คนบนหลังคารถคันนั้น....
คนบนหลังคารถคันนั้น....
ประสบการณ์หลอนโดย : ก๋า กายทิพย์ 13 มีนาคม 2551
กลางดึกคืนนั้น.... รถกระบะซึ่งมีหลังคาคลุมคันนั้นวิ่งตรงรี่มาด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ด้านหน้ารถ...คนขับพูดคุยพึมพำกับเพื่อนคู่หูมาตลอดทาง สายตาของคนขับสอดส่ายและชำเลืองแลมาทางด้านหลังอยู่บ่อยครั้ง
“มึงเห็นเหมือนที่กูเห็นรึเปล่า ?” คนขับพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
“มึงขับไปเหอะน่า มึงจะมาถามกูทำไม” เพื่อนที่นั่งมาด้วยพูดตอบด้วยเสียงที่สั่นเทาไม่แพ้กัน
……………………………………..
ท้ายรถ...บรรจุโลงศพไม้สักอย่างดี คนที่นั่งอยู่ข้างโลงมีเพียงสาวแก่และเด็กหนุ่มวัย 15-16 อีกหนึ่งคน รูปที่วางอยู่ข้างตัวของสาวแก่คนนั้น บ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่ในโลงเป็นหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง รูปภาพนั้นมีข้อความเขียนถึงชื่อ-นามสกุล อายุของเธอขณะเสียชีวิตคือ 28 ปีเท่านั้น
“พี่สาวของลูกไม่น่ามาด่วนจากไปเลย” หญิงชราพูดทำลายความเงียบขึ้น ดูเหมือนเสียงสะอื้นในลำคอกำลังดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างมากมาย
“แม่ครับ...พี่เค้าไปดีแล้วครับ” เด็กหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้
หลังรถ....อยู่ในความเงียบและมืดมิดอีกครั้ง มีเพียงลำแสงจากไฟข้างท้างส่องลอดเข้ามาท้ายรถเป็นระยะๆ
..................................................
“ทีหลังมึงรับงานก็บอกกูก่อนว่างานอะไร ไม่ใช่ให้กูมาขับรถส่งศพข้ามจังหวัดแบบนี้” คนขับยังไม่วายบ่น
“มึงขับๆไปเหอะ นี่ญาติกู เค้าตายก็น่าสงสารพออยู่แล้ว ยังเสือกมาเรื่องมากอีก ขอให้ช่วยแค่นี้ทำเป็นบ่น” เพื่อนที่นั่งด้านข้างคนขับพูดตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
อย่างรวดเร็ว...เขาเหลือบสายตาไปมองที่กระจกส่องหลัง ข้างกายหญิงชรามีหญิงสาวหน้าตาดีสะอื้นไห้อยู่ข้างๆ เหมือนหญิงชราและเด็กหนุ่มไม่รับรู้ว่ามีใครนั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองนั่งเงียบ
เพื่อนคนขับนั่งตัวแข็งทื่อ เขาย่อมตาไม่ฝาด แม้ท้ายรถจะมืด แต่พอมีแสงสว่างลอดวอมแวมเข้ามา......
เขาขยับจะหันไปพูดกับคนขับ แต่ก็พบกับใบหน้าอันตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
“กะ...กูรู้แล้ว...มึงไม่ต้องพูด”
คนขับเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องมองไปที่กระจกส่องหลังเป็นระยะ ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างโลงหาใช่ใครอื่น หากแต่คือร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่ในโลงนี้นั่นเอง
คนขับตัดสินใจหักรถเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันที่อยู่ด้านขวามือของตัวเองอย่างกระทันหัน
เขารีบจอดรถ แล้ววิ่งไปยืนตัวสั่นเทาอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีแสงไฟสว่างจ้า
ขณะนั้นหญิงชราและเด็กหนุ่มได้แต่สงสัยว่าทำไม คนขับจึงเลี้ยวรถกะทันหันเข้าปั๊มน้ำมัน
รถมอเตอร์ไซด์สายตรวจคันหนึ่งปรี่เข้ามาถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมขับรถเกินความเร็วที่กำหนดไว้ ที่สำคัญตำรวจทางหลวงเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอยู่บนหลังคารถ
“คนขับอยู่ไหน ทำไมขับรถหวาดเสียวแบบนี้” ตำรวจหนุ่มถาม พร้อมกราดสายตาไปพบคนขับและเพื่อนของเขายืนตัวสั่นแป็นลูกนกเปียกน้ำอยู่ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ
ก่อนที่จะพูดอะไรต่อ....ตำรวจถามขึ้นว่า
“แล้วใครพิเรนทร์ขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคารถ ไปไหนแล้ว ไม่รู้หรือว่ามันอันตรายขนาดไหน ?”
