: ก๋าราณีตอบคำถามน้อง Piyapong :
: ก๋าราณีตอบคำถามน้อง Piyapong :ในมุมมองของพี่ การศึกษาแบบทางโลก วิชาการ ปรัชญา หรือศาสตร์ทางโลกทั่วไป เพื่อเป็นการเติมเต็มความรู้ของตนเอง กับการศึกษาทางธรรมอย่างพุทธที่เรารู้จักกัน มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไรไหมครับ
โดยส่วนตัวผมค่อนข้างชอบคำพูดหนึ่งไม่แน่ใจว่าฟังมาจากท่านใด ท่านเคยเปรียบเทียบว่า
"การศึกษาทางโลกเป็นการศึกษาไม่รู้จบ แต่การศึกษาทางธรรมนั้นรู้จบ"คำถามโดย : Piyapong Nimkulrat
พี่ก๋ามีคำพูดคำหนึ่งที่บอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า“ชีวิตคือการค้นพบ ไม่ใช่การค้นหา”การศึกษาทางโลกกับทางธรรมต่างกันไหม ? ก่อนจะดูว่ามันต่างกันตรงไหน พี่กลับคิดถึงการศึกษาสองแบบที่เคยศึกษามาในชีวิตแบบที่หนึ่ง – ศึกษาจากสิ่งต่าง ๆ นอกตัว แบบที่สอง – ศึกษาจากสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวเอง1.ศึกษาจากสิ่งต่าง ๆ นอกตัว คือ การค้นหา เราแสวงหาคำตอบจากความสงสัยในทุกเรื่อง การศึกษาในระบบก็เป็นแบบนี้ ตั้งคำถาม หาวิธีหาคำตอบ พบคำตอบ ข้อสงสัยหนึ่งจบไป ข้อสงสัยใหม่ก็เพิ่มเติมเข้ามา จบจากเรื่องนี้ ก็ไปเรื่องนั้น สงสัยไปเรื่อย ๆ บางครั้งรู้มาก เรียนมาก ไม่ได้แปลว่ารู้จริง หากความรู้นั้นเป็นเพียงการจำแล้วนำไปเก็บไว้เป็นข้อมูลในสมอง หลาย ๆ ความคิดที่เรารู้ เป็นความรู้ที่คนอื่นคิดให้ หรือคิดไว้นานแล้ว เราแค่หามันเจอ จดจำ แล้วเก็บมาเป็นความรู้ของเรา
2.ศึกษาจากสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวเอง คือ การค้นพบ ค้นพบความจริงของชีวิต ว่าชีวิตคืออะไร เราเกิดมาทำไม เวลาเกิดสิ่งที่ไม่ต้องการ เช่น การเจ็บป่วย ความสูญเสีย หรือความตาย ความพลัดพราก เราทำอย่างไรกับมัน วางท่าทีในการคิดอย่างไรที่จะไม่ทำให้ตัวเองจมทุกข์จนทำอะไรไม่ได้ สิ่งนี้จึงหาจากข้างนอกไม่ได้ ต้องย้อนมาสำรวจตรวจสอบความคิดของตนเอง ด้วยตนเอง เพราะใครก็ทำให้เรารู้ไม่ได้ ทำแทนเราไม่ได้ ความรู้แบบนี้จะเรียกว่าธรรมะ หรือ เรียกว่าอะไรก็ได้ ทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าถึงความจริงแห่งชีวิตนี้ได้ รู้แจ้งได้ด้วยตนเอง จะโดยวิธีใดก็ได้ นับถือศาสนาใดก็ได้ เพราะ “ความจริงแห่งชีวิต” ที่รอการค้นพบอยู่นั้น ไม่มีอะไรต่างกันเลย
การศึกษาโลกนอกตัวจึงไม่มีวันจบสิ้น เหมือนที่เขาบอกว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจนตาย แต่การศึกษาโลกในตัวนั้น หากค้นพบเจอได้ เราก็ตายไปแล้วก่อนที่จะตายจริง ๆ (ตายก่อนตาย) คือ ตายจากความรู้นอกตัวที่ไม่ได้เป็นสัจธรรม เพราะเมื่อคน ๆ หนึ่งไม่ถูกความทุกข์ ไม่ถูกความหลงผิดครอบงำจิตใจ เขาก็ได้อยู่เหนือพ้นไปจากการเกิดการตายแล้วนั่นเอง
การเรียนรู้ที่แท้จริง จึงต้องเรียนไปแบบควบคู่กัน ทั้งทางโลก และ ทางธรรม แม้ความรู้ทางโลกจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ วิวัฒน์ไปเรื่อย ๆ แต่ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องทิ้งความรู้ทางโลก เพื่อมุ่งไปสู่ความรู้ทางธรรมเพียงอย่างเดียว
สุดท้ายแล้ว ความรู้ทางโลกหรือทางธรรม ก็เป็นทางเดียวกัน นั่นคือ “หมื่นรู้ มิสู้ปล่อยวาง” มีแต่คนที่รู้ --- แล้ววางสิ่งที่ตนรู้ได้ทั้งหมดเท่านั้น จึงจะเรียกว่า “ผู้รู้ที่แท้จริง”
Create Date : 16 กรกฎาคม 2564 |
|
15 comments |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2564 6:30:59 น. |
Counter : 1201 Pageviews. |
|
|
แต่ก็ต้องมุ่งแสวงหาความเจริญในจิตใจด้วยนะคุณก๋า