Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

ภัยจากนามบัตร ยาป้าย ยาสลบ ( ใครที่มีสุตรยาป้าย ถ้าได้ผลจริง มีคนให้เงินล้าน ไม่ต้องไปป้ายข้างถนน)







ได้รับ FW mail เนื้อหาในเมล์ ดังนี้...

ภัยจากนามบัตร


หญิงคนหนึ่ง ไปเติมแก็สที่ปั้มแก็ส มีชายมาเสนอบริการทาสี โดยยื่นนามบัตรให้ หญิงคนนั้นก็รับมาอ่าน แล้วถือเข้ามาในรถด้วย สักครู่เมื่อขับรถออกมาจากปั้มแก็ส ก็สังเกตว่าชายคนนั้นขับรถตามมา และเธอก็รู้สึกว่า หายใจไม่ค่อยออก เธอรับเปิดหน้าต่าง และตระหนักว่า กลิ่นนั้นมาจากมือของเธอเอง ซึ่งเป็นมือข้างที่เธอรับนามบัตรมาจากชายคนนั้น

เธอตัดสินใจขับรถและกดแตรดังไปตลอดทางเพื่อขอความช่วยเหลือ ชายคนนั้นจึงขับรถหนีไป

ยาที่ป้ายบนนามบัตร คือ ยา BURUNDANGA เพิ่อให ้เราหมดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วเจ้าตัวร้ายก็จะขโมยของและหรือข่มขืนเรา โดยยานี้มีประสิทธิภาพแรงกว่ายาที่ใช้ข่มขืนสาวๆ ถึง 4 เท่า

ดังนั้นอย่ารับ กระดาษ นามบัตร แผ่นพับ จากคนแปลกหน้านะจ๊ะ !!!! หรือแม้แต่คนที่แจกโฆษณา

ฝากส่งต่อเยอะ ๆ เลยนะจ๊ะ

..................

อ่านแล้วแปลก ๆ ก็เลยไปถามอากู๋ ได้ความว่า ...



Results 1 to 10 of about 29,900 for BURUNDANGA (0.02 Seconds)

//search.conduit.com/Results.aspx?q=BURUNDANGA&hl=th&SelfSearch=1&ctid=CT461365&octid=CT461365&start=0


เยอะมาก ๆ เลย ... แสดงว่า ส่งต่อกันไปทั่วโลกแล้ว ...
เข้าไปดูเวบนี้ ... โห .. เนื้อหาเหมือนกัน เป๊ะ ๆ .... ไม่รู้ว่าใคร ลอกใคร ???


//urbanlegends.about.com/od/crime/a/burundanga.htm

Description: Email rumor
Circulating since: May 2008
Status: Mostly false

Variant #1:
Email example contributed by Cally, Aug. 25, 2008:

Subject: BE AWARE! READ THIS GIRLS!

Share with your sisters, daughters, nieces, mothers, female friends, EVERYONE.

NEW WARNING!! Incident has been confirmed

In Katy, Tx a man came over and offered his services as a painter to a female putting gas in her car and left his card. She said no , but accepted his card out of kindness and got in the car. The man then got into a car driven by another gentleman. As the lady left the service station and saw the men following her out of the station at the same time. Almost immediately, she started to feel dizzy and could not catch her breath. She tried to open the window and realized that the odor was on her hand; the same hand which accepted the card from the gentleman at the gas station.

She then noticed the men were immediately behind her and she felt she needed to do something at that moment. She drove into the first driveway and began to honk her horn to ask for help. The men drove away but the lady still felt pretty bad for several minutes after she could finally catch her breath. Apparently there was a substance on the card and could have seriously injured her. The drug is called 'BURUNDANGA' and it is used by people who wish to incapacitate a victim in order to steal or take advantage of them.

Four times greater than date rape drug and is transferable on simple cards. So take heed and make sure you don't accept cards at any given time alone or from someone on the streets. This applies to those making house calls and slipping you a card when they offer their services.



Variant #2:
Email example contributed by Irene, May 12, 2008:

Warning...Be Careful!!

This incident has been confirmed. Ladies please be careful and share w/everyone you know!

This can happen anywhere!

And Another Warning . . . Last Wednesday, Jaime Rodriguez's neighbor was at a gas station in Katy. A man came and offered his neighbor his services as a painter and gave her a card. She took the card and got in her car.

The man got into a car driven by another person. She left the station and noticed that the men were leaving the gas station at the same time. Almost immediately, she started to feel dizzy and could not catch her breath.

She tried to open the windows and in that moment she realized that there was a strong odor from the card. She also realized that the men were following her. The neighbor went to another neighbor's house and honked on her horn to ask for help. The men left, but the victim felt bad for several minutes.

Apparently there was a substance on the card, the substance was very strong and may have seriously injured her.

Jaime checked the Internet and there is a drug called "Burundanga" that is used by some people to incapacitate a victim in order to steal or take advantage of them. Please be careful and do not accept anything from unknown people on the street.

Comments: Is there a drug called burundanga used by criminals in South America to incapacitate their victims? Yes.

Do news sources confirm that burundanga has been used recently to commit crimes in the United States? No, there have been no such reports.

The story above is a fabrication. Two details betray it as such:

1. The victim allegedly received a dose of the drug by simply touching a business card. (All sources agree that burundanga must be inhaled or ingested, or the subject must have prolonged topical contact with it, in order for it to have an effect.)

2. The victim allegedly detected a "strong odor" coming from the drug-laced card. (All sources agree that burundanga is odorless and tasteless.)

What is burundanga?

Burundanga is the street version of a pharmaceutical drug called scopolamine. It is made from the extracts of plants in the nightshade family such as henbane and jimson weed. It's a deliriant, meaning it can induce symptoms of delirium such as disorientation, loss of memory, hallucinations, and stupor.

You can see why it would be popular with criminals.

In powdered form scopolamine can be easily mixed into food or drink, or blown directly into victims' faces, forcing them to inhale it.

The drug achieves its "zombifying" effects by inhibiting the transmission of nerve impulses in the brain and muscles. It has several legitimate medicinal uses, including the treatment of nausea, motion sickness, and gastrointestinal cramps. Historically, it has also been used as a "truth serum" by law enforcement agencies. And, like its street cousin burundanga, scopolamine has frequently been implicated as a stupefying agent or "knockout drug" in the commission of crimes such as robbery, kidnapping, and date rape.


