No. 752 บล๊อกประจำ จันทร์ - พฤหัสบดี |

|
|
นั่งเครื่องบินห้า ชม.กว่า หลับ ๆ ตื่น ๆ ไปกับบริษัททัวร์ อย่าเพิ่งยี้นะครับ 555 ไม่ใช่ชะโงกทัวร์ |
ไปเที่ยวกับทัวร์มืออาชีพ รักษาเวลาได้ดี |
ได้เห็นสิ่งที่เขาอยากให้เห็น กับที่เราเดินดูเวลาเขาปล่อยให้เที่ยวเอง ที่ผ่านมาเคยไปเที่ยว ตปท.เอง |
เหนื่อยมาก ๆ สื่อสารด้วยปาก ด้วยมือวุ่นไปหมด ผลคือ หลงทาง
ภาพข้างล่าง เห็นติ่ง ยาว ๆ ยื่นอยู่ในทะเล คือ สนามบินคันไซ มีถนนสะพานสู่พื้นที่ใหญ่
ใกล้กับ คำว่า เซ็นนัง |

|
ที่สนามบินคันไซ ญี่ปุ่น การรับกระเป๋ายืนรอไม่นาน ปั้มผ่าน ตม.ก็สะดวกมาก ๆ ทำตามที่ |
เขากำหนดไม่ถึง 2 นาทีก็เดินออกไปได้แล้ว ผมไปขณะที่เขา อยากให้เราไป |
เดินออกมาจากอาคารชนิดสลืมสลือ ง่วงนอน เมื่อยคอ เจออากาศหนาวเย็นมาก ๆเข็นกระเป๋า |
ขึ้นรถบัสคันโตโชเฟอร์กับไกด์เอากระเป๋าใส่ท้องรถเสร็จ |
|
รถก็ขับออกจากสนามบิน ไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าใด น่าจะ 5 ทุ่ม ไกด์ก็เล่าตามวิธีการของเขา |
จำได้เคร่า ๆ ว่า ออกจากสนามบินคันไซ ซึ่งเป็นเกาะที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นเมื่อ 60 ที่แล้ว
ยอมรับเลยว่า ญี่ปุ่นเขามองไกลมาก
|
เลยทิ้งขยะลงทะเลคงสร้างกำแพงคอนกรีดเป็นตอน ๆ ถมไปเรื่อย ๆ ใช้เวลากว่า 50 ปี |
|
นั่งฟังไป เมียงมองผ่านกระจก เผื่อจะเห็นหิมะ 555 เป็นแบบนั้นจริง ๆ รู้ทั้งรู้ว่าเมืองโอซะกะ |
เวลานั้นไม่มีหิมะหรอก รถวิ่งผ่านสะพานไปสู่แผ่นดินใหญ่ นานมากทางเรียบ |
|
นึกแปลกใจ ญี่ปุ่นตอนนั้นคงไม่มี NGO ค้านการทิ้งขยะลงทะเลหรือเข้าไปต่อต้านมั้ง เลยได้เกาะใหญ่มาก ๆ |
และ เปิดเป็นสนามบินได้ในปี พศ.2537 |
|
นัยตาเริ่มสว่างเพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่เห็นอะไร รู้เพียงว่า บัสขึ้นทางด่วนสูงขึ้น |
ลงไปมานานเกือบ ชม.รถบัสพาไปจอดที่ลานจอด Ueno Flex Hotel Iga

|
ไกด์แจกกุญแจห้อง เราก็ลากกระเป๋าไปขึ้นลีฟท์เอง ญี่ปุ่นไม่มี พนง.ช่วยเข็นกระเป๋า เป็น |
โรงแรมขนาด 3 ดาว เข็นกระเป๋าเบาแค่ 14 กก.ไม่เป็นไรเนาะเราเคยเข็นผักในตลาด 555 |
|
เปิดเข้าห้องนอน เปิดสวิทซ์ไฟ หาที่เสียบกุญแจไม่มี ไม่เป็นไร....เห็นพื้นที่ห้องพักแล้ว |
อึ้ง...ไปนิดนุง อืม.มมม ห้องเล็กว่าโรงแรมที่เมียนม่าซะอีก ดูซิครับ
ราคารวมอยู่ในราคาค่าทัวร์อยู่แล้ว เห็นราคาแว๊บ ๆ ข้างบน..ช่างเถอะเรามิได้มา นอนเป็นหลัก หุ หุ |