“คะ...ใครครับคุณตำรวจที่ขึ้นไปยืนบนหลังคารถได้ ผมเหยียบมาตั้ง 140” คนขับพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
ตำรวจพูดต่อ
“อย่ามาอำ ผมเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวทั้งชุด ยืนอยู่บนหลังคารถของคุณ ไหน...เธออยู่ไหน ?”
เพื่อนคนขับไม่พูดอะไร แต่เดินจูงมือตำรวจมาที่ท้ายรถ.... เขาชี้เข้าไปข้างในท้ายรถ
“ใช่คนนี้มั้ยครับ” เขาพูดพลางชี้มือไปที่รูปหน้าโลงศพของเธอ
ตำรวจหนุ่มอึ้ง ขนแขนลุกเกรียว เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกกลัวครอบคุลมใจเขามากมายขนาดไหน แน่นอน...ตำรวจจำได้แน่นอนว่าเป็นคนเดียวกันกับที่เขาเห็นยืนอยู่บนหลังคารถกระบะ
“ละ...ละ...แล้วสองคนที่นั่งในรถนั่นใคร ทำไมไม่กลัว” ตำรวจหนุ่มถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักลนลาน....
“สองคนไหนครับคุณตำรวจ ผมขับกันมาสองคนเอง” คนขับหน้าตายิ่งซีดเผือดลงไปอีก
“ก็เด็กหนุ่มกับหญิงชรานั่นไง แกยังมองมาที่เราอยู่เลย” ตำรวจหนุ่มรู้สึกทวีความกลัวขึ้นไปอีก
“ผมขับกันมาสองคนครับ ในรถนั่นมีศพอยู่ 3 ศพ เป็นญาติผมเอง พวกเขาไปงานแต่งงาน ขากลับรถบวกกับรถบรรทุก ตายคาที่ทั้งสามคนเลยครับ” เพื่อนคนขับละล่ำละลักตอบ
“แบบนี้กูอยู่ไม่ไหวแล้ว” ตำรวจหนุ่มคว้าหมวกกันน็อกแล้วควบขี่มอเตอร์ไซด์หายไปอย่างรวดเร็ว
คนขับและเพื่อนของเขาตัดสินใจหันมองกลับไปที่รถ และพบทั้งสามคนขึ้นไปยืนอยู่ที่ท้ายรถ พลางจ้องมองมาด้วยยิ้มอันแสยะ เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดและชิ้นเนื้อเหวอะหวะ
แล้วสติของทั้งคู่ก็ดับวูบลง !!!!!!
****************************
อันสืบเนื่องมาจาก พี่แม่น้องภู BongKet ถามผมว่า ก๋ามีเรื่องน่ากลัวๆมาเล่าให้ฟังบ้างมั้ย
ผมเลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ครับ โดยได้แรงบันดาลใจมากจากเรื่องที่ผมเคยอ่านในอินเตอร์เน็ตนี่แหละครับ จำไม่ได้แล้วครับว่าเว็บไหน ผมลองเขียนเป็นเรื่องสั้น ก่อนจะหักมุมจบอีกครั้ง
พิมพ์ไปก็ขนลุกไปเป็นระยะด้วยความหนาวจากแอร์ในห้อง 55555
ผีไม่มีจริงหรอกครับ ผีเกิดจากจินตทัศน์ที่ “ความกลัว” ในใจเราสร้างขึ้น
กลัวคนดีกว่าครับ เพราะน่ากลัวกว่าผีเยอะเลย
กะว่าก๋า ฮาหลังสองยามและวิ่งป่าราบก่อนจะไปหลบในตุ่ม
Create Date : 14 มีนาคม 2551 |
|
83 comments |
Last Update : 15 มีนาคม 2551 19:01:52 น. |
Counter : 7917 Pageviews. |
|
|
สะใจที่สอง