ภาคภาษาไทย มั่ง ... ก็ออกมาทำนองเดียวกัน ... คราวนี้อ้างข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเทคซัส ... แสดงว่า มันไปทั่วโลกจริง ๆ

//sites.google.com/site/thaihoax/Home/burundanga

BURUNDANGA ในนามบัตร: เมื่อรับนามบัตรที่มียาชื่อ BURUNDANGA อยู่ในเนื้อกระดาษ กลิ่นที่ติดมือทำให้ควบคุมตนเองไม่ได้ และอาจถึงหมดสติ; ใช้เพื่อปล้น หรือข่มขืนผู้หญิง.

คำสำคัญ: BURUNDANGA, หญิง, รับ, นามบัตร, อ่าน, อาการ, รถ,ชาย, ขับรถ, ตาม, หายใจไม่ค่อยออก, กลิ่น, มือ, หมดสติ, ควบคุมตนเองไม่ได้, ข่มขืน


คำวินิจฉัยจาก hoax-slayer.com และที่ web site ของ Texas State University, U.S.A.:

Burundanga เป็นชื่อยาจริง และเป็นยาช่วยในการก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะในโคลัมเบีย. รายงานจำนวนมากบอกว่าผู้ใช้ยาสามารถควบคุมเหยื่อได้. มีการกล่าวว่า เหยื่อเคราะห์ร้ายบางรายตื่นขึ้นหลายชั่วโมง หรือเป็นวันหลังโดนยา

Burundanga เป็นสารสกัดได้จากพืชดอกในจีนัส Brugmansia ซึ่งถิ่นต้นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้. ชื่ออื่นของยา burundanga คือ scopolamine ที่ใช้ในยาแผนปัจจุบัน เพื่อลดอาการคลื่นใส้ อาเจียน

ข้อมูลจาก drugs.com แจ้งว่าการได้รับยาเกินขนาดทำให้เกิดอาการ ง่วง, มึนงง, หงุดหงิด, ไข้, ชัก และลมบ้าหมู, จิตหลอน, หมดสติ, และตาย. แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ชี้ว่า เป็นสารที่ไม่มีกลิ่น สี และรส.

แม้เป็นยาจริง และมีผลทางสมองจริง แต่การกล่าวถึงยานี้เกินความจริง  เช่น

๑. รับยาจากการสัมผัสสิ่งของใด เช่น นามบัตร  ซึ่งปริมาณยา ที่จะดูดซึมผ่านผิวหนัง น้อยมาก ๆ  แต่ในขณะที่ จะต้องได้รับ ยาปริมาณ มาก จึงจะมีผลดังที่อ้างในเมล์   .. แค่ สัมผัส จึงเป็นไปไม่ได้

๒. BURUNDANGA ไม่มีสีไม่มีกลิ่น .. แต่ ในเมล์ บอกว่า ได้กลิ่น ?

๓. ไม่เคยมีรายงานทางการแพทย์ หรือ ข่าวในสื่อสิ่งพิมพ์ ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทำนองนี้ มีแต่เฉพาะส่งต่อผ่าน email  ... ไม่รู้สึกว่า มันแปลก ๆ บ้างหรือ ?



สรุปว่าเรื่องนี้ ... ไม่จริง ...


ข้อมูลเพิ่ม อ่านที่ //www.hoax-slayer.com/burundanga-warning.shtml

....................

ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ..  ก็ลองพิจารณา กันเอาเองนะครับ ...


แถม เรื่องยาป้าย ในห้องหว้ากอ .. เรื่องนี้ ฮอตฮิต ข้ามภพข้ามชาติ แต่ว่า ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเลย นอกจาก คำบอกเล่าของคนที่(อ้างว่า) ประสบเหตุ ?

ขอเขียนมั่ง ... ยาพ่น ยาป้าย อะไรมันจะง่ายปานนั้น ...วางยาคนอื่นอยู่ทุกวันยังทำไม่ได้เลย*

//topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/09/X8342569/X8342569.html

เพิ่งรู้วันนี้ว่ายาป้ายมีจริง

//topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/10/X11147226/X11147226.html


...................................

กรกฏาคม ๒๕๕๘  ..

"ป้ายยา" มีจริงหรือไม่ เรื่องเล่าจากประสบการณ์โดนป้ายยา  //pantip.com/topic/33879158

กระทู้ ยาป้าย ก็กลับมาอีกครั้ง แล้วก็ยังมีคนคิดคนเชื่อเหมือนกับที่ผ่านมา .. 

มีความเห็นที่น่าสนใจ.. คัดลอกมาบันทึกไว้เพิ่มเติม
อ้อ  .. ใครมีสูตรยาป้าย ถ้าพิสูจน์ว่าได้ผลจริง รับเงิน ๑ แสนบาท ทันที แล้วรับอีก ปีละ หนึ่งล้านบาท อีก ๒๐ ปี  จากคุณหมอแมวเหมียวพุงป่อง ...  คุณโจรป้ายยา ถ้ามีตัวตนจริง ก็ติดต่อได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา ไปป้ายยา ข้างถนน ได้ครั้งละไม่กี่พัน คุณหมอเขาประกาศมา ๗ ปีแล้ว .. ^_^

ความคิดเห็นที่ 10

เหตุการณ์เกิดกับเพื่อน....
เหตุการณ์เกิดกับญาติ....
เขาเล่าว่า....
ผมได้ยินมา....ได้ฟังมา
จากปากของคนที่โดนป้าย....แต่ไม่ใช่คนเล่า
เหตุการณ์จริง....จากคนอื่น

มีใครจะเปิดการ์ดป้องกันเพิ่มไหม ผมจะได้ดักไว้ก่อน
1. ไม่โดนกับตัวไม่รู้
2. ขอให้โดนกับตัวบ้าง
3. ขอให้พ่อแม่พี่น้องสาวญาติโกโหติกามันโดนเดินหน้าถอยหลังเจ็ดชั่วโคตร
4. เรื่องบางเรื่องหมอหรือนักวิทยาศาสตร์เองก็อาจจะยังไม่รู้ ....แต่โจรกระจอกรู้?
5. ไม่เชื่ออย่าลบหลู่? (เอ่อ...)

