มีนาคม 2567
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
24 มีนาคม 2567

:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 348 ::


:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 348 ::

โจทย์ --- ฉุกละหุก
ผู้คิดโจทย์ --- toor36



: ป่วยไข้ได้เรียนรู้ :






การรักษาใจ
ยากกว่าการรักษากาย

เมื่อกายป่วย
กินยาไปเรื่อย ๆ
ปรับยาไปเรื่อย ๆ
จนกว่าจะเจอยาที่ตรงกับโรค
เจอโรคที่ตรงกับยา
รักษาจนกว่าจะหาย
จนกว่าร่างกายจะสร้างภูมิต้านทาน
และรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บได้

การรักษาใจให้สงบยามป่วยไข้
เป็นเรื่องยากทั้งกับผู้ป่วยและผู้ดูแลคนป่วย

ยิ่งช่วงเริ่มป่วย อาการทรง ๆ ทรุด ๆ
ความห่วง ความกังวลยิ่งทวีคูณ
ยิ่งรักษา ยิ่งไม่ฟื้นตัว
ยิ่งเบื่อและหมดกำลังใจ

การรักษาใจจึงสำคัญมาก ๆ
เพราะมันหมายถึงกำลังแรงใจและความหวัง
ในขณะที่ยังต้องอดทนรอ

รออาการป่วยทุเลา
รอโรคภัยหายไป
รอความแข็งแรงของร่างกายกลับมา
รอการกินได้ นอนหลับ ไม่ทรมานจากความเจ็บปวด
ไม่ต้องทนกระสับกระส่าย กระวนกระวาย กับขั้นตอนการรักษา

ความป่วยไข้ คือ บทเรียนที่ดีเสมอ
ถ้าเราได้เรียนรู้จากมัน


----------------------------------


ผมเขียนข้อความนี้ขณะรอลูกชายรักษาตัวที่โรงพยาบาล
หมิงเข้ารักษาตัวด้วยอาการปอดอักเสบหรือปอดบวม
อาการที่ชัดเจน คือ เป็นไข้สูง และไอหนัก ไอแรง ตลอดเวลา

ปกติหมิงมีร่างกายแข็งแรงมาก เพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอ
แต่ก็มีปัญหาเรื่องไซนัส และแพ้อากาศ
พออากาศที่เชียงใหม่เริ่มแย่ลง อาการป่วยก็ตามมา
บวกกับเจ้าตัวพักผ่อนไม่ดี ชอบนอนดึก
อาการเลยยิ่งแย่ลง....

รอบนี้จึงต้องนอนโรงพยาบาลสองรอบ
ครั้งแรกแอดมิดวันที่ 1 มีนาคมแบบฉุกละหุก นอนคืนเดียว
แล้วเจ้าตัวขอกลับบ้านเพราะบอกว่าไหว กินยาเองน่าจะได้
แต่ปรากฏว่ากินยาเป็นอาทิตย์อาการไอก็ไม่ลดลง
วันที่ 9 ไปหาหมอตอนบ่าย คุณหมออยากให้นอนโรงพยาบาลเลย
แต่หมิงก็ยังบอกว่าไหว แข็งแรงดี แค่ไอ
พอตอนค่ำใกล้เที่ยงคืน
ไข้ขึ้นสูงมาก จนต้องรีบไปโรงพยาบาลอย่างฉุกละหุกอีกครั้ง
และแอดมิดเป็นครั้งที่สอง
นั่นทำให้เจ้าตัวต้องนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในโรงพยาบาล 1 อาทิตย์เต็ม ๆ

ผมมานอนเป็นเพื่อนลูก เพราะโรงพยาบาลให้เฝ้าผู้ป่วยได้คนเดียว
ผมเลยต้องนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับลูก อ่านหนังสือไปทีละเล่ม ๆ
จนวันออกถึงได้รู้ว่าอ่านหนังสือไปทั้งหมด 10 เล่ม

สิ่งที่เรียนรู้ในครั้งนี้ คือ หนึ่ง...จงทำประกันสุขภาพ
เพราะค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนนั้นโหดมาก

