:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณ lsllollslcare ::
: เข้่ามาอัพบล็อก แต่ไม่ได้ทักทายใครเ้ลยในตอนเช้านี้ ต้องขออภัยด้วยครับ มาดามอาหารเป็นพิษครับ ตอนนี้อาการดีขึ้นบ้างแล้ว หมอจ่ายยาที่ไม่ได้หยุดอาการท้องเสีย แต่ให้ยาฆ่าเชื้อแทน เลยต้องใช้เวลาในการรักษาตัวครับ จะค่อยๆหาย และหยุดถ่ายในเวลาหลายวัน และยังเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ด้วย บ้านไหนเป็นต้องระวังติดต่อลูกหลานและคนในบ้านด้วยนะครับ
ฝากบล็อกเอาไว้อีกสักระยะนะครับ ถ้าทุกอย่างลงตัว ก็จะกลับมาพาหมิงหมิงไปทักทายกันเหมือนเดิมครับ
:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณ lsllollslcare ::
เชื่อมั่นในตนเอง ทำสิ่งที่ชอบและถนัด แต่ผิดตรงที่เราไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเค้าหวัง
ตอนเด็กๆผมเคยถูกถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ผมอยากเป็นหมอเพื่อรักษาคนทุกคนที่เจ็บป่วยครับ วันเวลาผ่านล่วงเลยไปเกิดการเรียนรู้มากมาย ผ่านพ้นเข้ามาในชีวิตมีทั้งดีและร้าย ผมไม่เลือกที่จะก้าวเดินตามเส้นทางของใคร แต่ก้าวด้วยความเชื่อของตัวเอง เชื่ออย่างลึกซึ้ง เชื่ออย่างไม่มีเหตุและผล เชื่อว่าตัวเองทำได้ แล้วผมก็ตัดสินใจอย่างแรงกล้าว่าจะอ่านหนังสือเท่าที่จะทำได้ จะร่วมทำกิจกรรมเท่าที่จะทำได้ จะเป็นที่ปรึกษาของผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเท่าที่จะทำได้ เพื่อหาความรู้และสั่งสมประสบการณ์
ผมจะเป็นหมอที่รักษาผู้ป่วย แต่เป็นผู้ป่วยที่มีอาการป่วยทางใจ ทุกเรื่องทุกปัญหา จึงเกิดการตัดสินใจ ที่จะเรียนต่อมหาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เพื่อจะได้มีเวลาทำสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่สิ่งที่ตามมาคือการพูดกันปากต่อปาก จะไปรอดเหรอ จะไหวเหรอ อย่างเธอเนี่ยน่ะ เรียนโรงเรียนธรรมดายังไปไม่รอด แล้วจะมีปัญญาไปทำอะไรได้
คำพูดเหล่านี้ ไม่เคยทำร้ายจิตใจ แต่กลับกันเป็นแรงผลักดันให้ผมยิ่งเชื่อว่าผมทำได้มากขึ้น
แต่แล้วก็เกิดปัญหาเมื่อคำพูดเหล่านี้ทำร้ายจิตใจพ่อ-แม่....