ยาป้าย-ป้านยา ไม่มีจริง ชีวิตจริงไม่ใช่หนังกำลังภายในที่จะกินยาแก้กันเอาไว้ก่อนได้
วิสัญญีแพทย์ร่ำเรียนหัวแทบแตก เพื่อให้วางยาคนไข้ "โดยที่คนไข้ไม่ตาย" แต่ยาป้าย สารพัดนึก ขนาดหมอเองก็ไม่รู้ จะใช้โดสเท่าไหร่ก็ได้ กับเพศไหนก็ได้ อายุเท่าไหร่ก็ได้ น้ำหนักตัวเท่าไหร่ก็ได้ ให้ผลเหมือนกันหมด ไม่เคยมีใครตายเพราะยาป้ายเลย

หลายกรณีบอกโดนป้ายในรถแท๊กซี่ถามจริงคนขับมันหายใจทางเหงือกเหรอถึงไม่โดนยาไปด้วย อากาศที่หายใจก็ห้องเดียวกัน ระยะใกล้กันขนาดนั้น มันคงไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ ชีวิตจริงไม่ใช่ภาพยนตร์จีน กินยาแก้ไว้ก่อนได้ ปัญญาอ่อน

การออกฤทธิ์

ยาสลบหรือยากดประสาท มันออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลาง ไม่ใช่ผิวหนัง บ้าหรือเปล่าทาผิว ป้ายผิว ลูบผิวแล้วสลบ เวลาหมอวางยาผ่าตัดยาสลบเขาวางทางสายน้ำเกลือโอเค
ว่าอาจจะมีรมแก๊สเพื่อยืดระยะเวลาระงับประสาทบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ส่วนใหญ่เข้าทางน้ำเกลือเพราะมันเร็ว ถ้ารมอย่างเดียวคงเป็นชั่วโมงกว่าจะสลบ ดีไม่ดีคนไข้ตายก่อนเพราะขาดอากาศ

ผิวหนังเองก็เป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ปกป้องร่างกาย มีหลายชั้น ครึมทาหน้าทาตัวยังซึมได้ แค่ชั้นหนังกำพร้า ขนาดยาคลายกล้ามเนื้อหรือลดปวดกว่าจะซึมถึงชั้นกล้ามเนื้อยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง

ส่วนยาป้ายวิเศษนี่อะไร ป้ายปุ๊ยออกฤทธิ์ปั๊บ วิ่งจากผิวหนังซึ่งเป็นอวัยวะที่มีมีอัตราการดูดซึมต่ำมากไปที่สมองส่วนกลางอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที ฉีดยาเข้าเส้นตรงๆ ยังไม่เร็วขนาดนี้

ประเด็นที่สำคัญคือการวางยาสลบนั้น วิสัญญีแพทย์จะต้องประชุมวางแผนกันก่อนว่าจะวางอย่างไรให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หรือวางแล้วผู้ป่วยไม่ตายไปเสียก่อนเขาร่ำเรียนกันหลายปีกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้

//www.nkp-hospital.go.th/institute/unconsciousness/p6-2.php


การวางยาสลบในขั้นตอนการผ่าตัด ขนาดวิสัญญีแพทย์เขาคำนวณแล้วคำนวณอีกก็ยังผู้ป่วยบางรายอ้วกแตกอ้วกแตน คลื่นเหียนกินข้าวปลาอาหารไม่ได้ หรือหยุดหายใจไปเลยก็มีต้องปั๊มขึ้นมา

แต่ยาป้ายวิเศษนี้ จะใช้โดสเท่าไหร่ก็ได้ ใช้กับเพศไหนก็ได้ อายุเท่าไหร่ก็ได้ น้ำหนักตัวมากเท่าไหร่ก็ได้ สภาพร่างกายเป็นยังไงก็ได้ คนโดนก้สามารถกลับมาเป็นปกติได้โดย ไม่มีใครตายเพราะยาสลบเลย ไม่ได้รับผลข้างเคียงเลย หายเป็นปลิดทิ้ง

ถ้ามันมียาวิเศษขนาดนี้วงการแพทย์ปัจจุบันคงจะง่ายขึ้นมาก หมอก็ไม่ต้องไปนั่งหลังขดหลังแข็งร่ำเรียนกันแล้ว เพราะยาวิเศษนี่ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัยโดยไม่มีผลข้างเคียงแถมออกฤทธิ์รวดเร็วเพียงแค่ป้ายผิวหนัง ไม่ต้องเอาเข็มทิ่มเนื้อเพื่อวางยาให้มันเจ็บด้วยซ้ำ

คุณ จขกท บอกว่า "เชื่อว่ามันมีจริง" .... "หมออาจจะไม่รู้ก็ได้เป็นวิทยาการใหม่" หรือเป็นยาที่หาไม่ได้ตามทั่วไปหมอเองก็ไม่รู้จัก แล้วไอ้โจรนี่มันเทพมาจากไหน มียาวิเศษที่หมอก็ไม่รู้จัก แต่ที่เกิดส่วนใหญ่ไม่ใช่แท๊กซี่ก็เป็นโจรกระจอกฉกชิงวิ่งราวทั่วไป ถามจริงถ้าโจรจะเก่งขนาดนั้น ก็ไม่ต้องมีหมอแล้วเพราะโจรเองยังคิดค้นยาได้ดีกว่าหมออีก

โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ใช่การ์ตูนที่จะเอาสาร A ผสมสาร B แล้วได้ยาอะไรออกมาก็ได้ตามสารพัดนึก มันต้องมีแลป ต้องมีการวิจัย ต้องมีวิทยาการ มีองค์ความรู้ โจรนี่
เก่งมาก หาสารเคมีตามร้ายขายยาผสมยาสลบวิเศษใช้เองได้

ผมถามจริงจะเอาแบบนี้จริงๆ หรืออยู่กับความเชื่อเหตุผลไม่ฟังกันแล้ว โลกมันพัฒนากันไปถึงไหนแล้ว ลองคิดดูง่ายๆ นะ ถ้ายามีนมีฤทธิ์วิเศษวิโสมากมายขนาดนั้นจริงทำไม...

