โรคหรือสภาพร่างกายหรือสภาพจิตใจ ซึ่ง ไม่สามารถจะรับราชการทหาร (คัดเลือกทหาร) ตามมาตรา 41

ช่วงที่มีการคัดเลือกทหารฯ จะมีคนมาขอใบรับรองแพทย์ เพื่อจะได้ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
เพราะ แพทย์ที่จะตัดสินว่า ได้ หรือ ไม่ได้ นั้น ก็คือ " แพทย์ที่รับผิดชอบ ณ สถานที่คัดเลือกฯ หรือแพทย์ที่อยู่ใน โรงพยาบาลสังกัด กองทัพบก ทั้ง ๒๐ แห่ง เท่านั้น "
แพทย์ท่านอื่นถึงแม้ ออกใบรับรองแพทย์ ให้ได้ แต่ก็เป็นเพียงหลักฐานประกอบเท่านั้น ไม่สามารถระบุว่า ไม่เหมาะกับการเป็นทหาร .. 
การตรวจโรคทหารกองเกินก่อนการตรวจเลือกทหารฯ
https://sassadee.rta.mi.th/ https://www.facebook.com/sassadee.tdc/ https://www.sussadeechiangmai.com/ ขอให้ทหารกองเกินที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารฯ ใน เดือน เมษายน ที่สงสัยว่าตนเองมีโรคที่น่าจะขัดต่อการรับราชการทหารกองประจำการ ไปเข้ารับการตรวจโรคก่อนการตรวจเลือก ณ โรงพยาบาลทหารตามที่กองทัพบกกำหนด ไว้ จำนวน ๒๐ แห่ง ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม - ๒๐ กุมภาพันธ์ ซึ่งโรงพยาบาลจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคไว้เป็นการเฉพาะ และทำให้ทหารกองเกิน ทราบล่วงหน้าก่อนวันทำการตรวจเลือกว่าเป็นโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหารหรือไม่ โรคที่ควรไปเข้ารับการตรวจ ได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของ ตา , หู , โรคหัวใจและหลอดเลือด , โรคเลือดและอวัยวะสร้างเลือด , โรคของระบบหายใจ , โรคของระบบปัสสาวะ , โรคหรือความผิดปกติของกระดูก , ข้อ และกล้ามเนื้อ , โรคของต่อมไร้ท่อ และภาวะผิดปกติของเมตะบอลิสัม ,โรคติดเชื้อ , โรคทางประสาทวิทยา , โรคทางจิตเวช และโรคอื่น ๆ เช่น ตับแข็ง เป็นต้น สามารถขอรับการตรวจโรคจากโรงพยาบาลที่กำหนด โดยไม่จำกัดภูมิลำเนาทหาร เอกสารและหลักฐานที่ใช้1. หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35) 2. ใบสำคัญ (แบบ สด.9) 3. วุฒิการศึกษา ที่ลงวันจบการศึกษาก่อนวันตรวจเลือกฯ (ใช้สำหรับ ลดวันรับราชการ ทั้งในกรณีที่สมัคร และจับสลาก) (วุฒิการศึกษาต้องเป็นภาษาไทย หรือได้รับการแปลจากมหาวิทยาลัย โดยมีการระบุวันที่จบการศึกษา ชัดเจน) 4. บัตรประชาชน 5. ใบรับรองแพทย์ โดย รพ.ของรัฐหรือ รพ.ทหาร (ในกรณีที่ได้ทำการตรวจโรคก่อนการตรวจเลือกฯ) 6. หลักฐานอื่นๆ (ถ้ามี) เช่น หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว – ชื่อสกุล ฉบับจริงพร้อมสำเนา
****ให้ไปแสดงตนต่อคณะกรรมการตรวจเลือกฯ ณ อำเภอภูมิลำเนาทหาร ตามที่หมายเรียก(แบบ สด.35) ได้กำหนดไว้ โดยพร้อมเพรียงกัน หากไม่ไปแสดงตนต่อคณะกรรมการตรวจเลือกฯ ท่านจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ระยะเวลาเปิดให้บริการ เปิดให้บริการวัน จันทร์ ถึง วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดที่ทางราชการกำหนด) ตั้งแต่เวลา 08:00 - 12:00 น. สามารถเข้าตรวจได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 20 กุมภาพันธ์ โดย ต้องออกค่าใช้จ่ายในการตรวจโรคเอง ไม่เสียค่าธรรมเนียมพิเศษ (ยกเว้นกรณีที่ต้องตรวจพิเศษเพิ่มเติม) ให้นำใบสำคัญความเห็นแพทย์ ไปแสดงต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือกฯ เพราะ คณะกรรมการตรวจเลือกฯ จะพิจารณาหลักฐานใบสำคัญความเห็นแพทย์ที่ปรากฏในบัญชีรายชื่อทหารกองเกินที่เข้ารับการตรวจโรคฯ ซึ่งได้รับรายงานจากกรมแพทย์ทหารบก เท่านั้น ................................. ประชาสัมพันธ์ การตรวจโรคทหารกองเกินก่อนการตรวจโรคทหาร 2561
ทหารกองเกินซึ่งอยู่ในกำหนดเรียกมาเข้ารับการตรวจเลือกฯ ใน เม.