความสอดคล้องกับระดับแคโรทีนอยด์ในเลือด และเป็นระดับที่บ่งชี้ว่าบุคคลนั้นมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังเหล่า นี้ น้อยกว่าคนที่มีค่าสารต้านอนุมูลอิสระต่ำ
คุณหมอสงวนศักดิ์ บอกว่า สำหรับเครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ (Biophotonic Scanner) เป็นนวัตกรรมใหม่ ค้นคว้าวิจัยโดย ดร.เวอร์เนอร์ เกลเลอร์แมน สถาบันเลเซอร์ แผนกฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ใช้พื้นฐานเทคโนโลยีรามาน สเปคโตรสโคปี โดยเซอร์ซีวี รามาน เจ้าของรางวัลโนเบล
วัดระดับแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนังมนุษย์ด้วยแสงเลเซอร์พลังงานต่ำ โดยไม่ต้องเจาะเลือด แต่ได้ค่าที่แม่นยำเทียบเท่ากับการเจาะเลือด ทำให้ทราบถึงระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้อย่างง่ายดาย และปลอดภัย ภายในเวลา 3 นาที
เหล่านี้คือความสำคัญของอนุมูลอิสระ คุณหมอสงวนศักดิ์แนะอีกว่า วิธีดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคร้าย สิ่งสำคัญคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่
"เน้น การรับประทานผักสด ผลไม้หลากสี...เพื่อเสริมสร้างปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายให้เพียงพอ"
ผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณมาก ได้แก่ คะน้า มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง และมะเขือม่วง อีกทั้งยังต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายให้เสียเหงื่ออย่างสม่ำเสมอ
หมั่นตรวจสุขภาพเป็น ประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อรู้เท่าทัน เตรียมพร้อมรับมือโรคร้ายได้อย่างทันท่วงที
สุดท้ายอย่าลืมข้อ เลี่ยงสำคัญคือ มลภาวะและความเครียด
ขอแทรกความเห็น ไว้ก่อนว่า ผมไม่เชื่อเครื่องแบบนี้ นะครับ ...
สำหรับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่โฆษณาสรรพคุณว่า สามารถช่วยเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เสริมภูมิต้านทานโรคร้ายได้นั้น พญ.อภิญญ์เพ็ญ สาระยา ให้ทรรศนะร่วมกับ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เอาไว้ว่า
อาหาร เสริม...วิตามิน...สมุนไพรบางประเภทถึงจะไม่ผ่านการรับรอง แต่ก็เป็นที่ยอมรับของประชาชน ด้วยความเชื่อที่ว่า...อะไรที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีพิษมีภัย
และอะไรที่ขายในต่างประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ย่อมจะเป็นของดี
ในความเป็นจริงการขายอาหารเสริม อย่างเสรีในอเมริกาเกิดจากการล็อบบี้ต่อสภาคองเกรสของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทุนหลายพันล้านดอลลาร์
โดยบริษัทอ้างว่าเป็นเสรีภาพของประชาชนที่จะตัดสินใจเลือกบริโภคด้วยตัวเอง
อาหาร เสริมสมุนไพรเหล่านี้ แม้ว่าจะผ่านตรา อย. ก็ไม่ได้หมายความว่า มีข้อพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพจริง
"อย.จะเข้าตรวจสอบก็ต่อเมื่อ เกิดผลอันตรายขึ้นมาแล้ว"
ประเทศไทยมีการโฆษณาอาหารเสริมอย่าง ถี่ยิบ ด้วยรูปแบบการตลาดขายตรง ทั้งยังโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงผ่านผู้แทนการขาย
อีกทั้งยังแฝงด้วย การใช้ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นนักวิชาการ แพทย์ เภสัชกร อธิบายสรรพคุณผ่านสื่อ โทรทัศน์ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต
สรรพคุณมุมมอง ดีๆผ่านสื่อเหล่านี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนทั่วไปอยากสุขภาพดี ยังมีคนไข้เจ็บป่วยจริงๆเจียดเงินมาซื้อผลิตภัณฑ์ เหล่านี้ จนละเลยการรักษาที่ถูกต้อง
ในท้ายที่สุด ผู้ป่วยก็ประสบเคราะห์กรรม หรือไม่ ผลิตภัณฑ์ก็มีปฏิกิริยาต่อยาปัจจุบัน...เกิดผลร้ายแรงกับคนไข้
คุณ หมอธีระวัฒน์ ยกตัวอย่าง กรณีค่อนข้างใกล้ตัว...วิตามินอี
"วารสาร นิวอิงแลนด์และแลนเซ็ท ฉบับมกราคม 2543 และ 2544 จนถึงปัจจุบันยืนยันว่า...วิตามิน E ไม่ช่วยป้องกันเส้นเลือดตีบ"
แม้ ว่า วิตามินอี อาจจะชะลอโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ได้เล็กน้อย แต่ผลข้างเคียงรุนแรงกว่า หากใช้ในขนาดตั้งแต่ 400 หน่วยต่อวัน กลับทำให้ เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
วิตามิน B6, B12 และ folic acid เดิมเชื่อกันว่า...ลดสาร homocysteine ซึ่งก่อให้เกิดเส้นเลือดตีบในหัวใจ สมอง และขา กลับพบว่าทำให้เป็นโรคเส้นเลือดตีบมากขึ้น และก่อให้เกิดอันตรายเพิ่มขึ้น
ไม่เว้นแต่...วิตามินเบตาแคโรทีน (Beta carotene) ที่เชื่อว่า... กันมะเร็ง เมื่อนำไปศึกษากลับพบว่าก่อมะเร็งในปอดมากขึ้น
ข้อมูลเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการอ่านแล้วน่าเบื่อ... แต่ขอให้รู้เอาไว้ว่า อาหารเสริมใช่จะมีสรรพคุณเลิศเลอ แต่ยังแฝงไปด้วยโทษถึงชีวิต
วารสาร แลนเซ็ท มกราคม 2549 การศึกษาในประชากรมากกว่า 250,000 ราย พบว่า การทานผัก ผลไม้ช่วยลดการเกิดอัมพาต อัมพฤกษ์ ได้ถึง 30%...ทำให้อัตราการเกิดมะเร็งลดลง ซึ่งไม่มียาตัวใด มีสรรพคุณยอดเยี่ยมเช่นนี้
"ทานผัก ผลไม้ หลากหลายชนิด อย่างน้อยวันละ 3-5 ครั้ง เป็นวิธีธรรมชาติที่ดีที่สุด แถมไม่เสียสตางค์เพิ่มจากค่าอาหารที่ต้องใช้ทุกวัน"
คุณหมอธีระวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย.
Create Date : 19 เมษายน 2553 |
Last Update : 19 เมษายน 2553 15:59:40 น. |
|
7 comments
|
Counter : 5850 Pageviews. |
|
|
|
|