1. ไม่เอาไปป้ายเจ้าของร้านทองไม่ดีกว่าเหรอ
2. ป้ายนักธุรกิจใหญ่ๆ ให้ทำธุรกิจพลาด (กำจัดคู่แข่ง) หรือโอนเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
3. เอาไปป้ายพวกเศรษฐีรวยๆ มีเยอะแยะ

แต่โจรเลือกที่จะเอายาป้ายนี้มาป้ายหากินกับชาวบ้านร้านตลาดได้ของนิดๆ หน่อยๆ โค-ตรจะคุ้มเลย?

ไร้สาระ ยาอะไรพวกนี้มันไม่มีจริง มีแต่โลภ กลัวเสียหน้า กับพลาดท่าเสียทีเลยหาทางอธิบายไม่ได้ก็โทษว่าเป็นยาป้ายสะ

ถ้าจะสรุปว่า ยาป้าย = ยาแก้อาย ก็คงจะไม่ผิดนัก

@สมาชิกหมายเลข 1642144

........................

ความคิดเห็นที่ 14

เพ้อเจ้อ สติแตก

ผมด่าแบบนี้มาจะสิบปีแล้ว

แถมท้า แจกเงินอีกด้วย ยังไม่มีใครมาเอาเงินกับผมซักคน

ทู้นี้ ก็จะเป็นแบบทุ้อื่นๆ ที่ผมเอาลิงค์ผมส่งให้

ผมประกาศออกโต้งๆ ประกาศสู่สาธารณะมา 7 ปี ว่า ใครมียาพวกนี้จริง เอาหลักฐานมารับเงินจากผมเลย จ่ายทันที 10,000 บาท

และหลังจากนั้น จะจ่ายให้อีก 1,000,000 (อ่านว่า หนึ่งล้านบาท) ต่อปี อีกยี่สิบปี

ไม่เห็นโผล่มาซักหัว

@แมวเหมียวพุงป่อง

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=roenthai&month=06-2008&date=22&group=7&gblog=9

แจกเงินทันที 10,000 บาท!

เจอประจำ เรื่องคนถูกมิจฉาชีพ เอายาสลบป้ายๆ แล้วหมดสติใน 3-5 นาที
หรือ ยาสลบที่ป้ายช่องแอร์แท็กซี่ แล้วผู้โดยสารหมดสติ โดยแท็กซี่ไม่เป็นอะไร

จึงขอแจ้ง ขอท้าพิสูจน์มาว่า

ถ้ายาป้ายผิวหนัง แล้วผู้ถูกป้ายหมดสติ ใน 3-5 นาที มีจริง ... โดยไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ หรือร่างกาย หรือชีวิต หลังจากที่ยาออกฤทธิ์ หรือ ยาหมดฤทธิ์

... บอกให้ผู้ที่มียานั้น มาติดต่อผมโดยตรง ...
เพื่อทดลองกับ กลุ่มคนที่ผมสุ่มมาให้ลอง 2 กลุ่มๆละ 4-5 คน
ในเงื่อนไขคร่าวๆ คือ .. คนป้าย และคนถูกป้าย ไม่รู้ว่า ขวดไหนเป็นยา ขวดไหนเป็นน้ำเปล่า

ถ้าได้ผลจริง ผมจ่ายทันที 10,000 บาท

ได้ผลจริงคือ ผู้ถูกป้ายด้วยยาป้ายนี้ หมดสติ ใน 3-5 นาทีหลังจากถูกป้าย
หรือ มีฤทธิไม่น้อยกว่ายากิน (rape cocktail) ที่ผมผสมให้
หรือ มีฤทธิเทียบเท่า ยากล่อมประสาทที่ฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำ

และถ้าเปิดเผยสูตรให้ผมทราบ และผมสามารถนำไปผลิตเองได้ และทดลองใช้เองได้ผลจริง ... หากยินดีมอบสูตรให้ผม ผมยินดีจ่ายอีกทันที 1 ล้านบาท เป็นค่าสูตรยานั้น
หลังจากนั้น จะจ่ายอีก 1 ล้านบาท ทุกๆปี เป็นเวลานาน 20 ปี


ส่วนผู้ที่พามา .. ผมจ่ายให้หนึ่งแสนบาท ทุกๆปีเป็นเวลานาน 20 ปีเช่นกัน



update 3 กค 2557


แก้ไขเพื่อให้ทันสมัยต่อเหตุการณ์

1. ยาโง่เง่า นอกจากยาป้าย ยังรวมไปถึงยาโปรยไปในอากาศ ยาที่อยู่ในน้ำหอมหรือสบู่
2. ถ้าได้ผลจริง ผมจ่ายทันที 100,000 บาท



หมายเหตุ : กระทู้นี้ แมร่ม! เกิน 5 ปี ยังไม่มีใครเอาไปซักสตางค์ อย่าว่าแต่สองสลึงเลย


คน ไทย งี่ เง่า ยาว นาน



...............................................


https://www.facebook.com/utai.sukviwatsirikul/posts/1463028217061655

ขึ้น TAXI #เจอพ่นยาสลบ

1. #ยาพ่นให้สลบจากหน้ากากแอร์ ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากกว่าที่คนเราจะสลบด้วยวิธีนี้ได้ ต้องใช้เวลา เพราะว่าการสูดยาสลบเข้าไป จะต้องมีการดูดซึมของยาจากปอดไปสู่เส้นเลือดปอดหมุนเวียนไปที่สมอง และยาสลบจึงออกฤทธิ์ที่สมองได้

ในทางปฏิบัติ ถ้าสูดดมยาสลบที่ความเข้มข้นสูงๆโดยตรงจากเครื่องดมยาสลบ ยังต้องใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะหลับหรือสลบ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่ยาที่บอกว่าพ่นมาจากช่องแอร์แท็กซี่จะทำให้หมดสติได้ โดยที่คนขับไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน #คิดซิๆๆๆๆๆๆๆ

รายละเอียด ตามไปดูได้ที่นี่ https://www.facebook.com/216848761792023/photos/pb.216848761792023.-2207520000.1465092428./819362188207341/?type=1&theater

2. ต่อให้มันมีจริง (ซึ่งใครคิดได้ แม่งรวยมหาศาลยิ่งกว่าเสี่ยเบียร์ช้างอีก แค่ขายสิทธิบัตรได้ ฺก้อรวยล้นฟ้าแล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลาขับ TAXI ให้ผู้โดยสารโง่ๆมโนไปเอง)