สอง...อากาศอันเลวร้ายมีส่วนทำร้ายประชาชนอย่างยิ่ง
ภาครัฐควรให้ความสำคัญและลงมือแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
เพราะมันจะทำให้ประชาชนเกิดโรคภัยไข้เจ็บในระบบทางเดินหายใจเป็นจำนวนมาก
ปัญหานี้มิใช่เพิ่งเกิด และมีหน่วยงานภาคประชาชนมากมายที่ร่วมมือกันผลักดันเรื่องนี้มาโดยตลอด
เพราะรู้สึกตรงกันว่าทำไมเราต้องทนกับปัญหานี้ทุกปี
ทำไมต้องเสียเงินซื้อเครื่องฟอกอากาศ ซื้อหน้ากากอนามัยใส่ทุกปี
โดยที่ภาครัฐมิได้ลงมือแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงปัญหานี้เลย
ขนาดประชาชนยังรู้เลย ว่าปัญหาที่แท้จริงมันเกิดขึ้นจากใคร หน่วยงานใด
ต้องรอให้คนด่าอีกมากแค่ไหน ต้องรอให้คนล้มป่วยอีกมากเท่าใด
จึงจะตระหนักในความรุนแรงของปัญหาหมอกควันพิษนี้













Create Date : 24 มีนาคม 2567
Last Update : 24 มีนาคม 2567 6:06:10 น. 13 comments
Counter : 767 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtanjira, คุณmcayenne94, คุณmultiple, คุณปรศุราม, คุณ**mp5**, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทนายอ้วน, คุณปัญญา Dh, คุณThe Kop Civil, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse, คุณจันทราน็อคเทิร์น


 
กำลังใจคือสิ่งสำคัญของคนป่วยเลยค่ะ โดยเฉพาะคนป่วยที่อาการหนัก ถ้าเราไม่เข้มแข็ง คนป่วยก็จะแย่ จิตตกตามไปด้วย

ขอให้น้องหายไวๆนะคะ


โดย: แค่คนธรรมดาไม่พิเศษ (สมาชิกหมายเลข 7915129 ) วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:6:36:34 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะก๋า

เรื่องเจ็บป่วย ทำให้เราได้เรียนรู้ในหลายๆเรื่องจริงๆค่ะ
คนป่วยต้องการกำลังใจอย่างมาก คนเฝ้าไข้ด้วยนะคะ
มันเป็นอะไรที่เบื่อและหน่าย แต่เราก็ต้องอดทนแหละค่ะ
จนกว่ายาจะถูกกับโรค จนกว่าร่างกายจะฟื้นตัว

เรื่องฝุ่นควันยากกับการแก้ไข แต่ก็หากมีการควบคุมก็ไม่เกินแก้หรอกค่ะ
แต่ภาครัฐปล่อยปละละเลยกันเองมากกว่าจะจริงจัง

หมิงตอนนี้หายดีเป็นปกติแล้วใช่ไหมคะก๋า
ต้องใส่หน้ากากอนามัยกันยาวไปค่ะ แต่เด็กก็จะรำคาญแหละ

จากบล็อก
พี่ก็เชื่อเรื่องกรรมนะคะ
ไม่มีใครหนีพ้นจริงๆค่ะ

เช้านี้พี่มาก่อนใครบางคนแน่นอนค่ะ


โดย: tanjira วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:6:38:17 น.  

 
การป่วยครั้งนี้ หลานหมิงคงต้องเจอเชื้อรุนแรง ถึงหายช้า ต่อไปพวกเราต้องรักษาสุขภาพ ต่างชาติก็เข้ามาเยอะมากขึ้น เชื้อต่างถิ่นที่แปลกๆจะพบมากขึ้น (เชื้อโรคมันก็ต้องหากินเหมือนกัน หมือนคนต่างชาติที่พยายามครอบครองแทน local Thai)
เวลาป่วย สำหรับเย็นถ้าป่วยเองดูว่ารักษานาน ไปรพ รัฐบาล จะได้รักษาเท่าที่จำเป็นและเสียเฉพาะส่วนเกิน เบิกได้บ้างก็ยังดี สิทธินี้น่าจะใกล้เคียงกับ ปชช ใช้30 บาทได้ บางอย่างสะดวกและได้มากกว่าเบิกข้าราชการอีก แต่รัฐบาลอาจมีความล่าช้าในการเข้าใช้อุปกรณ์บางอย่างที่จำกัด และมารยาทเจตคติการบริการของเจ้าหน้าที่ในบางพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ เอกชนพบหมอดีมีคุณธรรมก็โชคดี บางคนก็บูชาเงิน .. สรุปไปเอกชนต้องมองหาทางหนีทีไล่ ไว้ก่อนเลย ถ้าเงินไม่อั้นก็ไปได้ทุกตลอด ส่วนประกันแล้วแต่วงเงินที่ซื้อ

เอกชนไปเฉพาะกิจ ตรวจพิเศษนิดหน่อยไม่รอคิวนานหลายวัน หรือคุณแม่ป่วย ผ่าตัด เอกชนwelcome กว่าเยอะ ทุกแวดวงต้องมีคนแนะนำ (เหมือนหาจ้างช่างทำก่อสร้าง ) จะปลอดภัยในส่วนนึงจะจากการถูกฟันหัวแบะ ค่ารักษา ค่ายา ค่าบริการเอกชนแพงมาก เหมือน โรงแรม ค่าห้องบวกค่าบริการนั่นโน่นนี่ค่ะ




โดย: mcayenne94 วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:8:01:46 น.  

