คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแสนแพง ... ( นำมาฝาก )
คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแสนแพง pantip.com/topic/33686093 สืบเนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาเรื่องโรงพยาบาลเอกชนกันมากจึงขอเสนอแนะแนวทางหลีกเลี่ยงค่ารักษาแสนแพง ดังนี้ 1. เริ่มต้นตรวจสอบสิทธิการรักษาของท่านตั้งแต่วันนี้ สิทธิ30บาท: //www.nhso.go.th/FrontEnd/page-forpeople_check.aspx หรือ เบอร์1330 สิทธิประกันสังคม: //www.sso.go.th/wpr/home.jsp หรือเบอร์1506 สิทธิข้าราชการเบิกจ่ายตรง: //welcgd.cgd.go.th/wel/login.jsp 2. หากท่านต้องย้ายที่อยู่ไปทำงาน เรียน หรือใดๆก็ตาม ที่ไม่ใช่การไปเพียงชั่วคราวกรุณาย้ายสิทธิการรักษาของท่านไปยังที่อยู่ใหม่ด้วย 3. หากท่านเจ็บป่วยกรุณาเลือกไปยังโรงพยาบาลที่ท่านมีสิทธิการรักษาอยู่เพื่อที่จะได้ใช้สิทธิและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด หากเป็นการเจ็บป่วยที่ไม่ใช่กรณีฉุกเฉินกรุณาไปในเวลาทำการจะดีมาก เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์นอกเวลาราชการที่มีจำนวนน้อยสามารถให้การรักษาผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินได้อย่างเต็มที่(คำจำกัดความของ"กรณี เจ็บป่วยฉุกเฉินจะกล่าวถึงไว้ด้านล่าง) 4. หากไปรักษาตามสิทธิแล้วพบว่าใช้เวลาในการรอคอยนาน ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรให้พิจารณาเวลาที่เสียไป ว่าคิดเป็นรายได้เท่าไหร่ และคำนวณว่าคุ้มค่าหรือไม่หากเทียบกับราคาค่ารักษาของโรงพยาบาลเอกชน 5. โรงพยาบาลเอกชนควรทำรายการแจ้งค่ารักษาพยาบาล หัตถการ ยา วัสดุทางการแพทย์อย่างละเอียดเช่น gauze แต่ละขนาดมีราคาชิ้นละเท่าไหร่ ติดประกาศอย่างชัดเจนไว้หน้าโรงพยาบาลและบนwebsiteโรงพยาบาล เพื่อผู้ป่วยจะได้นำไปคำนวณประกอบการตัดสินใจในข้อที่4 6. หากท่านคิดว่าราคาตามข้อที่5ยังแพงเกินไปให้พิจารณาเรื่องความคุ้มค่าของการทำประกันสุขภาพเพื่อประกอบการตัดสินใจในข้อที่4 7. หากท่านตัดสินใจรับบริการโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีหลายระดับราคา กรุณาศึกษาข้อมูลข้อที่5ของแต่ละโรงพยาบาลอย่างละเอียด(ถ้าศึกษาเตรียมไว้ ก่อนจะช่วยให้ท่านสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อเจ็บป่วย) 8. หากท่านสงสัยว่าการเจ็บป่วยของตนเองเป็น"กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน"กรุณาศึกษารายละเอียดต่อไปนี้ การเจ็บป่วยฉุกเฉินที่มีภาวะวิกฤตและต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ทันที สังเกตได้จาก 6 อาการ ดังนี้ 1. หัวใจหยุดเต้น ไม่หายใจ ไม่ตอบสนองต่อการเรียกหรือกระตุ้นจำเป็นต้องได้รับการกู้ชีพทันที 2. การรับรู้ สติเปลี่ยนไปบอกเวลา สถานที่ คนที่คุ้นเคยผิดอย่างเฉียบพลัน 3. ระบบหายใจมีอาการดังนี้ ไม่สามารถหายใจได้ปกติ หายใจเร็ว แรง และลึก หายใจมีเสียงดังผิดปกติพูดได้แค่สั้นๆ หรือร้องไม่ออก ออกเสียงไม่ได้ สำลักอุดทางเดินหายใจกับมีอาการเขียวคล้ำ4. ระบบไหลเวียนเลือดวิกฤตอย่างน้อย 2 ข้อคือ ตัวเย็นและซีด เหงื่อแตกจนท่วมตัว หมดสติชั่ววูบ หรือวูบเมื่อลุกยืนขึ้น 5.อวัยวะฉีกขาด เสียเลือดมาก เสี่ยงต่อการพิการ และ 6.