ถึงแม้นคุณสงสัย จอดรถหน้า ตำรวจ เรียกจับกุมไปสอบสวน ตรวจสอบได้เลย ตามกฏหมาย #แต่คุณไม่มีสิทธิ์ไปแช์ประจานเค้า เพราะคุณกำลังทำลายชีวิตของคน โดยการมโนไปเอง

3. ไอ้ นสพ. หัวเขียว ที่แชร์ข่าวมั่วๆ กองบรรณาธิการควรเรียกนักข่าวคนนั้นมารู้จักเภสัชกร จะได้อธิบายให้ฉลาด ไม่กล่าวหาใครแบบสื่อมั่วๆอีก

#เภสัชกรอุทัย #utaisuk #urx

......................................

https://www.facebook.com/216848761792023/photos/a.289676801175885.1073741839.216848761792023/819362188207341/?type=3&theater

#ยาสลบบนรถแท็กซี่ #ป้ายยาสลบ
#ป้ายยาแก้งตกทอง #นามบัตรดมให้สลบ มีจริงไหม?

เรื่องเล่าประเภท “ โดนแท็กซี่มอมยา ” “ โดน ป้ายยาสลบ แล้วปลดทรัพย์จนหมดตัว ” “ รับนามบัตรจากคนแปลกหน้า แล้วโดนยาที่ป้ายบนแผ่นพับเล่นงานเอา”

รายล่าสุด รายงานว่าผู้ใช้งานสังคมออนไลน์ แห่แชร์ข้อความจากสมาชิกเฟซบุ๊กหญิงสาวรายหนึ่ง โดยอ้างว่า ครอบครัวของตนได้ไปห้างสรรพสินค้าย่านบางนา ระหว่างที่สามีเข้าไปติดต่อธุระที่ธนาคาร ตนและลูกอีก 2 คนได้รออยู่ข้างหน้า

แต่จังหวะดังกล่าวมีชายคนหนึ่งใส่หน้ากากอนามัยสีชมพู เสื้อสีฟ้า กางเกงขาสั้น ผิวคล้ำ ผมหยักศก จูงมือลูกชายคนโตไป โดยที่ตนพยายามวิ่งตามและกระชากลูกกลับมา ส่วนคนร้ายสามารถหลบหนีไปได

ผู้โพสต์เล่าต่อว่า หลังจากพาลูกชายที่พยายามถูกลักพาตัวไปล้างมือ ลูกชายของตนก็หลับสลบนานอยู่กว่าชั่วโมง โดยคาดว่าอาจโดนป้ายยา จึงอยากให้พ่อแม่ ดูแลลูกอย่าให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว พร้อมทั้งฝากว่า อาจจะไม่โชคดีแบบนี้เสมอไป

อย่างไรก็ตาม สายตรวจโซเชียล ไทยรัฐออนไลน์ ได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กที่โพสต์ต้นเรื่องนั้น ไม่มีข้อความดังกล่าวปรากฎอยู่แล้ว ขณะเดียวกันทีมข่าวพยายามติดต่อไปยังผู้โพสต์แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่

#ถามเภสัชกร_ว่า_ยาดมสลบเป็นไปได้หรือไม่ ???
เราไปค้นทุกคำตอบมาให้แล้ว

#ในความเห็นของวิสัญญีแพทย์หรือหมอดมยา
นั้นบอกว่า “ไม่มีหรอก ถ้ามียาแบบนี้ก็ดี หมอคงทำงานง่ายขึ้นอีกเยอะ” จะเป็นยาอื่นที่หมอดมยาไม่รู้จัก ก็ไม่ควรจะเป็นไปได้ และถึงจะมียาลับจริง แต่ก็ต้องใช้กลไกการนำยาเข้าสู่ร่างกายแบบเดียวกับยาอื่นๆ

1. ปรกติจะทำให้คนๆ หนึ่งหลับหรือสลบได้นั้น ทำอย่างไร

การออกฤทธิ์ของยานอนหลับหรือยาสลบนั้นออกฤทธิ์ที่สมอง ยาจำพวกยานอนหลับ เช่น diazepam, ฝิ่นและอนุพันธุ์ของมันนั้น มีโปรตีนตัวรับของยาอยู่ที่สมอง เมื่อยาไปจับกับโปรตีนตัวรับเหล่านี้จะออกฤทธิ์ระงับความรู้สึก เช่น เสริมฤทธิ์การทำงานของ GABA receptor ทำให้เพิ่มระดับของ GABA ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของสมอง หรือมีผลต่อ neurotransmitter ทำให้นำกระแสประสาทไม่ดี

การให้ยาสลบที่ได้ผลรวดเร็วและแน่นอน คือ สลบแน่ๆ คือการฉีดเข้าเส้นเลือด (intravenous anesthesia) ซึ่งตัวที่หลับเร็วที่สุดคือ thiopenthal เมื่อฉีดแล้วใช้เวลาเพียง 1 arm-brain circulation (ประมาณ 10-15 วินาที) คนไข้ก็สลบแล้ว เพราะยาในกระแสเลือดไปออกฤทธิ์ที่สมองโดยตรง แต่ถ้าใช้วิธีอื่น เช่น สูดยาดมสลบ (inhalation anesthesia) ฉีดเข้ากล้าม (intramuscular injection) จะใช้เวลานานกว่านี้มาก มักจะทำในกรณีเปิดเส้นน้ำเกลือไม่ได้ ดังนั้นในการดมยาสลบทั่วไปจึงนิยมฉีดเข้าเส้นให้สลบก่อน จึงใช้ยาดมสลบ maintenanceต่อ เพื่อความรวดเร็ว และใช้ยาร่วมกันหลายๆ ตัว ได้แก่ ยาหย่อนกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีน เพื่อบาลานซ์ผลข้างเคียงซึ่งกันและกัน

2. การมอมยา โดยการรมผ่าน หน้ากากแอร์ นั้น เป็นไปได้หรือไม่

ยาสลบถ้าสูดผ่านจมูกเข้าไป จากนั้นต้องไปที่ปอด ถูกดูดซึมผ่านเส้นเลือดที่ปอด เส้นเลือดจากปอดไหลเวียนผ่านไปที่สมอง ดังนั้นต้องใช้เวลาพอสมควรทีเดียว ยาจึงจะไปออกฤทธิ์ที่สมองได

