:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องดอย ::
:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องดอย ::
พอพูดถึงเศร้า ตอนนี้เศร้าน้อยลงแล้วครับ เพราะว่าเข้าใจ เข้าใจแล้วอย่างแท้จริงว่า เป็นธรรมดาของโลก
และ ผมกำลังฝึกทำความเข้าใจกับความว่างเปล่า และ ไม่มีอะไรอยู่ครับ ความจริงเข้าใจ แต่ไม่ติดแน่นในใจ แต่เมื่อไหร่ที่เข้าใจอย่างถ่องแท้และฝังแน่น เมื่อเห็นแล้วถึงความว่างเปล่าจนถึงก้นบึ้งของใจ เมื่อนั้นคงไม่ใช่เพียงเศร้า แต่แม้แต่โกรธ เกลียด หรืออารมณ์ทั้งปวง ผมคงขจัดได้อย่างแท้จริงในทันที
กำลังฝึกฝนอยู่ครับ ล้มลุกคลุกคลานบ้างแต่ก็โอเคครับพี่ เพื่อความสุขอย่างยั่งยืน อย่างน้อยจนกว่าจะจากโลกนี้ไป ผมยังต้องอยู่อีกหลายปี ผมเลยอยากอยู่อย่างมีความสุขกับชีวิตเท่าที่จะทำได้ครับ
ตอบหน่อยนะ อิอิ
เหงาคืออะไรครับพี่
คำถามโดย : กลิ่นดอย วันที่ : 27 สิงหาคม 2553 เวลา : 13:18:29 น.
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ความเหงาและความเศร้าเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งสองมักมานั่งปรับทุกข์กันเสมอ...
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ทั้งสองนั่งพูดคุยกัน “ทำไมนายดูเศร้าจัง ?” ความเศร้าถามความเหงา ความเหงาตอบว่า
“ฉันรู้สึกเหงาอีกแล้วนะ แล้วนายล่ะทำไมดูเศร้าสร้อยอย่างนี้”
ความเศร้าน้ำตาคลอ...
“ความเศร้าของฉันไม่เคยสิ้นสุดจริงๆ ฉันเคยเศร้ากับเรื่องคนรักตีจาก การงานล้มเหลว สุขภาพย่ำแย่จนกลายเป็นโรคร้ายรักษาไม่หาย ของรักที่ฉันสะสมก็แตกหัก เงินทอง ตำแหน่ง อำนาจวาสนาที่เคยเป็นของฉัน วันหนึ่งมันหายไปจากชีวิตของฉันจนหมดสิ้นเลย... ความเศร้าในชีวิตไม่เคยมีเรื่องเดียว จบจากเรื่องนี้ก็มีเรื่องนั้นเข้ามาตลอดเลย”
ความเหงารู้สึกเห็นใจความเศร้ามาก
“ชีวิตนายมันน่าเศร้าจริงๆ ชีวิตฉันนั้นมีเพียงแต่ความเหงาเท่านั้น ที่คอยจู่โจมและทำให้ฉันรู้สึกเวิ้งว้าง แม้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนไม่มีใครที่อยู่เคียงข้างกันเลย”
ความเศร้าสบตากับความเหงา...
“นายแค่เหงา เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
ความเหงาพูดขึ้นว่า
“ความเศร้าของนายก็ไม่ต่างอะไรกับความเหงาที่ฉันเผชิญนักหรอก เศร้าแค่ไหน ถึงวันหนึ่งเรื่องราวต่างๆก็จะผ่านไป”
ความเศร้าพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่...เคยมีคนบอกฉันว่าต้องปล่อยวางความเศร้าในใจให้ได้ บางคนแนะให้ฉันฝึกปฏิบัติธรรมเพื่อละวางอารมณ์และความรู้สึก เขาบอกว่าถ้าฉันฝึกไปถึงจุดหนึ่งแล้วฉันจะไม่รับรู้ความรู้สึกใดใดอีกเลย ไม่เศร้า ไม่เหงา ไม่ท้อ ไม่ทุกข์ ไม่เจ็บปวดจากสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต”
ความเหงาครุ่นคิดด้วยใบหน้านิ่งเฉย...
“ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลยแบบนั้น เราคงไม่ต่างจากก้อนหินมั้ง ?”
ความเศร้าทำหน้าแปลกใจ “ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นล่ะ ?”
ความเหงาอธิบายความเพิ่มเติมว่า
“สำหรับฉัน.....การเข้าถึงความจริงของชีวิต ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการไม่รู้สึกรู้สา ไม่ยินดียินร้ายใดใดกับสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต สมองมันทำหน้าที่คิด หัวใจมันทำหน้าที่รู้สึก อารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นของชีวิต มันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา เราไปฝึกเพื่อไม่ให้มันทำหน้าที่ แบบนี้มิใช่ทำให้มันเป็นเรื่องผิดธรรมชาติหรอกหรือ ? คนที่เรารักจากไป เรามีสิทธิ์ที่จะเสียใจและร้องไห้มิใช่หรือ เพียงแต่เราต้องรู้ทันความเป็นจริงของชีวิตว่าช้าเร็วเราต้องจากกัน ไม่จากเป็นก็จากตาย ไม่จากกันวันนี้ก็จากกันวันหน้า เสียใจได้ แต่ต้องมีเวลาสิ้นสุด สิ่งของที่เรารัก คนที่เราผูกพัน ทุกสิ่งที่เคยเป็นของเรา เมื่อถึงวันหนึ่งมันแตกหักหรือสูญสลายไป เราเสียใจได้ เจ็บปวดได้ แต่ต้องรู้เท่าทันความจริงว่า ทุกสิ่งที่เรามี มันไม่ใช่ของเราตลอดไป มันแค่เข้ามาให้เราได้ใช้ ได้ทำหน้าที่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อหมดเวลา ธรรมชาติก็เอาคืนไป”
ความเศร้าถามต่อ
“ถ้าเป็นแบบที่นายว่า แม้เราจะรู้ธรรมแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับไปมีอารมณ์และความรู้สึกใช่ไหม ?”
ความเหงายิ้มและพยักหน้าตอบ
“ใช่...เรายังโกรธได้ แต่เมื่อเรารู้ทันความโกรธ เราจะไม่โกรธใครพร่ำเพรื่อ เมื่อโกรธแล้วก็รู้สึกตัวได้เร็ว ว่าเหตุสมควรโกรธไม่มีในโลก เมื่อเศร้าเสียใจ รู้ทันความเจ็บปวดในใจได้เร็ว รู้ รู้ทัน รู้สึก รู้ลึก รู้จริง กระบวนการต่างๆแบบนี้ทำให้เรารู้สึกตัวได้เร็ว เวลาถูกโจมตีด้วยความเศร้าหรือความทุกข์ต่างๆ”
ความเศร้ายิ้มกวนๆ..
“เฮะ – นายพูดเหมือนกันคนที่ตรัสรู้แล้วเลยนะเนี่ย แล้วทำไมนายยังมานั่งเหงาอยู่อีกล่ะ ฮ่าๆๆๆ”
ความเหงายิ้มเขินๆ...
“ก็ฉันแค่รู้ ยังไม่รู้แจ้งซะหน่อย ฮ่าๆๆๆ”
ความเศร้ามองดูความเหงาแล้วถามคำถามสุดท้ายว่า
“นายรู้หรือยังว่าความเหงาคืออะไร ?”
ความเหงาสบตากับความเศร้าแล้วยิ้มโดยไม่พูดถ้อยคำใดใดอีกเลย ความเศร้ายกมือขึ้นโบกลาอย่างช้าช้า แล้วทั้งสองต่างแยกย้ายกันไป...
Create Date : 30 สิงหาคม 2553 |
|
148 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2553 4:42:21 น. |
Counter : 1636 Pageviews. |
|
|
เช้าจัง............