อาการอื่นๆ ที่มีภาวะเสี่ยงต่อชีวิตสูง เช่น เจ็บหน้าอกรุนแรงแขนขาอ่อนแรงทันทีทันใด ชักเกร็ง เป็นต้น  Ref: //www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000037668 9. หากการเจ็บป่วยของท่านเข้าได้กับข้อที่8 กรุณาไปรับการรักษายังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดหรือโทรเบอร์1669 ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน กรุณาแจ้งทางโรงพยาบาลว่าท่านต้องการย้ายกลับไปโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาของท่านเมื่อพ้นภาวะฉุกเฉินทันที ทางเอกชนจะได้ติดต่อกับโรงพยาบาลตามสิทธิไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเตียงเต็มและค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากสิทธิฉุกเฉิน
หากโรงพยาบาลเอกชนพยายามเรียกเก็บเงินจากท่านในกรณีฉุกเฉิน ให้ท่านขอเหตุผลและหลักฐานและโทรไปติดต่อยังเบอร์ในข้อที่ 1 (ในกรณีนี้การย้ายสิทธิตามข้อที่2 จะมี ประโยชน์ เพราะถ้าโรงพยาบาลตามสิทธิอยู่ไม่ไกลนัก ระยะเวลาในการส่งตัวจะน้อยเมื่ออาการท่านคงที่ระดับหนึ่งก็สามารถย้ายไปตามสิทธิได้เลย แต่หากท่านไม่ย้ายสิทธิตามการย้ายถิ่นฐานเช่น สิทธิอยู่แม่ฮ่องสอน มาทำงานกรุงเทพ เจ็บป่วยที่กรุงเทพ ก็ต้องรอให้อาการคงที่มากพอที่จะเดินทางระยะหลายร้อยกิโลเมตรได้จึงจะสามารถส่งตัวกลับตามสิทธิได้ ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายนอกสิทธิฉุกเฉินที่มากขึ้น) แต่หากอาการของท่านไม่เข้ากับข้อที่8 กรุณาไปพบแพทย์ตามสิทธิการรักษาของท่านในวันรุ่งขึ้นในเวลาทำการ 10. หากท่านตัดสินรับการรักษาที่โรงพยาบาลในการเจ็บป่วยที่ไม่เข้ากับข้อที่8และต้องมีหัตถการหรือการรักษาต่อเนื่องคำนวณแล้วไม่คุ้มค่าตามข้อที่4และ5 รวมทั้งไม่มีประกันสุขภาพตามข้อที่6กรุณาแจ้งความประสงค์ขอไปรักษาตามสิทธิของท่าน เครดิต One Hundred Years of Solitude .................... สำรวจราคาห้องพักโรงพยาบาลไหนแพงสุด 68,000 บาท/คืน
//thaipublica.org/2017/03/room-rates-hospital-in-bangkok/
จากการสำรวจโรงพยาบาลและสถานพยาบาลเอกชนปี 2555 (จัดทำทุก 5 ปี) ระบุว่า สถานพยาบาลเอกชนประเทศไทยมีจำนวนเตียงรวม 30,880 เตียง จากโรงพยาบาลรวม 321 แห่ง และมีอัตราค่าห้องพักผู้ป่วยไม่รวมค่าอาหารเฉลี่ยทั้งประเทศต่อคืน ดังนี้ ห้องเดี่ยวพิเศษ 2,792 บาท ห้องเดี่ยวปรับอากาศ 1,666 บาท ห้องเดี่ยวพัดลม 706 บาท ห้องเตียงรวมปรับอากาศ 939 บาท ห้องเตียงรวมพัดลม 448 บาท และห้องผู้ป่วยหนักทุกประเภท 2,258 บาท
จากข้อมูลเครือโรงพยาบาลกลุ่มบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BDMS) เฉพาะในประเทศไทยมีทั้งหมด 45 แห่ง มีจำนวนเตียงรวม 8,927 เตียง โดยกลุ่ม BDMS มีจำนวนเตียงประมาณร้อยละ 29 หรือเกือบ 1 ใน 3 ของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย สำหรับ BDMS เป็นกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนแบบครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ถือหุ้นใหญ่โดยนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ในสัดส่วนร้อยละ 18.26 ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลักๆ คือ กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล และเป็นเศรษฐีหุ้นที่รวยอันดับหนึ่งของประเทศในปี 2559