|
เอียงกระเป๋าลากเข้าไปวางข้างเตียงด้านใน ถอดรองเท้าแล้วเดินไปดูห้องน้ำ จุ๋มจิ๋มอีกแหละ
ดีน้า...เอ้ยดีนะพี่น้อง ใช้แล้วไม่ลื่นล้ม เพราะมือยันผนังห้องได้ทุกด้าน หุ หุ

ภาพล่างเห็นแผงไม้สีน้ำตาลคิดว่า
เป็นตู้เสื้อผ้า ไม่ใช่หรอกครับ เขาติดหลอก หรือติดให้โก้ ไว้แขวนไม้แขวนเสื้อมากกว่า

|
แปรงฟัน ด้วยน้ำอุ่น ใช้ได้ดี สอดตัวเข้าไปนอน ดูเวลาแล้วตีหนึ่งญี่ปุ่นเขา มีเวลานอน |
5 ชม.กว่าจะต้องตื่นเตรียมตัวไปกินอาหาร 6 โมงเช้าแล้วออกเที่ยว 7 โมงครึ่ง |
ไม่นานก็หลับโดยมิได้อาบน้ำ แหะ ๆ มันหนาวนี่นา
|
หลับได้แป๊บเดียวจริง นะ..รู้สึกแบบนั้น โรงแรมเขาโทรปลุกตอนตี 5 แปรงฟันโกนหนวด |
เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเต็มชุด
|
ลงไปข้างล่างเป็นคนแรกของทีมเที่ยว แต่เป็นคนที่สอง ไกด์นั่งอยู่ที่ล๊อบบี้เล็ก ๆ มอนิ่งกันแล้ว |
ก็ขอตัวออกไปดู ภายนอกโรงแรม เริ่มสว่างแล้ว
|

|
เช็คอุณหภูมิ 9 องศาเอง กลับเข้าไปกินอาหาร ใช้ปากงับ ๆ ขนมปัง ทาแยม แบบโรงแรมทั่วไป
ใส้กรอกเนียนนุ่ม ไม่ได้กลิ่นรสหมูหรือไก่เลย |
จิบกาแฟ พอไหวครับ ครู่เดียวลูกทัวร์ก็ลงมาเต็มห้องอาหาร ส่วนใหญ่เขากินข้าวต้มกัน |
ผมไม่กินหรอก เบื่อ |
|
อิ่มกันแล้ว ก็ขึ้นรถ กระเป๋าเดินทางเข้าใต้ท้องรถเสร็จ รถก็ออก ไกด์ร่างสันทัดผมสั้นเกรียน |
บอกว่าจะพาไปเมืองเก่า ที่เคยมีนินจา เป็นบ้านไม้เหมือนเมืองเอโดะ |
บอกตรง ๆ เขาพานั่งรถ ไม่ได้มองว่าไป ทิศใด รู้แต่เพียงว่า |
|
นั่งรถ มองลงไปเห็น หมู่บ้านในหุบเขา หลายแห่ง สวย... สมกับที่ตั้งใจอยากเห็น |
คงเป็นไปแบบที่ทัวร์เล่าให้ฟังว่า จะนั่งรถผ่านหมู่บ้าน ในหุบเขา รอบกายหรือสุดสายตาจะ |
ล้อมรอบด้วยเทือกเขา แจแปนแอลป์ |

.....

|
ดูเพลินๆ รถก็มุดเข้าอุโมงค์ลอดผ่านภูเขาสั้น ๆ แต่ไม่นานก็เจออีกแหละ ทีนี้เป็นอุโมงต์ |
ยาวกว่าอุโมงค์ขุนตานของไทย รู้สึกทึ่งที่ญี่ปุ่นเขาลงทุนเจาะภูเขา จนนับไม่ถ้วน
สองข้างทาง จะเป็นภูเขาสูงพอประมาณ ข้างทางจะเห็น valley หมู่บ้านในหุบเขา แบบนี้เยอะมากไม่รู้ผ่านมากน้อยเพียงใด

|
ชั่วโมงกว่าได้มั้งก็ เข้าสู่ตัวเมืองเล็ก ๆ |
|

|
.....