ย.61 ผู้ใดที่เห็นว่าตนเองมีโรคหรือสภาพร่างกาย หรือสภาพจิตใจที่ไม่สามารถรับราชการทหารได้ ให้ไปขอรับการตรวจโรคก่อนการ ตรวจเลือกฯ (การเกณฑ์ทหาร) ได้ที่โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกกำหนด ทั้ง 20 แห่งทั่วประเทศ กำหนดห้วงการตรวจตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.60 จนถึงวันที่ 20 ก.พ.61 เมื่อพ้นห้วงเวลาที่กำหนดจะไม่สามารถดำเนินการตรวจโรคฯ ให้ได้ หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1. กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เลขที่ 2 ถนนเจริญกรุง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร.0 2223 3259 หรือตรวจดูได้ที่เว็บไซต์ https://sassadee.rta.mi.th/ 2. แผนกสรรพกำลังกองทัพภาคที่ 1 – 4 3. ฝ่ายสรรพกำลังมณฑลทหารบก ทุก มณฑลทหารบก 4. สำนักงานสัสดีกรุงเทพมหานคร/สำนักงานสัสดีจังหวัดทุกจังหวัด 5. หน่วยสัสดีเขต/หน่วยสัสดีอำเภอทุกอำเภอ
หมายเหตุ หากพ้นห้วงเวลาที่กำหนด จะดำเนินการตรวจโรคก่อนการตรวจเลือกฯ ให้ไม่ได้ แต่ทหารกองเกินสามารถนำผลการตรวจโรค ของแพทย์จากโรงพยาบาลทหารหรือโรงพยาบาลอื่นไปแสดงต่อกรรมการแพทย์ในวันตรวจเลือกฯ ได้
เครดิต pattama ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐฯ สายด่วน 1111 https://pantip.com/topic/36260081 https://www.facebook.com/MasterPhat ................................
สถานที่เข้ารับการตรวจ คือ โรงพยาบาลทหารสังกัดกองทัพบก 20 แห่ง ส่วนกลาง รพ.พระมงกุฎเกล้า (กรุงเทพฯ) รพ.อานันทมหิดล (ลพบุรี) รพ.ค่ายธนะรัชต์ (ประจวบ คีรีขันธ์) รพ.โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ฯ (นครนายก) ทภ.๑ รพ.ค่ายจักรพงษ์ (ปราจีนบุรี) รพ.ค่ายสุรสีห์ (กาญจนบุรี) รพ.ค่ายอดิศร (สระบุรี) รพ.ค่ายนวมินทราชินี (ชลบุรี) ทภ.๒ รพ.ค่ายสุรนารี (นครราชสีมา) รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ (อุบลราชธานี) รพ.ค่ายประจักษ์ศิลปาคม (อุดรธานี) รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน (สุรินทร์) รพ.ค่ายกฤษณ์สีวะรา (สกลนคร) ทภ.๓ รพ.ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พิษณุโลก) รพ.ค่ายจิรประวัติ (นครสวรรค์) รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี (ลำปาง) รพ.ค่ายกาวิละ (เชียงใหม่) ทภ.๔ รพ.ค่ายวชิราวุธ (นครศรีธรรมราช) รพ.ค่ายเสนาณรงต์ (สงขลา) รพ.ค่ายอิงคยุทธบริหาร (ปัตตานี) หมายเหตุ : สามารถขอรับการตรวจโรคจากโรงพยาบาลที่กำหนด โดยไม่จำกัดภูมิลำเนาทหาร เอกสารและหลักฐาน บัตรประจำตัวประชาชน ใบสำคัญ (แบบ สด.9) หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35)
ระยะเวลาเปิดให้บริการ เปิดให้บริการวัน จันทร์ ถึง วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดที่ทางราชการกำหนด) ตั้งแต่เวลา 08:00 - 12:00 น.
ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. ประเภท การตรวจสอบเอกสาร - ผู้เข้ารับบริการลงทะเบียน/เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร 2. ประเภท การพิจารณา - ผู้เข้ารับบริการเข้ารับการคัดกรองและตรวจร่างกายโดยแพทย์ 3. ประเภท การลงนาม/คณะกรรมการมีมติ - แพทย์ออกใบสำคัญความเห็น
ค่าธรรมเนียม ไม่เสียค่าธรรมเนียม(ยกเว้นกรณีที่ต้องตรวจพิเศษเพิ่มเติม)
กำหนดช่วงการตรวจ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 20 กุมภาพันธ์ เอกสารที่ต้องนำไปแสดงต่อคณะกรรมการแพทย์ตรวจสอบ (ใช้ยื่นในวันเข้ารับการตรวจเลือกเข้าเป็นทหารเกณฑ์) - บัตรประจำตัวประชาชน(ฉบับจริง 1 ฉบับ/สำเนา 1 ฉบับ)(ผู้รับบริการต้องรับรองสำเนาถูกต้องเอกสารทุกหน้า) - ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ(ฉบับจริง 1 ฉบับ/สำเนา 1 ฉบับ)(ผู้รับบริการต้องรับรองสำเนาถูกต้องเอกสารทุกหน้า) - ใบสำคัญทหารกองเกิน (แบบ สด.9)(ฉบับจริง 1 ฉบับ/สำเนา 1 ฉบับ)(ผู้รับบริการต้องรับรองสำเนาถูกต้องเอกสารทุกหน้า) - หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35) (ฉบับจริง 1 ฉบับ/สำเนา 1 ฉบับ)(ผู้รับบริการต้องรับรองสำเนาถูกต้องเอกสารทุกหน้า) - ใบรับรองแพทย์ที่ไม่ใช่จาก รพ.ทหารมาแสดงในวันตรวจเลือก ให้ตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม(ถ้ามี) ดังนี้ 1) ใบรับรองแพทย์จาก รพ.อื่น 2) ใบสรุปประวัติ พ.ผู้รักษา หรือ สำเนาเวชระเบียนโดยรับรองสำเนาทุกหน้า อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง 2 อย่าง 3) มีเอกสารรับรองจากผู้อำนวยการ รพ. หรือ สถาบันฯและโทรศัพท์ติดต่อกลับ(ฉบับจริง 1 ฉบับ/สำเนา 1 ฉบับ)(ผู้รับบริการต้องรับรองสำเนาถูกต้องเอกสารทุกหน้า)
เครดิต Benjawan ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐฯ สายด่วน 1111
https://pantip.com/topic/36821889/comment1-2 ................................. นำมาให้ดูกันชัด ๆ ว่า ตามกฏหมาย แบบไหน ถึงจะไม่ต้องรับราชการทหาร .. เครดิตภาพและข้อความ .. https://men.kapook.com/view86086.html
เมื่อชายไทยเข้ารับการตรวจเลือกทหาร จะถูกจัดออกเป็น 4 จำพวกตามผลการตรวจร่างกาย คือ
คนจำพวกที่ 1 ได้แก่ คนที่มีร่างกายสมบูรณ์ดี ไม่มีอวัยวะพิการหรือผิดส่วนแต่อย่างใด มีความสูงตั้งแต่ 146 ซม. ขึ้นไป ขนาดรอบตัวตั้งแต่ 76 ซม. ขึ้นไป
คนจำพวกที่ 2 คือ คนซึ่งมีร่างกายที่เห็นได้ชัดว่าไม่สมบูรณ์ดีเหมือนคนจำพวกที่ 1 แต่ไม่ถึงทุพพลภาพ
คนจำพวกที่ 3 คือ คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารในขณะนั้นได้เพราะป่วย ซึ่งจะบำบัดให้หายภายใน 30 วันไม่ได้
คนจำพวกที่ 4 คือ คนพิการทุพพลภาพ ซึ่งมีโรค หรือสภาพร่างกาย หรือสภาพจิตใจที่ไม่สามารถจะรับราชการทหารได้
โดยคนจำพวกที่ 4 นี่เอง ที่ระบุไว้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 74 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 41 และมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ว่า ไม่สามารถรับราชการทหารได้ ซึ่งต้องบุคคลที่มีโรคดังต่อไปนี้
สรุป การกำหนดความพิการทุพพลภาพหรือโรค ซึ่ง ไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ พระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. ๒๔๙๗ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๗๔ (พ.ศ.๒๕๔๐) และ ฉบับที่ ๗๖ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ข้อ2 โรคหรือสภาพร่างกายหรือสภาพจิตใจซึ่งจะไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ตามมาตรา 41คือ
(1) โรคหรือความผิดปกติของตา