จากข้อมูลเว็บไซต์ของตัวแทนบริษัทประกันเอไอเอ ระบุข้อมูลค่าห้องพัก ค่าอาหาร และบริการพยาบาลต่อคืน ของโรงพยาบาลเอกชนบางส่วนในกรุงเทพมหานคร พบว่า ห้องพักของโรงพยาบาลแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ห้องวีไอพี ราคาเริ่มต้นที่ 3,200-68,000 บาท ห้องเตียงเดี่ยว ราคาเริ่มต้นที่ 2,100-12,000 บาท และห้องเตียงคู่ ราคาเริ่มต้นที่ 700-4,200 บาท โดยโรงพยาบาลกรุงเทพมีราคาห้องพักสูงที่สุด คือ เตียงเดี่ยว 7,300 บาทต่อคืน และวีไอพี เริ่มต้นที่ 48,000-68,000 บาทต่อคืน
ในขณะที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลสมิติเวช ล้วนจัดอยู่ในกลุ่มโรงพยาบาลที่มีค่าบริการห้องพักสูงในอันดับต้นๆ ด้วย(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
สำนักข่าวไทยพับลิก้าได้สำรวจเฉพาะราคาห้องพัก ไม่รวมการบริการอื่นๆ ของโรงพยาบาลชื่อดังในกรุงเทพมหานครจำนวน 11 แห่ง แบ่งเป็นโรงพยาบาลเครือ BDMS 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ โรงพยาบาลเปาโล โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลพญาไท 1 และโรงพยาบาลรามคำแหง และโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลเวชธานี และโรงพยาบาลพระราม 9
พบว่า โรงพยาบาลที่มีราคาห้องพักสูงที่สุด 5 อันดับคือ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เริ่มต้นที่ 7,080-16,790 บาทต่อคืน โรงพยาบาลกรุงเทพ เริ่มต้นที่ 3,700-15,000 บาทต่อคืน และโรงพยาบาลพระราม 9 เริ่มต้นที่ 3,800-18,000 บาทต่อคืน โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เริ่มต้นที่ 3,200-12,000 บาทต่อคืน และโรงพยาบาลพญาไท 1 เริ่มต้นที่ 2,700-15,200 บาทต่อคืน ตามลำดับ จากข้อมูลเครือ BDMS ติดอันดับโรงพยาบาลเอกชนที่มีราคาห้องพักแพงที่สุดถึง 4 แห่ง อย่างไรก็ตามเมื่อดูราคาห้องพักของโรงพยาบาลเปาโล และโรงพยาบาลรามคำแหงแล้วก็พบว่า มีราคาห้องพักสูงกว่า หรือใกล้เคียงกับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำอื่นๆ ด้านโรงพยาบาลเกษมราษฎร์มีราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,400- 4,500 บาทต่อคืน
ทั้งนี้ ในปี 2555 โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ หรือ SiPH หนึ่งในโรงพยาบาลสุดหรูของไทยในสังกัดคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้เปิดให้บริการโดยมีค่าห้องพักรวมค่าบริการทางการแพทย์และค่าอาหาร แบ่งเป็นห้องดีลักซ์ราคา 6,700 บาทต่อคืน ห้องวีไอพีราคา 13,200 บาทต่อคืน ห้องเอ็กเซ็กคิวทีฟราคา 18,700 บาทต่อคืน และห้องรอยัลราคา 47,000 บาทต่อคืน
อย่างไรก็ตามหากต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่มากกว่าค่าบริการห้องพัก เช่น ค่าบริการทางการแพทย์และพยาบาล ค่าอาหาร ค่ายาและเวชภัณฑ์ในการรักษาพยาบาล ฯลฯ ซึ่งจะทำค่าใช้จ่ายต่อวันของผู้ป่วยนั้นสูงเพิ่มขึ้นอีกประมาณอย่างน้อย 1 เท่าตัว(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
นี่คือราคาห้องพักในการรักษาพยาบาลกรณีนอนพักในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ
....................