ผมสอบได้โรงเรียนดีดีแต่ผมไม่เข้า พวกท่านก็บังคับให้ไปเรียนเอกชน แต่ผมก็ไม่ไป ผมอยากทำในสิ่งที่ผมชอบ
สิ่งที่ตามมา ความโกรธ ความแค้น ไฟที่ลุกโชนเพราะเกิดจากการที่ไม่เข้าใจกัน ผมใจเย็นเสมอ อธิบายเหตุผล แต่ก็แพ้อยู่วันยังค่ำ เพราะคำตอบที่ได้คือ เค้าเป็นผู้ใหญ่ เค้าอายุมากกว่า เราต้องเชื่อฟังและมีความอ่อนน้อม แพ้เสมอไม่ว่าจะถูกขนาดไหนก็ตาม
มันยิ่งทำให้แรงผลักดันสูงขึ้น ผมทำได้และผมจะทำได้ดีอีกด้วย
หลังจากนั้นไม่มีใครได้เสนอความคิดเห็น ไม่มีใครถามความคืบหน้าว่าเป็นยังไงต่อ เหมือนกับต่างคนต่างอยู่ต่างทำกิจกรรมของตนเอง
แต่สำหรับผม สักวันในไม่ช้า สิ่งที่ผมได้เลือกทำ สิ่งที่ผมชอบ และสิ่งที่ผมเชื่อมั่น
จะต้องพิสูจน์ให้คนเหล่านั้นเห็นว่า ผมทำได้จริงๆ
ปล.นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่นาน อยากจะขอความคิดเห็นจากพวกท่านทั้งหลาย ว่าการกระทำที่ตัวผมได้ทำลงไป มันสมควรเหลือไม่ และมีข้อเสนอแนะยังไง ขอบคุณอย่างสูงครับ
คำถามโดย : คุณ lsllollslcare วันที่ : 5 มิถุนายน 2554
ครั้งหนึ่งในห้องเรียนของเด็กมัธยม อาจารย์ให้โจทย์การบ้านว่า
“ให้นักเรียนทุกคนเขียนวิธีแก้ไขปัญหา เมื่อเธอต้องการที่จะไปเที่ยวผับกับเพื่อนในวันสุดสัปดาห์ โดยที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยและไม่อนุญาตให้ไป เราจะอธิบายยังไงเพื่อให้พ่อกับแม่เข้าใจความต้องการของเรา”
นักเรียนทั้งห้องต่างเขียนวิธีการ คำอธิบายแตกต่างกันออกไป บ้างว่าจะเดินเข้าไปพูดคุยกับพ่อแม่โดยตรง บางคนบอกว่าจะไม่คุย แต่หนีไปเที่ยวโดยไม่บอกกล่าว อีกคนบอกว่าจะโกหกว่าไปทำรายงานบ้านเพื่อนแทน ฯลฯ
อาจารย์อ่านคำตอบเสร็จ โดยไม่ได้ให้คะแนนแต่อย่างใด แต่ให้นำคำตอบทั้งหมดมาอ่านที่หน้าห้อง....
อาทิตย์ต่อมาอาจารย์ให้การบ้านอีกข้อ โจทย์นั้นคือ…..
“ให้นักเรียนทุกคนสมมติตนเองว่าเป็นพ่อแม่ ที่มีลูกในวัยรุ่นอยากขอไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนในวันสุดสัปดาห์ โดยที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยและไม่อนุญาตให้ไป เราจะอธิบายให้เหตุผลอย่างไร เพื่อให้ลูกเข้าใจความต้องการของพ่อแม่”
{ ผมอ่านเรื่องนี้จากงานเขียนของพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์ครับ }
.......................
บ่อยครั้งในชีวิต ที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่ใจเราต้องการ
พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยความห่วงใย ด้วยความคาดหวัง แต่บางครั้งความคาดหวังที่มากเกินไป กลับเป็นกรงที่ร้อยรัดความฝันของลูก
ไม่แปลกที่บ้านเมืองเราจะมีคนที่เรียนไม่ตรงกับความต้องการของตนเองมากมายมหาศาล เราเลือกวิชาชีพเพราะพ่อแม่เห็นว่ามันเป็นวิชาชีพที่มั่นคง รายได้ดี เราเรียนในบางสาขา ไม่ใช่ว่าเราชอบ แต่เป็นเพราะคะแนนสอบเราสูง
แต่นั่นเป็นกรงขังที่สร้างขึ้นมาจากสิ่งที่เรียกว่า “ความรัก” มิใช่หรือ
บ่อยครั้งที่เราเองในฐานะลูก ไม่เคยมองเห็นความหวังดี ความรัก ความห่วงใย ที่พ่อแม่มีต่อตัวเราเลย
เราใช้การต่อต้าน การขึ้งโกรธตอบโต้ท่าน เพียงเพราะเราไม่อาจเป็นในสิ่งที่เราเป็นได้.....