การจะสลบช้า-เร็ว จึงขึ้นกับความเข้มข้นของยาสลบที่ใช้ การละลายได้ดีในไขมัน สมัยก่อนจึงมีการคิดค้นวิธีที่จะทำให้คนไข้หลับเร็วที่สุด ยาสลบตัวแรกๆ ได้แก่ Ether ซึ่งจะให้ยาสลบโดยหน้ากาก (mask) ซึ่งมีผ้ากอซ (gauze) หุ้มไว้ประมาณ 4-5 ชั้น และขวดยาอีเธอร์ สำหรับหยดลงบนหน้ากากให้ผู้ป่วย ซึ่งอีเธอร์นี้ใช้เวลาเป็นสิบนาทีกว่าผู้ป่วยจะหลับ และกลิ่นแย่มากๆ กระตุ้นทางเดินหายใจให้หดเกร็งและเสมหะเยอะ เวลาต่อมามีผู้คิดค้น chloroform ซึ่งกลิ่นดีกว่า ใช้ปริมาณน้อยและหลับเร็วกว่าแค่ 2-5 นาที แต่ต่อมาพบว่ามันกดหัวใจมากๆ ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้บ่อยๆเลยหยุดใช้ไป

ปัจจุบันเราใช้เครื่องดมยาสลบ ซึ่งสามารถควบคุมจำนวนออกซิเจนไอระเหย (vapor) ของยาดมสลบได้ในระดับที่จะทำให้ผู้ป่วยหลับตามที่ต้องการ มีท่อยางต่อออกจากเครื่องดมยาสลบนำออกซิเจนและยาดมสลบที่เป็นก๊าซหรือไอระเหยไปสู่คนไข้

ยาดมสลบที่มีในปัจจุบัน ถึงใช้ตัวที่ทำให้หลับเร็วที่สุด เปิดด้วยความเข้มข้นสูงที่สุดจากเครื่อง ยังใช้เวลาเป็นนาทีกว่าคนไข้จะสลบ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่ยาที่บอกว่าพ่นมาจากช่องแอร์แท็กซี่จะทำให้หมดสติได้ (โดยที่คนขับไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน)

บางคนเคยดมยาสลบแล้วคิดว่าดม gas ไม่กี่วินาทีก็หลับ จริงๆ แล้วที่หลับนั้นหลับจากยานำสลบที่ฉีดทางสายน้ำเกลือ gasที่ให้ดมผ่านหน้ากากมักเป็นออกซิเจน ถ้าให้ผู้ใหญ่ดม gas เพียวๆ เพื่อให้หลับจะกินเวลานานกว่าเด็กเล็กๆ

3. การมอมยา ด้วยยาป้าย ป้ายยาสลบ มีจริงไหม?

ถ้ามียาป้ายให้สลบได้จริง วิสัญญีแพทย์คงทำงานง่ายขึ้นอีกเยอะโดยเฉพาะในกรณีที่พบว่ามีปัญหาในการแทงเส้นเพื่อที่จะให้ยาสลบ เช่น ในคนไข้เด็ก หรือคนไข้ที่อ้วนมากๆ และถ้ายาแปะให้หลับหรือสลบมีจริง มันต้องออกฤทธิ์ซึมผ่านผิวหนังเข้ากระแสเลือด ไปออกฤทธิ์ที่สมอง ทุกวันนี้มีการคิดค้นยาที่จะออกฤทธิ์ผ่านทางผิวหนัง ที่เรียกว่า “Transdermal drug delivery system” แต่ทำไม่ได้ง่ายๆ มียาที่ใช้ได้ไม่กี่ตัว (สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทผ่านทางผิวหนังเท่าที่มีใช้มีแต่ Fentanyl กับ Clonidine เท่านั้น) ความยากของมันมีตั้งแต่การซึมผ่านของยาผ่านทางผิวหนัง และการควบคุมยาให้มันออกฤทธิ์ตามที่ต้องการ

ผิวหนังของเราประกอบด้วยชั้นต่างๆ ที่สำคัญ 3 ชั้นได้แก่ epidermis, dermis และ subcutaneous ชั้น epidermis เป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับการนำส่งยาไปยังชั้น dermis ซึ่งมีหลอดเลือดและท่อน้ำเหลืองที่สำคัญต่อการลำเลียงยาหรือสารเข้าสู่หลอดเลือด ดังนั้นยาที่สามารถใช้ได้ด้วยวิธีออกฤทธิ์ผ่านทางผิวหนังนี้จะต้องเป็นยาที่ค่อนข้างแรงและสามารถซึมผ่านผิวหนังได้ดี นอกจากนี้ยาต้องใช้เวลาค่อนข้างนานจึงจะออกฤทธิ์

ยกตัวอย่าง เช่น ยาชา Xylocain หรือ lidocaine แบบแปะ ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการออกฤทธิ์ซึมผ่านผิวหนังให้ชาเฉพาะที่ ยาแผ่นแปะซึ่งภายนอกมองดูเหมือนทำง่ายๆนั้น ข้างในมันซับซ้อนมาก ถ้ายาป้ายแล้วหลับมีจริง คงเป็นที่ต้องการอย่างมากของวงการแพทย์และสร้างรายได้มหาศาล

ยา Fentanyl ซึ่งอยู่ในกลุ่ม nacrotics คืออนุพันธ์ของฝิ่นตัวเดียวที่มีใช้ในรูปแบบนี้ ละลายในไขมันได้ดีและแรงกว่ามอร์ฟีนร้อยเท่า ยังใช้เวลากว่าจะออกฤทธิ์เต็มที่ 12-24 ชั่วโมง ดังนั้นการป้ายยาให้คนสลบจึงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกว่าต้องใช้ยาปริมาณมากกว่ายาจะซึมผ่านผิวหนังไปได้ ต้องรอเป็นเวลานานกว่าจะออกฤทธิ์ อีกทั้งยังควบคุมไม่ได้ด้วยว่ายาจะออกฤทธิ์แค่ไหนอย่างไร ส่วนยา Dormicum หรือ Midazolam ซึ่งมีการนำมาใช้ก่ออาชญากรรมจริง แต่ไม่มีการใช้ในรูปการป้ายยาหรือซึมผ่านผิวหนัง ใช้พ่นก็ไม่ได้ ในทางปฏิบัติใช้กินหรือฉีด มีบ้างที่ apply ใช้หยอดทางจมูกให้ยาซึมผ่านผิวที่เป็นเยื่อบุ (nasal mucosa) เข้าไป ซึ่งต้องใช้ปริมาณมากและรอระยะเวลานาน ใช้ป้ายผิวหนังจะป้ายเพียวๆ หรือผสมโลชันยังไงก็ไม่ออกฤทธิ์