แถม เรื่องที่เกี่ยวข้อง .. infographic9 ข้อควรรู้เรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=06-06-2017&group=7&gblog=216 นพ.ธีระ วรธนารัตน์ : เจ็บป่วยฉุกเฉินเมื่อนโยบายยังไม่ชัด ต้องคิดก่อนเข้า //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=21-02-2017&group=7&gblog=212 เจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียว นโยบายดีแต่การปฏิบัติล้มเหลว ?... //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=14-10-2014&group=7&gblog=185 สพฉ. จับมือ สธ.พัฒนาการให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินตามนโยบาย เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ดีทุกสิทธิ์ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=02-04-2015&group=7&gblog=186 คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแสนแพง... ( นำมาฝาก ) //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=28-05-2015&group=7&gblog=189 โรงพยาบาลเอกชน "แพง" ..ข้อมูลที่ยังไม่รู้ หรือว่า แกล้งไม่รู้ ? ( ฟังความอีกข้าง ^_^ ) //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=08-06-2015&group=7&gblog=190 ตรวจสอบค่ารักษาพยาบาล Online ได้ที่//www.hospitalprice.org หรือ สายด่วนสุขภาพ 02 193 7999
Create Date : 28 พฤษภาคม 2558 |
Last Update : 6 มิถุนายน 2560 22:04:11 น. |
|
6 comments
|
Counter : 15852 Pageviews. |
|
 |
|
//www.hfocus.org/content/2015/06/10112
Fri, 2015-06-05 14:15 -- hfocus
นพ.ธีระ วรธนารัตน์
บทความจาก นพ.ธีระ วรธนารัตน์ นำเสนอผลการวิจัยจากต่างประเทศว่า ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางนั้น ระบบบริการการแพทย์ภาคเอกชนดีกว่ารัฐบาลจริงหรือไม่ ? ซึ่งผลที่ได้จากการวิจัยก็ขัดแย้งกับความเชื่อนี้ เมื่อพบว่า การดูแลรักษาที่ รพ.เอกชนมีจำนวนการผิดมาตรฐานการรักษา และผลการรักษาที่แย่กว่ารัฐบาล แต่มีความตรงต่อเวลา และการต้อนรับขับสู้ที่ดีกว่า ซึ่ง นพ.ธีระ ได้ชี้ว่า จะเห็นว่าได้ว่า กากเกิดเจ็บป่วยไม่สบาย รพ.รัฐ ยังคงเป็นที่พึ่งได้เสมอ เพราะบุคลากรส่วนใหญ่ตั้งต้นด้วย "ใจ" และมีประสบการณ์ที่มากมาย แม้ทรัพยากรไม่ได้เลิศหรูฟู่ฟ่า ไม่ได้มีความสะดวกสบาย ไม่ได้มีคำหวานๆ แต่เชื่อเถิดว่า เค้าเหล่านั้นไม่ได้คิดเป็นอื่น นอกจากช่วยเหลือผู้คน
รพ.เอกชนดีกว่าภาครัฐจริงหรือไม่ ?