 
โอ้ เวลาต้องไป รพ แบบ ฉุกเฉิน ฉุกละหุกแบบนี้
ญาติจะร้อนรน กระวนกระวายใจมากเลยนะครับ
ใกล้ที่ไหน ก็ต้องเข้าที่นั่นก่อน ยิ่งถ้าเป็นอุบัติเหตุนี่ต้องด่วนเลยเชียว

ค่ารักษา พยาบาลเดี๋ยวนี้ก็แพงมาก
ถ้าในครอบครัว รับราชการไว้ คนนึงจะช่วยได้แยะ
ไม่งั้นก็ต้องทำประกันสุขภาพ และที่น่าเจ็บใจคือ
ตอนมีประกัน เรายังแข็งแรง ก็จะไม่ค่อยป่วย
พอเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มจะป่วย ประกันก็ไม่ยอมให้ต่ออีก
เพราะกลัวจะต้องจ่ายแยะนะครับ

แล้วโรคติดเชื้อทางปอด นี่ก็น่ากลัวนะครับ
ถ้าคุณก๋า ไป รพ แล้วเจอป้าย ระวังเชื้อ VRE+CRE นี่
ต้องระวังสุดชีวิต เพราะเป็นเชื้อดื้อยา ติดง่ายมาก
ขนาดหมอให้ยาแรงสุด ก็เอาไม่อยู่เลยเชียวนะครับ

สุดท้ายเราก็ได้แต่ต้องขยัน ตอนหนุ่มๆสาวๆ ต้องหาเงิน
เอาไว้แยะๆ เอาไว้จ่ายประกัน +รักษาตัวเองตอนแก่นะครับ
เก็บตังไว้ซัก 20 ล้าน สำหรับโรคทั่วๆไปนะครับ แฮ่ 555



โดย: multiple วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:10:12:27 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:10:49:35 น.  

 
จริงๆ ตั้งแต่ปี 2559 มันก็เริ่มปีปรากฏการณ์ให้เห็นแล้ว ตอนนั้นคนยังไม่เชื่อเรื่องฝุ่น PM2.5 กัน จนมันค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ผู้นำรัฐไทยยังคงไม่ทราบถึงวิธีการแก้ปัญหาเลยครับ ล่าสุดก็อย่างที่เห็น ฉีดน้ำ หรือทำฝนตกเพื่อหวังให้ค่าฝุ่นลดลง มันเหมือนเอาน้ำเปล่า 100 มล. ไปเทใส่ น้ำสีดำขนาด 20 ลิตรแหละครับ น้ำมันไม่ได้ขาวขึ้นมาหรอก ซ้ำร้ายไปพ่นน้ำหน้าเครื่องวัดค่าฝุ่นเพื่อที่ค่าฝุ่นจะได้ลดลงแบบนั้นก็มี โกหกตัวเองก็เอา

ผมก็พอเดาได้ว่าน่าจะเรื่องฝุ่น ผมเห็นข่าวจากทวิตเตอร์น่าห่วงมาก เด็กไม่รู้กี่คน เลือดกำเดาไหลเพราะฝุ่นนี่แหละ บางคนหนักถึงขั้นเลือดไหลไม่หยุดจนต้องเย็บ ในทวิตเตอร์เห็นจนแทบไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว

มีคนกล่าวว่าประเทศนี้ผู้ใหญ่ชังลูกหลาน หรือมันจะเป็นเรื่องจริง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:11:25:49 น.  

 
แหมกว่าจะคุยเรื่องลูกชายได้นะคุณก๋า
คน กทม. ตอนนี้ก็กำลังเป็นไข้เหมือนกันจ้า
แต่คงไม่ถึงกับปอดบวมแบบลูกชายคุณก๋าแน่ๆ
อย่างคุณธัญว่าควรใส่หน้ากากด้วยจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:17:10:20 น.  