(ก)ตาข้างหนึ่งข้างใดบอด คือเมื่อรักษาและแก้สายตาด้วยแว่นแล้วการมองเห็นยังอยู่ในระดับต่ำกว่า20 หรือลานสายตาโดยเฉลี่ยแคบกว่า10 องศา
(ข)สายตาไม่ปกติ คือเมื่อรักษาและแก้สายตาด้วยแว่นแล้วการมองเห็นยังอยู่ในระดับ 6/24 หรือต่ำกว่าทั้งสองข้าง
(ค)สายตาสั้นมากกว่า 8 ไดออปเตอร์หรือสายตายาวมากกว่า 5 ไดออปเตอร์ทั้งสองข้าง
(ง)ต้อแก้วตาทั้งสองข้าง (Bilateral Cataract)
(จ)ต้อหิน (Glaucoma)
(ฉ)โรคขั้วประสานตาเสื่อมทั้ง 2 ข้าง(Optic Atrophy)
(ช)กระจกตาอักเสบเรื้อรังหรือขุ่นทั้งสองข้าง (ซ)ประสาทการเคลื่อนไหวลูกตาไม่ทำงาน สูญเสียอย่างถาวร (Cranial nerve 3rd, 4th, 6th)
(2) โรคหรือความผิดปกติของหู
(ก)หูหนวกทั้งสองข้าง คือต้องใช้เสียงในช่วงคลื่นความถี่ 500-2,000 รอบต่อวินาทีหรือเกินกว่า 55 เดซิเบล จึงจะได้ยินทั้งสองข้าง
(ข)หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังทั้งสองข้าง
(ค)เยื่อแก้วหูทะลุทั้งสองข้าง (3) โรคของหัวใจและหลอดเลือด
(ก)หัวใจหรือหลอดเลือดพิการอย่างถาวร จนอาจเกิดอันตรายร้ายแรง
(ข)ลิ้นหัวใจพิการ
(ค)การเต้นของหัวใจผิดปกติอย่างถาวร จนอาจเกิดอันตรายร้ายแรง
(ง)โรคของกล้ามเนื้อหัวใจชนิดที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และอาจเป็นอันตราย
(จ)หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
(ฉ)หลอดเลือดภายในกะโหลกศีรษะโป่งพองหรือผิดปกติชนิดที่อาจเป็นอันตราย
(4) โรคเลือดและอวัยวะสร้างเลือด
(ก)โรคเลือดหรืออวัยวะสร้างเลือดผิดปกติอย่างรุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
(ข)ภาวะม้ามโต (Hypersplenism) ที่รักษาไม่หายและอาจเป็นอันตราย
(5) โรคระบบหายใจ
(ก)โรคหืด (Asthma) ที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์การวินิจฉัย (ข) โรคทางปอดที่มีอาการไอหอบเหนื่อย และมีการสูญเสียการทำงานของระบบทางเดินหายใจโดยตรวจสอบสมรรถภาพปอดได้ค่า ForcedExpiratory Volume in One Second หรือ Forced Vital Capacity ต่ำกว่าร้อยละ ๖๐ของค่ามาตรฐานตามเกณฑ์ (ค) โรคความดันเลือดในปอดสูง (Pulmonary Hypertension) ซึ่งวินิจฉัยโดยการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram)หรือโดยการใส่สายวัดความดันเลือดในปอด (ง) โรคถุงน้ำในปอด (Lung Cyst) ที่ตรวจวินิจฉัยได้โดยภาพถ่ายรังสีทรวงอกหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอด (จ) โรคหยุดการหายใจขณะนอนหลับ(Obstructive Sleep Apnea) ซึ่งวินิจฉัยด้วยการตรวจการนอนหลับ(Polysomnography)”
(6) โรคของระบบปัสสาวะ
(ก)ไตอักเสบเรื้อรัง
(ข)กลุ่มอาการไตพิการ (Nephrotic Syndrome)
(ค)ไตวายเรื้อรัง
(ง)ไตพองเป็นถุงน้ำแต่กำเนิด (PolycysticKidney)
(7) โรคหรือความผิดปกติของกระดูกข้อ และกล้ามเนื้อ
ก)โรคข้อหรือความผิดปกติของข้อ ดังต่อไปนี้ ๑) ข้ออักเสบเรื้อรัง (Chronic Arthritis) ๒) ข้อเสื่อมเรื้อรัง (Chronic Osteoarthritis) ๓) โรคข้อและกระดูกสันหลังอักเสบเรื้อรัง(Spondyloarthropathy)
(ข)แขน ขา มือ เท้า นิ้ว อย่างใดอย่างหนึ่งผิดปกติ ดังต่อไปนี้ 1. แขนขา มือ หรือเท้า ด้วนหรือพิการถึงแม้ว่าจะรักษาด้วยวิธีใหม่ที่สุดแล้วก็ยังใช้การไม่ได้ 2. นิ้วหัวแม่มือด้วนจนถึงข้อปลายนิ้วหรือพิการถึงขั้นใช้การไม่ได้ 3. นิ้วชี้ของมือด้วนตั้งแต่ข้อปลายนิ้ว 4. นิ้วมือในมือข้างเดียวกันตั้งแต่สองนิ้วขึ้นไปด้วนจนถึงข้อปลายนิ้วหรือพิการถึงขั้นใช้การไม่ได้ 5. นิ้วหัวแม่เท้าด้วนจนถึงข้อปลายนิ้วหรือพิการถึงขั้นใช้การไม่ได้ 6. นิ้วเท้าในเท้าข้างเดียวกันตั้งแต่สองนิ้วขึ้นไปด้วนจนถึงข้อปลายนิ้วหรือพิการถึงขั้นใช้การไม่ได้ 7. นิ้วเท้าในเท้าแต่ละข้างตั้งแต่หนึ่งนิ้วขึ้นไปด้วนจนถึงข้อปลายนิ้วหรือพิการถึงขั้นใช้การไม่ได้ 8. นิ้วเท้าในเท้าข้างใดข้างหนึ่งตั้งแต่หนึ่งนิ้วขึ้นไปด้วนจนถึงข้อโคนนิ้วหรือพิการถึงขั้นใช้การไม่ได้