นพ.ธีระ วรธนารัตน์
Comparative Performance of Private and Public Healthcare Systems in Low- and Middle-Income Countries : A Systematic Review เป็นงานวิจัยที่ทำการทบทวนหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างเป็นระบบ หรือเราเรียกในภาษาวิจัยว่า "Systematic review" ดำเนินการโดย Sanjay Basu, Jason Andrews, Sandeep Kishore, Rajesh Panjabi, David Stuckler
ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการแพทย์ชื่อดังคือ Plos Medicine เมื่อ 19 มิถุนายน 2555
งานวิจัยนี้ต้องการตอบคำถามว่า ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางนั้น ระบบบริการทางการแพทย์ในภาคเอกชนดีกว่ารัฐบาลจริงหรือไม่ ?
คณะผู้วิจัยทำการประเมินข้อมูลตามปัจจัยหลักในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพขององค์การอนามัยโลก ได้แก่
การเข้าถึงบริการและการตอบสนองต่อปัญหา (accessibility and responsiveness); คุณภาพ (quality); ผลการรักษาพยาบาล (outcomes); การตรวจสอบได้ (accountability), ความโปร่งใส (transparency),การมีกฎระเบียบรองรับ (regulation); ความยุติธรรม (fairness and equity) และความคุ้มค่า(efficiency)
จากงานวิจัย 1,178 เรื่อง ได้ทำการกลั่นกรองคัดเลือกได้งานวิจัยที่เข้าข่ายในการนำมาวิเคราะห์ทั้งสิ้น 102 เรื่อง
ผลการวิจัยพบว่า การดูแลรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนมีจำนวนการผิดมาตรฐานการรักษา และผลการรักษาที่แย่กว่ารัฐบาล แต่มีความตรงต่อเวลา และการต้อนรับขับสู้ที่ดีกว่า
ในแง่ของประสิทธิภาพ หรือความคุ้มค่า (Efficiency) นั้นน่าสนใจ ผลการวิเคราะห์ พบว่าภาคเอกชนมีการดูแลรักษาที่คุ้มค่าน้อยกว่าภาครัฐ ทั้งนี้เพราะมีหลักฐานบ่งชี้ว่าน่าจะเกิดจากการส่งตรวจ และการรักษาต่างๆ ที่ไม่จำเป็น อันเป็นผลมาจากเรื่องรายได้ที่ได้จากการส่งตรวจหรือสั่งการรักษาที่ไม่จำเป็นเหล่านั้น
คณะผู้วิจัยสรุปผลการศึกษาไว้ว่า ผลที่ได้จากการทบทวนอย่างเป็นระบบนี้บอกได้ว่า หลักฐานที่มีอยู่ขัดแย้งกับความเชื่อของผู้คนว่า เอกชนจะดีกว่ารัฐบาล...
ดังนั้นจึงต้องขอบอกตรงๆ ว่า...เมื่อใดที่มี "เงิน" มาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการดูแลรักษาชีวิตคน เมื่อนั้น เราจะพบว่า ความตรงไปตรงมา ความเป็นธรรม มาตรฐานการดูแลรักษา ก็จะมีโอกาสเสื่อมถอยด้อยค่าลงไปตามลำดับ
หากเกิดเจ็บป่วยไม่สบาย โรงพยาบาลรัฐ ยังคงเป็นที่พึ่งได้เสมอ เพราะบุคลากรส่วนใหญ่ตั้งต้นด้วย "ใจ" และมีประสบการณ์ที่มากมาย แม้ทรัพยากรไม่ได้เลิศหรูฟู่ฟ่า ไม่ได้มีความสะดวกสบาย ไม่ได้มีคำหวานๆ แต่เชื่อเถิดว่า เค้าเหล่านั้นไม่ได้คิดเป็นอื่น นอกจากช่วยเหลือผู้คน..
แน่นอนว่า หากเราเข้าใจบุคลากรภาครัฐ เอื้ออาทรกันและกัน เข้าอกเข้าใจกัน คนทำงานก็จะมีกำลังใจ แม้จะท้อใจกับงานหนักเงินน้อยเป็นช่วงๆ แต่จะกลับคืนสู่สภาพที่กายใจแข็งแรงมาดูแลประชาชนได้ในที่สุด
ผู้เขียน : ผศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ สำนักงานวิจัยและพัฒนาเพื่อการแปรงานวิจัยสุขภาพสู่การปฏิบัติ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เอกสารอ้างอิง
//www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2754001/