 
สวัสดี ยามเย็น จ้ะ น้องก๋า

ฉุกละหุก ครั้งนี้ เห็นชัดเจนเลย เวลามีคนในครอบครัวซึ่ง
ปรกติเป็นคนแข็งแรง อยู่ ๆ ป่วยหนักต้องแอดมิด ก็เป็นธรรมดา
แหละที่ต้องกังวล ยิ่งไข้สูง ไอหนัก ยิ่งน่าเป็นห่วง ปอด เป็นตัว
ฟอกอากาศ น้ำท่วมปอด ก็จะหายใจไม่ออก ต้องรีบพาส่ง ร.พ.
เฮ้อ ! เรื่อง ฝุ่นพิษ นี่ แก้ไขมานาน ก็ไม่ได้เรื่องสักที นอกจาก
ไฟป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแล้ว ยังมีพวกชาวไร่ที่เห็นแก่ตัว เผาป่า
เพื่อความสบายในอาชีพของตน คนรับกรรมก็คือ คนที่อาศัยอยู่ใน
เมืองนั้น ๆ แหละ
กรุงเทพฯ ตอนนี้ ก็ไม่เบาเลย สีแดง สีส้ม ทุกวัน ออก
จากบ้านต้องมีผ้าอนามัยปิดจมูกเสมอ แม้แต่การไปเดินออกกำลังกาย ก็ปิดจมูกเอาไว้ก่อน เฮ้อ!
หลายหมิง หมิง หายดีแล้ว ก็ต้องระวังไปไหนมาไหนให้ปิด
จมูกเอาไว้เป็นดีที่สุด จ้ะ
โหวดหมวด ตะพาบ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:17:42:41 น.  

 
ที่มาคุย จริงๆ บล็อกนี้ผมเขียนไว้นานแล้วน่าจะเกิน 2 ปีแล้วครับ ตอนอัปแค่มันใส่เลข หลักกิโลเมตร โจทย์ครั้งต่อไป กับคุยท้ายเรื่องเท่านั้น ผมคาดการณ์ไว้แล้วว่ามันต้องมีสักวันที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็ต้องสู้กันต่อไป


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:18:48:03 น.  

 
สวัสดีครับ


2-3 วันมานี่ที่ กทม อากาศร้อนมาก ไม่มีเมฆเลย แต่ฟ้าก็ไม่ใสเหมือนก่อนนะครับ ดูเหลืองๆยังไงไม่รู้ สงสัยเป็นเพราะฝุ่นควันแน่ๆเลยครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:20:05:54 น.  

 
สวัสดีครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:21:07:36 น.  

 
ป่วยไข้ได้เรียนรู้ โรงพยาบาลเอกชนมาตรฐาน โรงพยาบาลของรัฐก็รักษาตามสภาพอาการ
อยากเข้ารพ.เอกชน ก็ต้องซื้อประกันสุขภาพ

คน ไม่ถึงคราวก็ไม่วายชีวาตม์ ผมคิดอยู่เสมอ

เมื่อวานฝนตกหนัก วันนี้ ค่าฝุ่นไม่เกินมาตรฐาน วิ่งครับ





โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:23:12:41 น.  

 
สัวสดีครับพี่ก๋า

ฝุ่นที่เชียงใหม่หนักมากจริงๆ ครับ ฟังจากในข่าว
ทีแรกผมมีแพลนที่จะไปเชียงใหม่ ก็ยกเลิกไปพอดี
ถ้าไปอาจจะได้ป่วยที่เชียงใหม่รอบ 2 ไม่ไหวครับ

อ่านแล้วสงสารน้องหมิงเลยครับ อาการหนักมากๆ
ไอหนักๆ นี่สาหัสมากครับ กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่ได้
ยังดีที่รักษาได้ทันท่วงทีครับ ไม่งั้นแย่เลย
ประกอบกับน้องหมิงแข็งแรงด้วยเลยฟื้นตัวได้เร็วครับ
เป็นกำลังใจให้น้องหมิงแข็งแรง ไม่ป่วยหนักอีกครับ
และเป็นกำลังใจให้คนเฝ้าอย่างพี่ก๋าด้วยครับ

ประกันสำคัญจริงๆ ครับ เอกชนเดี๋ยวนี ถ้าไม่มีประกัน 5 วันนี่เอาเรื่องมากๆ

อย่างผม ผมจะเบิกประกันได้เฉพาะอาการป่วยที่ไม่ใช่โรคทางเดินหายใจ ยกเว้นพวกติดไวรัส ไข้หวัดใหญ่ หรืออะไรแบบนี้ค่ะ แต่ถ้าไซนัส หรือหอบหืด หรือปอดอักเสบ ประกันไม่จ่ายครับ
ซึ่ง...ผมก็เป็นคนแข็งแรง ถ้าท้องเสีย หรืออาการอื่นนี่ มักไม่หนักครับ 1-2 หายสบายๆ มีที่เป็นไข้เลือดออกนี่แหละครับที่เบิกได้แบบอุ่นได้หายห่วง ห่วงแค่....ค่าห้องเกินไหมนะ 5555



โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:17:29:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]