(ค)คอเอียงหรือแข็งทื่อชนิดถาวร (ง) กระดูกสันหลังโก่งหรือคดหรือแอ่นจนเห็นได้ชัดหรือแข้งทื่อชนิดถาวร
(จ)กล้ามเนื้อเหี่ยวลีบหรือหดสั้น (Atrophy orContracture) จนเป็นผลให้อวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดใช้การไม่ได้ (8) โรคของต่อมไร้ท่อและภาวะผิดปกติของเมตาบอลิซึม
(ก)ภาวะต่อมธัยรอยด์ทำงานน้อยไปอย่างถาวร
(ข)ภาวะต่อมพาราธัยรอยด์ทำงานน้อยไปอย่างถาวร
(ค)ภาวะต่อมใต้สมองผิดปกติอย่างถาวร
(ง)เบาหวาน
(จ)ภาวะอ้วน (Obesity) ซึ่งมีดัชนีความหนาของร่างกาย(BMI : Body Mass Index) ตั้งแต่35 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป
(ฉ)โรคหรือความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึมของแร่ธาตุ สารอาหาร ดุลย์สารน้ำอีเล็คโทรลัยท์และกรดด่างตลอดจนเมตาบอลิซึมอื่นๆชนิดถาวรและอาจเป็นอันตราย (ช)ภาวะต่อมธัยรอยด์ทำงานมากผิดปกติ (Hyperthyroidism
(9) โรคติดเชื้อ
(ก)โรคเรื้อรัง
(ข)โรคเท้าช้าง
(ค)โรคติดเชื้อเรื้อรังระยะแสดงอาการรุนแรง ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ (10) โรคทางประสาทวิทยา
(ก)จิตเจริญล่าช้า (Mental Retardation) ที่มีระดับเชาว์ปัญญา69 หรือต่ำกว่านั้น
(ข)ใบ้ (Mutism) หรือพูดไม่เป็นภาษาหรือฟังภาษาไม่รู้เรื่อง(Aphasia) ชนิดถาวร
(ค)ลมชัก (Epilepsy) หรือโรคที่ทำให้มีอาการชัก(Seizures) อย่างถาวร
(ง)อัมพาต (Paralysis) ของแขนขา หรือเท้า ชนิดถาวร
(จ)สมองเสื่อม (Dementia)
(ฉ)โรคหรือความผิดปกติของสมองหรือไขสันหลังที่ทำให้เกิดความผิดปกติอย่างมากในการเคลื่อนไหวของแขนหรือขาอย่างถาวร
(ช)กล้ามเนื้อหมดกำลังอย่างหนัก (MyastheniaGravis)
(11) โรคทางจิตเวช
(ก)โรคจิตที่มีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ๑) โรคจิตเภท (Schizophrenia) ๒) โรคจิตกลุ่มหลงผิด (Resistant Delusional Disorder, Induced Delusional Disorder) ๓) โรคสคิซโซแอฟแฟ็คทีป (Schizoaffective Disorder) ๔) โรคจิตที่เกิดจากโรคทางกาย (Other Mental Disorder due to Brain Damage and Dysfunction) ๕) โรคจิตอื่น ๆ (UnspecifiedNonorganic Psychosis) (ข)โรคอารมณ์แปรปรวนที่มีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ๑) โรคอารมณ์แปรปรวน (Manic Episode, Bipolar Affective Disorder) ๒) โรคอารมณ์แปรปรวนที่เกิดจากโรคทางกาย (Other Mental Disorderdue to Brain Damage and Dysfunction andto Physical Disorder) ๓) โรคอารมณ์แปรปรวนอื่น ๆ (Other Mood (Affective) Disorder, Unspecified Mood Disorder) ๔) โรคซึมเศร้า (DepressiveDisorder, Recurrent Depressive Disorder) (ค) โรคพัฒนาการทางจิตเวช ๑) จิตเจริญล่าช้าที่มีระดับเชาว์ปัญญา ๗๐หรือต่ำกว่า (Mental Retardation) ๒)โรคหรือความผิดปกติในการพัฒนาการของทักษะทางสังคมและภาษา (Pervasive Developmental Disorder)” (12) โรคอื่นๆ
(ก)กระเทย (Hermaphrodism)
(ข)มะเร็ง (Malignant Neoplasm)
(ค)ตับอักเสบเรื้อรัง (Chronic Hepatitis)
(ง)ตับแข็ง (Cirrhosis of liver)
(จ)คนเผือก (Albinos)
(ฉ)โรคลูปัสอิริธิมาโตซัสทั่วร่างกาย (SLE: Systemic Lupus Erythematosous)
(ช)กายแข็งทั่วร่างกาย (Systemic Sclerosis)
(ซ)รูปวิปริตต่างๆได้แก่ (1) จมูกโหว่ (2)เพดานโหว่หรือสูงหรือลิ้นไก่สั้นพูดไม่ชัด (ฌ)โรคผิวหนังลอกหลุดตัวผิดปกติแต่กำเนิดชนิดเด็กดักแด้ (Lamellar Ichthyosis & Congenital IchthyosiformErythroderma)
ข้อมูลเพิ่มเติม
กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เลขที่ 2 ถนนเจริญกรุง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทร. 0-2223-3259, โทรทหาร 91980 https://sassadee.rta.mi.th/ การเกณฑ์ทหารในประเทศไทยhttps://goo.gl/346W6o
**********************************************
ขั้นตอนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการมีดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เมื่อทหารกองเกินมา ณ สถานที่ตรวจเลือกให้เข้าแถวรวมอยู่ตามป้ายตำบลที่ปักไว้ครั้นถึงเวลา 07.00น. จะมีพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา โดยประธานกรรมการนำคณะกรรมการตรวจเลือกและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมาเข้าแถวณ หลังเสาธง จัดให้มีเจ้าหน้าที่เชิญธงชาติ เมื่อธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาแล้วประธานกรรมการจะกล่าวถึงความสำคัญในการเข้ารับราชการทหารเพื่อชี้แจงให้ทหารกองเกินได้ตระหนักถึงความสำคัญ ในการรับราชการทหาร เพื่อชี้แจงให้ทหารกองเกินได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการรับราชการทหารผลเสียหายในการหลีกเลี่ยงขัดขืน ต่อจากนั้น กรรมการสัสดีจังหวัดจะชี้แจงวิธีปฏิบัติในการร้องขอเข้ากองประจำการ(สมัคร)รวมทั้งการยกเว้นผ่อนผันตลอดจนการขอสิทธิลดวันรับราชการและเหตุต่าง ๆ ที่ควรทราบต่อจากนั้นจะเริ่มทำการตรวจเลือก ดังนี้
-เจ้าหน้าที่โต๊ะที่ 1 มีหน้าที่เรียกชื่อตรวจบัตรประจำตัวประชาชนและหมายเรียกเพื่อมิให้เปลี่ยนตัวและผิดคน
-เจ้าหน้าที่โต๊ะที่ 2 มีหน้าที่ตรวจร่างกายและแบ่งคนเป็นจำพวกกล่าวคือเมื่อตรวจร่างกายแล้ว จะแบ่งคนออกเป็น 4 จำพวก คือ
จำพวกที่ 1 ได้แก่ คนซึ่งร่างกายสมบูรณ์ดีไม่มีอวัยวะพิการหรือผิดส่วนแต่อย่างใด
จำพวกที่ 2 ได้แก่ คนซึ่งมีร่างกายที่เห็นได้ชัดว่าไม่สมบูรณ์ดีเหมือนคนจำพวกที่ 1 แต่ไม่ถึงกับทุพพลภาพ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2517)ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 เช่น ตาเหล่อ ช่องหูมีหนองเรื้อรังและทั้งแก้วหูทะเลคอพอก มือหรือแขนลีบหรือบิดเก ไส้เลื่อนลงถุง
จำพวกที่ 3 ได้แก่ คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารทหารในขณะนั้นได้เพราะป่วย ซึ่งจะบำบัดให้หายไม่ได้ภายในกำหนด 30 วัน กรณีนี้ให้เรียกมาตรวจเลือกในคราวถัดไปเมื่อคณะกรรมการตรวจเลือกได้ตรวจเลือกแล้วยังคงเป็นคนจำพวกที่ 3 อยู่รวม 3 ครั้ง ให้งดเรียก (การนับครั้งจะนับครั้งให้เฉพาะที่ได้ตัวมาตรวจเลือกถ้าตัวไม่มาตรวจเลือกไม่นับครั้งให้)
จำพวกที่ 4 ได้แก่ คนพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไม่สามารถรับราชการได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่74 (พ.ศ.2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 เช่น ต้อหินหูหนวกทั้งสองข้าง ลิ้นหัวใจพิการ หืด เบาหวาน กระเทย โรคจิต ใบ้ คนเผือกฯลฯ (ปลดพ้นราชการทหารประเภทที่ 2 ตามกฎหมาย)
เมื่อตรวจร่างกายกำหนดคนเป็นจำพวกแล้ว
คนจำพวกที่ 1 เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปยังโต๊ะที่ 3 เพื่อทำการวัดขนาด
ส่วนคนจำพวกที่ 2, 3 และ 4 ให้ไปรอที่โต๊ะประธานกรรมการเพื่อตรวจสอบปล่อยตัว
-เจ้าหน้าที่โต๊ะที่ 3 มีหน้าที่ วัดขนาด โดยกระทำ ดังนี้ ให้ผู้ที่เข้ารับการตรวจเลือกยืนตั้งตัวตรงส้นเท้าชิดกันขนาดสูงให้วัด ตั้งแต่ตรงส้นเท้าจนสุดศีรษะ ขนาดรอบตัวให้คล้องแถบเมตรรอยตัวให้ริมล่างของแถลงได้ระดับ ราวนมโดยรอบวัดเมื่อหายใจออกเต็มที่หนึ่งครั้งและหายใจเข้าเต็มที่หนึ่งครั้ง เมื่อวัดขนาดแล้วจะแบ่งทหารกองเกินเป็น 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 เรียกว่า คนได้ขนาดคือ มีขนาดสูงตั้งแต่ 1 เมตร60 เซนติเมตร ขึ้นไป และมีขนาดรอบตัวตั้งแต่ 76 เซนติเมตรขึ้นไป