สุดท้ายที่มักจะอ้างถึงกัน คือ แอลเอสดี (LSD : Lysergic acid diethylamide) แอลเอสดีเป็นยาเสพติดร้ายแรงประเภทที่ 1 อาจพบเป็นเม็ดยา แคปซูล หรือผสมในทอฟฟี่ รวมทั้งแผ่นกระดาษชุบสารแอลเอสดี มีความรุนแรงในการออกฤทธิ์ต่อสมองสูงคือ ใช้ในปริมาณแค่ 25 microgram (25/1 ล้านส่วนของกรัม การเสพทำได้ทั้งแบบฉีดหรือการนำกระดาษที่เคลือบแอลเอสดีอยู่มาเคี้ยวหรืออมหรือวางไว้บนลิ้น เพราะ LSD จะถูกดูดซึมผ่านเยื่อบุภายในจมูก (nasal mucosa) ระบบทางเดินอาหารและเยื่อบุอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่ผิวหนังของคนซึ่งมีการป้องกันเยอะกว่านั้นเยอะ จึงต้องใช้ปริมาณมากและรอนานเช่นกัน โดยพบว่าเมื่อให้ LSD ทางปากขนาด 2 ไมโครกรัม/กก. จะให้ระดับความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดสูงสุด (Tmax) ที่เวลาถึง 30-60 นาที

4. Chloroform Spray มีจริงหรือไม่
จาก Forward mail ที่ว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพมาแกล้งทำทีมาขายสเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์ แต่จริงๆแล้วสารในสเปรย์กระป๋องนั้นคือ คลอโรฟอร์ม ที่จะแอบฉีดใส่ทำให้สลบได้ ความจริงแล้ว chloroform ไม่ได้เป็นยาสลบที่ทำให้คนสลบง่ายขนาดนั้น ขนาดนำมาทำการสลบหนู ยังต้องเอา chloroform ใส่ปิดฝาตั้งหลายนาทีกว่าหนูจะสลบ

ยาสลบที่เป็นแบบไอระเหย (vaporizer) นั้น ก็ไม่สามารถเอามาใส่กระป๋องทำเป็นสเปรย์กันได้ง่ายๆ vaporizer ทุกตัวต้องมี chamber พิเศษสำหรับมันทั้งนั้น

5. ยาป้ายที่ทำให้คนไม่รู้สึกตัว มาจากยาสลบที่ใช้ในสัตว์ได้ไหม

มียาตัวหนึ่งเป็นที่ต้องสงสัย คือ M99 หรือ Etorphine ซึ่งเป็นกลุ่มอนุพันธุ์ของฝิ่น การออกฤทธิ์เช่นเดียวกันกับ morphine แต่มีความแรงกว่าเป็นพันๆ เท่า ใช้ดมยาสลบในช้าง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาใช้ในคน เพราะแค่โดนนิดหน่อยก็คงตายแล้ว (คนป้าย ตายก่อน ) และจะควบคุมการใช้ได้อย่างไ

ยา Etorphine นี้มีราคาสูงมาก เป็นยาควบคุมตั้งแต่แหล่งผลิต ผู้จะซื้อต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาลประเทศที่จะใช้ ถึงจะขายได้และรัฐบาลที่จะซื้อนั้นจะต้องมีการล็อคยาไว้ในเซฟและให้ใช้โดยสัตวแพทย์ (ยุโรป และอเมริกา) หรือผู้ชำนาญการวางยาสลบสัตว์ป่า (อัฟริกาใต้) เท่านั้น และมีการรายงานการใช้ทุกๆ มิลลิกรัม ต่อหน่วยงานควบคุม ที่ทางผู้ผลิตเอง sensitive มากๆ ก็เพราะถ้ามีคนใช้ประกอบอาชญากรรม บริษัทที่ผลิตก็จะแย่ไปด้วย ตอนนี้บริษัทที่ผลิตจำหน่ายอยู่ในอเมริกา ความจริงแล้วยา Etorphine นี้ ยังไม่มีการนำเข้ามาใช้ทั่วไปแม้แต่จากหน่วยงานทางราชการเองที่นำมาใช้วางยาสลบสัตว์ป่าอย่างถูกต้องและเป็นวิชาการ ก็ยังไม่มีการนำเข้ามาใช้ทั่วไป อีกทั้งยังเป็นยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ใช้มากถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้ยานี้ก็เคยมีเสียชีวิตมาแล้ว

6. มียา Burundanga เคลือบนามบัตร จริงหรือ
จาก FW mail เตือนไม่ให้รับนามบัตรจากคนแปลกหน้า เพราะอาจจะมียา Burundanga ป้ายบนนามบัตร ให้หมดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ อาจถูกขโมยของหรือข่มขืนได้เนื่องจากยานี้มีประสิทธิภาพแรงกว่ายาที่ใช้ข่มขืนสาวๆ ถึง 4 เท่า

ยา Burundanga เป็นชื่อยาที่ถูกนำมาใช้ก่ออาชญากรรมจริง มีรายงานว่าผู้ใช้ยาสามารถควบคุมเหยื่อได้.เหยื่อบางรายตื่นขึ้นหลายชั่วโมงหรือเป็นวันหลังโดนยา. Burundanga เป็นสารสกัดได้จากพืชดอกในสกุล Brugmansia ซึ่งถิ่นต้นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ชื่ออื่นของยา burundanga คือ scopolamine โดยที่ยา scopolamine นี้มีแบบแปะด้วย ใช้แปะตรงกกหูแก้เมารถเมาเรือ

แต่อย่างไรก็ตาม การสัมผัสนามบัตรที่อ้างว่าเคลือบยา burundanga ไว้นั้นไม่ได้ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้หรอก จะต้องใช้การผสมน้ำหรืออาหารกิน ขณะที่ยานี้ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น จึงไม่อาจจะได้กลิ่นจากนามบัตรได้ตามใน