สิ่งที่ผมเรียนรู้ก็คือ...
เราสามารถเป็นหมอที่ชอบเขียนบทกวีได้ ผมเคยเห็นนักดนตรีชั้นยอดที่เรียนจบวิศวะ หรือทนายที่บวชเรียนจนบรรลุธรรม ฯลฯ
ใช่ --- มีคนมากมายที่สามารถมีความสุขจากสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะเดินตามความฝันนั้นได้
ผมเคยถามแฟนตอนที่จีบกันใหม่ๆว่า
“ถ้าต้องเลือกระหว่างคนรักกับครอบครัวเธอจะเลือกใคร?”
เธอตอบเหมือนที่ผมคิดไว้ นั่นคือ “เลือกครอบครัว”
เราอาจเปลี่ยนคนรักในชีวิตอีกกี่ครั้งก็ได้ แต่เราไม่มีวันเปลี่ยนพ่อแม่พี่น้องของเราได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร ไม่ว่าเขาจะรักเรามากแค่ไหนหรือไม่เข้าใจเราเลยก็ตาม
..............................
สิ่งที่ขาดหายไป…. อาจเป็น “การรับฟัง”
“การรับฟังเสียงของความรู้สึก” ที่อยู่ในใจเราและพ่อแม่ของเรา ลองหาโอกาสเข้าไปพูดคุย และรับฟังท่านในมุมที่ท่านคิด แล้วพูดคุยบอกเล่าความรู้สึกในมุมของคุณ
เพื่อหาจุดกึ่งกลางที่ผสานระหว่าง “ความจริง” กับ “ความมุ่งหวัง”
ผมตอบคำถามคุณในฐานะที่ผมเคยเป็นลูกที่เคยไม่เข้าใจความคิดของพ่อ จนวันนี้ผมอยู่ในฐานะของพ่อลูกหนึ่ง...
ความเข้าใจเกิดขึ้นเมื่อที่มองเห็นสิ่งที่อยู่ในตัวพ่อของผม เกิดขึ้นจากการที่ผมมองท่านอย่างที่ท่านเป็น ไม่ได้มองท่านอย่างที่ผมคาดหวัง
พ่อกับแม่เติบโตมาด้วยสภาพแวดล้อมอีกแบบ ด้วยการต่อสู้ดิ้นรนกับชีวิตอีกแบบ แน่นอน --- ความคาดหวังที่ท่านมีกับตัวคุณ ย่อมไม่เหมือนกับที่คุณคาดหวังกับความฝันของตัวเอง
แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราหยุดที่จะพุ่งชนกันด้วยความรู้สึกด้านลบ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะแพ้ ชนะ แค่สร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นที่ความคิด แล้วเกลี่ยความรู้สึกนี้ให้ลงตัวมากที่สุด เท่าที่คุณจะประนีประนอมกับความมุ่งมั่นของคุณได้....
......................
สิ่งที่คุณได้เลือกทำ สิ่งที่คุณชอบ และสิ่งที่คุณเชื่อมั่น
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร เก็บมันไว้แล้วสานต่อด้วยวิธีการของคุณ
จะดีกว่าไหม ถ้าเส้นทางนั้นมีพ่อแม่ มีคนรอบข้างคอยมองด้วยความชื่นชม ไม่ใช่ด้วยความห่วงใย หรือด้วยความอึดอัดใจ
หรือจะให้ดีกว่านั้น --- ผมว่าคุณลองเขียนโจทย์นี้ แล้วนั่งลงตอบโจทย์ทั้งในฐานะพ่อแม่ และในฐานะลูกน่าจะดี…..
บางที...คำตอบที่ได้ อาจทำให้คุณพบคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเอง
Create Date : 07 เมษายน 2555 |
|
32 comments |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2555 7:18:00 น. |
Counter : 838 Pageviews. |
|
|