กลุ่มที่ 2 เรียกว่า คนขนาดถัดรอง คือ มีขนาดสูงตั้งแต่ 1เมตร 59 เซนติเมตร ลงมาถึง 1 เมตร 46 เซนติเมตร และมีขนาดรอบตัวตั้งแต่ 76 เซนติเมตรขึ้นไป คนขนาดถัดรองนี้ หากมีคนขนาดสูงกว่าและได้ขนาดพอ (คนได้ขนาด)คณะกรรมการตรวจเลือกจะคัดออก ปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องจับสลาก
กลุ่มที่ 3 เรียกว่า คนไม่ได้ขนาดคือ มีขนาดสูงไม่ถึง 1 เมตร46 เซนติเมตร หรือขนาดรอบตัวไม่ถึง 76 เซนติเมตร อย่างใดอย่างหนึ่ง คนไม่ได้ขนาดนี้คณะกรรมการตรวจเลือกจะคัดออก ปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องจับสลากแต่อย่างใด เมื่อได้วัดขนาดและแบ่งคนเป็นกลุ่มต่างๆ แล้ว ต่อไปก็จะเป็นวิธีการคัดเลือกผู้ที่จะต้องจับสลาก(แดง- เป็นทหาร , ดำ - ปล่อย) ต่อไป
วิธีคัดเลือกนั้นผู้ซึ่งอยู่ในข่ายที่จะส่งเข้าเป็นทหารได้ คือคนจำพวกที่ 1 , คนจำพวกที่ 2 และคนผ่อนผัน ที่มีขนาดสูงตั้งแต่ 1 เมตร 46เซนติเมตร และมีขนาดรอบตัว 76 เซนติเมตร ขึ้นไป โดยมีวิธีคัดเลือกดังนี้
-เลือกคนจำพวกที่ 1 ซึ่งมีขนาดสูงตั้งแต่ 1 เมตร 60 เซนติเมตร ขึ้นไปก่อนถ้ามีจำนวนมากกว่าที่ทางราชการต้องการ ก็ให้จับสลาก
-ถ้าคนจำพวกที่ 1 ซึ่งมีขนาดสูงตั้งแต่ 1 เมตร 60 เซนติเมตร ขึ้นไป มีไม่พอกับจำนวนที่ทางราชการต้องการก็ให้เลือกคนที่มีขนาดสูงถัดรองลงมา (159 ซม., 158 ซม.) ตามลำดับจนพอกับจำนวนที่ต้องการ
-ถ้าคนจำพวกที่ 1 (คนที่มีขนาดสูง 1 เมตร 60 เซนติเมตร ขึ้นไป และคนขนาดถัดรอง)มีไม่พอกับจำนวนที่ต้องการก็ให้เลือกคนจำพวกที่ 2 ถ้ายังไม่พออีก ก็ให้เลือกจากคนที่จะได้รับการผ่อนผัน
4.โต๊ะประธานกรรมการ มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องปล่อยตัวคนจำพวกที่4 , 3 คนไม่ได้ขนาด, คนผ่อนผัน, คนจำพวกที่ 2 คนขนาดถัดรอง (ถ้ามีคนได้ขนาดพอ) และคนได้ขนาด (กรณีที่มีคนร้องขอหรือสมัครเป็นทหารพอกับจำนวนที่ต้องการแล้วไม่ต้องจับสลาก) พร้อมกับมอบใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ (แบบ สด.43 ให้รับไปในวันตรวจเลือก)
ขั้นตอนที่ 2 ซึ่งได้แก่การจับสลากซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่จะเรียกชื่อคำจำพวกที่ 1 ซึ่งอยู่ในข่ายที่จะต้องจับสลาก (คัดเลือกแล้ว) มารวมเป็นตำบล ๆ เพื่อดำเนินการจับสลากโดยมีสลากสีแดงและสลากสีดำรวมกันเท่ากับคนที่ตองจับสลากสลากสีแดงให้มีเท่ากับจำนวนคนที่ต้องส่งเข้ากองประจำการ โดยหักคนหลีกเลี่ยงขัดขืนและคนร้องขอเข้ากองประจำการ(สมัคร) ออก นอกนั้นเหลือเป็นสลากสีดำ การที่จะกำหนดให้ตำบลใดจับสลากก่อนหลังนั้น จะกระทำโดยวิธีให้ผู้แทนของแต่ละตำบลซึ่งอาจจะเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน เทศมนตรี หรือผู้แทนทหารกองเกินของตำบลนั้น ๆ มาจับสลาก
-ผู้ที่จับสลากดำ ประธานกรรมการตรวจเลือกจะมอบใบรับรองผลการตรวจเลือกฯ (แบบ สด.43) ให้รับไปในวันตรวจเลือกและปล่อยตัวไป
-ผู้ที่จับสลากแดง ประธานกรรมการตรวจเลือกจะมอบใบรับรองผลการตรวจเลือกฯ (แบบ สด.43) ให้รับไปในวันตรวจเลือกและนำตัวรับราชการทหาร (แบบ สด.40) จากเจ้าหน้าที่ของอำเภอเพื่อให้ไปรายงานตัวเข้ารับราชการกองประจำการตามกำหนดในหมายนัดของนายอำเภอต่อไป
สำหรับผู้ที่จับสลากแดงโดยปกติจะต้องเป็นทหารมี กำหนด 2 ปีแต่ถ้าเป็นผู้มีคุณวุฒิพิเศษแล้วกฎหมายยังเปิดโอกาสให้สิทธิในการลดวันรับราชการได้ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 24(พ.ศ.2508) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 ทั้งนี้การขอสิทธิลดวันรับราชการทหารต้องนำหลักฐานแสดงคุณวุฒิพิเศษไปยื่นต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือกโดยทำคำร้องไว้ พร้อมทั้งขอใบรับหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ด้วย