สรุปสั้นๆ ได้ว่า
1. ยาพ่นให้สลบจากหน้ากากแอร์ ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากกว่าที่คนเราจะสลบด้วยวิธีนี้ได้ ต้องใช้เวลา เพราะว่าการสูดยาสลบเข้าไป จะต้องมีการดูดซึมของยาจากปอดไปสู่เส้นเลือดปอดหมุนเวียนไปที่สมอง และยาสลบจึงออกฤทธิ์ที่สมองได้ ในทางปฏิบัติทุกวัน ถ้าสูดดมยาสลบที่ความเข้มข้นสูงๆโดยตรงจากเครื่องดมยาสลบ ยังต้องใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะหลับหรือสลบ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่ยาที่บอกว่าพ่นมาจากช่องแอร์แท็กซี่จะทำให้หมดสติได้ โดยที่คนขับไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน

2. ยาป้าย ถ้าออกฤทธิ์ผ่านผิวหนังทำให้สลบก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากผิวหนังมีชั้นของผิวหนังที่ทำหน้าที่เป็นปราการกั้นยาตามธรรมชาติ ยาที่จะซึมผ่านไปได้นั้นต้องมีความแรงมาก ใช้เวลานาน ในทางปฏิบัติต้องใช้แผ่นแปะยาแบบพิเศษ กว่ายาจะออกฤทธิ์ก็เป็นชั่วโมง การป้ายยาให้คนสลบจึงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกว่าจะซึมผ่านผิวหนังไปได้ต้องใช้ยาปริมาณมาก รอระยะเวลานาน อีกทั้งยังควบคุมไม่ได้ด้วย ว่ายาจะออกฤทธิ์แค่ไหน อย่างไร

#เภสัชกรอุทัย #utaisuk #urx

แหล่งข่าว: แชร์ว่อน! ด.ช.โดนป้ายยา กลางห้างฯ ย่านบางนา สลบเหมือดนานกว่าชั่วโมง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 มิ.ย. 2559 15:08, //www.thairath.co.th/content/631919

แหล่งข้อมูล:

* ยาป้ายแล้วทำให้สลบ หลับ ง่วง มึน ทันที แล้วปลดทรัพย์ไปนั้น มีจริงไหม??? , https://www.facebook.com/216848761792023/photos/a.288208991322666.1073741831.216848761792023/467199376756959/?type=3&theater

* ผู้ช่วยศาสตราจารย์นพมาศ ว่องวิทย์เดชา, ยาสลบ,
//www.healthcarethai.com/ยาสลบ/

* พาณิน อนิลบล, นศพ.ปี 6 ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามาธิบดี,
//www.errama.com/system/spaw2/uploads/files/GHB.pdf

* ยานอนหลับ มีตัวไหนบ้าง ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล ,
//utaisuk.blogspot.com/2013/01/blog-post_4.html

*ยาป้ายสลบ, //www.nightsiam.com/forum/index.php?topic=74.0%3Bwap2

* การระงับความรู้สึกระหว่างการผ่าตัด, //m.dailynews.co.th/Article.do?contentId=232875

* ยาสลบบนรถแท็กซี่ ป้ายยาสลบ มีจริงไหม มาอ่านความคิดเห็นจาก หมอดมยา, เรียบเรียงโดย Health.mthai.com มาบทความจากกระทู้ //pantip.com/topic/30208405 และ //topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/12/X7328809/X7328809.htm

* ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวขอเอาเสื้อกาวน์เป็นเดิมพัน!!, //drama-addict.com/2013/11/24/ความจริงมีเพียงหนึ่งเด/

* แท็กซี่อภินิหาร!!, //drama-addict.com/2013/03/31/แท็กซี่อภินิหาร/

................................

https://www.facebook.com/216848761792023/photos/a.288208991322666.1073741831.216848761792023/467199376756959/?type=3&theater

ยาป้ายแล้วทำให้สลบ หลับ ง่วง มึน ทันที แล้วปลดทรัพย์ไปนั้น มีจริงไหม???
#ยาสลบ #ยาป้ายสลบ #ยานอนหลับ #ยาทาให้หลับ #zolam #alprazolam #dormicum #diazepam #sleeping_pill #utaisuk

ถ้ามี ป่านนี้ เภสัชกรไปป้ายสาวๆแล้วอุ้มกลับบ้านไปนานแย้ว

เหตุที่ไม่มีก้อเพราะว่า

1. ยาถ้าจะออกฤทธิ์ผ่านผิวหนังทำให้สลบก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากผิวหนังมีชั้นของผิวหนังที่ทำหน้าที่เป็นปราการกั้นยาตามธรรมชาติ ยาที่จะซึมผ่านไปได้นั้น ต้องมีความแรงมาก ใช้เวลานาน

2. ทำได้ไหม ใช้ยาป้าย ทำได้ครับ แต่ต้องใช้แผ่นแปะยาแบบพิเศษ แบบเอามาแปะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก้อรอจนกว่ายาจะออกฤทธิ์ อย่างเร็วก้อเป็นชั่วโมง

การป้ายยาให้คนสลบจึงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกว่าจะซึมผ่านผิวหนังไปได้ต้องใช้ยาปริมาณมาก รอระยะเวลานาน อีกทั้งยังควบคุมไม่ได้ด้วย ว่ายาจะออกฤทธิ์แค่ไหน อย่างไร พวกแก้งส์เหล่านี้ มันเอามีดจี้ ไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องรอด้วย

credit: ภาพประกอบ จาก เพจ drama addict เจ๋งเป้งๆๆๆ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151800424523291&set=a.411063588290.186101.141108613290&type=1&theater

แหล่งข้อมูล

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นพมาศ ว่องวิทย์เดชา, ยาสลบ,
//www.healthcarethai.com/ยาสลบ/

พาณิน อนิลบล, นศพ.ปี 6 ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามาธิบดี,
//www.errama.com/system/spaw2/uploads/files/GHB.pdf

ยานอนหลับ มีตัวไหนบ้าง ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล ,
//utaisuk.blogspot.com/2013/01/blog-post_4.html

ยาป้ายสลบ
//www.nightsiam.com/forum/index.php?topic=74.0%3Bwap2





Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2560 14:33:04 น. 0 comments
Counter : 5477 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 763 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]