หมายเหตุ : กรณีต้องการยื่นวุฒิการศึกษาเพื่อใช้สิทธิในการลดวันรับราชการทหาร จะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาก่อนวันที่จะทำการเข้ารับการตรวจเลือก หากทางสถานศึกษาไม่สามารถออกใบสำเร็จการศึกษาได้ทันในวันตรวจเลือก ผู้เข้ารับการตรวจเลือกจะต้องขอหนังสือรับรองการสำเร็จการศึกษาจากทางสถานศึกษามายื่นในวันตรวจเลือกครับ
Punyapat
**********************************************
การตรวจเลือกทหาร ***กำหนดคนเป็น 4 จำพวก จำพวกที่ 1 ร่างกายสมบูรณ์ดี ไม่มีอวัยวะพิการหรือผิดส่วนแต่อย่างใด มีขนาดสูงตั้งแต่ 146 ซม. ขึ้นไป มีขนาดรอบตัวตั้งแต่ 76 ซม. ขึ้นไป
จำพวกที่ 2 เห็นได้ชัดว่า ร่างกายไม่สมบูรณ์ดี แต่ไม่ถึงทุพพลภาพ
จำพวกที่ 3 ร่างกายไม่แข็งแรงพอหรือป่วย ซึ่งบำบัดให้หายใน 30 วันไม่ได้
จำพวกที่ 4 พิการทุพพลภาพ มีโรคที่ไม่สามารถรับราชการทหารได้
*** ณ วันที่ตรวจเลือกทหาร
จำพวกที่ 1 เข้ารับการคัดเลือกตามปกติ
จำพวกที่ 2 เมื่อคนจำพวกที่ 1 มีจำนวนเพียงพอต่อการคัดเลือก คณะกรรมการพิจารณาปล่อยตัว และไม่ต้องมาเข้ารับการตรวจเลือกทหารอีก กรณีคนจำพวกที่ 1 มีจำนวนไม่เพียงพอต่อการคัดเลือก ให้เรียกคนจำพวกที่ 2 เข้ารับการคัดเลือก เมื่อสิ้นสุดการคัดเลือก หากไม่ได้รับการคัดเลือก ไม่ต้องมาเข้ารับการตรวจเลือกทหารอีก
จำพวกที่ 3 คณะกรรมการพิจารณาปล่อยตัว และต้องมาเข้ารับการตรวจเลือกทหารอีกในปีถัดไป หากเป็นคนจำพวก 3 ในการตรวจเลือกทหาร 3 ปีติดต่อกัน ให้ยกเลิกไม่ต้องมาเข้ารับการตรวจเลือกทหารอีก
จำพวกที่ 4 คณะกรรมการพิจารณาปล่อยตัว และไม่ต้องมาเข้ารับการตรวจเลือกทหารอีก
คณะกรรมการ ณ วันที่ตรวจเลือกทหาร เป็นผู้ตัดสินคัดแยก คนจำพวก 1 , 2 , 3 และ 4 โดยการพิจารณาของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด ณ วันที่ตรวจเลือกทหาร ซึ่งสามารถสอบถามหรือร้องเรียนได้ตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด
ยกตัวอย่าง กรณีผ่าตัดกระดูกดามเหล็ก - ไม่เกิน 1 ปี ให้เป็นบุคคลจำพวก 3 - เกิน 1 ปี และมีปัญหาแทรกซ้อน เช่น ข้อติดขัด, กระดูกผิดรูป, การเคลื่อนไหวไม่สะดวกจนทำงานไม่ถนัด ให้เป็นบุคคลจำพวก 2
เรียบเรียง จากเนื้อหาบางส่วนของเอกสาร คำอธิบายและกฎหมายเกี่ยวกับการตรวจเลือกทหาร รพ.ค่ายกาวิละ พ.ศ.2562 สนใจ อ่านเพิ่มเติม ใช้คำค้นหา " คำอธิบายและกฎหมายเกี่ยวกับการตรวจเลือกทหาร รพ.ค่ายกาวิละ" หรือ ดาวน์โหลดได้ที่ลิงก์ https://www.fortkawila.com/home/wp-content/uploads/2018/09/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%A3%E0%B8%9E.%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B0-2562.pdf
...........................................................
การขอยกเว้นตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ 1 ตุลาคม 2019 https://fortkawilahospital.rta.mi.th/web/?p=5119

ตรวจโรคก่อนคัดเลือก ปี66 5 กันยายน 2022 https://fortkawilahospital.rta.mi.th/web/?p=6097


หมายเหตุ .... การออกใบรับรองแพทย์ เป็น " เท็จ " ผิดทั้งหมอที่ออก และ ผู้ที่นำไปใช้ ติดคุกได้เลยนะครับ 
ความรู้เกี่ยวกับ ใบรับรองแพทย์ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=06-01-2008&group=4&gblog=5
Create Date : 10 เมษายน 2552 |
Last Update : 23 ตุลาคม 2565 16:00:58 น. |
|
5 comments
|
Counter : 70286 Pageviews. |
|
 |
|
วันอังคาร 9 กรกฎาคม 2562
https://pantip.com/topic/39039273