รถบัสผ่าน เมืองที่ สงบ เป็นบ้านไม้ กับบ้านธรรมดาทั่วไป โทนสีตัวบ้านจะเป็นสี น้ำตาล ดำ รถไปจอดใกล้ เมืองโบราณ ดูซิ
ว่า เป็นอิฐหักหรือเปล่า หุ หุ

ไกด์ชี้บอกว่า ซ้ายมือเป็น หมู่บ้านโบราณ ที่ใคร ๆ ก็อยากจะมาสัมผัส ตรงมุมมีผ้าสีแดง ๆ เป็นร้านขายเนื้อย่าง อร่อยสุด ๆ
บอกว่าญี่ปุ่นมีวัวท้องถิ่น WAGYU เช่น มัทสึซาเกะ.หรือ โอมิ กับ โกเบ เราชินกับเนื้อ โกเบ.. แต่ที่นี่ ดีกว่า ว่าเข้านั่น
จำไม่ได้แหละว่าเนื้อที่มาจาก วัวยี่ห้ออะไร หุ หุ
ถนนเล็ก ๆ ตรงโน้น มีร้านเหล้าสาเก...จ่ายเงินครีั้งเดียว เขาจะเสริฟสาเก ถ้วยตะไล คงไม่โตขนาดถ้วย ไฮโล 555 ชนิดต่าง ๆ 8 - 10 อย่าง ระวังนะจะเมา
ไกด์ชื่อ JOKE บอกว่า เมืองไม่กว้าง แต่มีคนหลงกลับมาไม่ทันก็มี ให้เดินตามไปที่สะพานสีแดง นะครับ ใครหลงถามว่า
สะพานแดงอยู่ตรงไหน 555 เหมือนริขับแท๊กซี่ใหม่ ต้องกลับไปตั้งหลัก สนามหลวง ไงงั้น
ให้เวลา ชั่วโมงครึ่ง พอไหม...ครับ เจอกันที่รถครับ

ภาพแม่น้ำ MIYAGAWA เล็ก ตื้น แต่สะอาด ไหลผ่านตัวเมือง สวย..

....

....

....

ถนนในเมือง TAKAYAMA ไม่กว้างในหมู่บ้าน ซันมาซิชูจี เล็กแบบข้างบน สมัยโบราณคงมีการเดินไปมา ถ้าคนมีเงินหน่อย คงใช้รถลาก ก็เมื่อ 300 กว่าปีคงจะยังมีนินจา

สองข้างถนนมี ลำรางน้ำใส ไหลช้า ๆ เย็นแน่นอน ไม่ต้องบอกคงจะรู้ คนเดินเอามือใส่กระเป๋า
ส่วนผม ใช้ถุงมือสำหรับปั่นจักรยาน เฉยเลย ไม่อาย.. เพราะถือกล้อง แล้วใช้นิ้วโผล่กด หรือปรับกล้อง ง่ายดี

หน้าบ้าน ชาวบ้าน จะขายของกินเล็ก ๆ แบบภาพข้างล่าง.... ผมเห็นที่แรก แหะ ๆ คิดว่า ลูกชิ้นปลาแบบสมุทรสาคร คงคาว เค็มนิด หวานหน่อย
ที่ไหนได้ เป็นแป้ง หวานเค็ม อุ่น ๆ ก็อร่อยดี

หน้าบ้านเขาจะปลูก ไม้ดอก ไม้ดัดหรือที่เรียกว่า บอนไซ สวยดี

ข้าง่ล่างเป็นร้านขาย ของฝาก (มั้ง) ผมไม่ได้เข้าไป แหะ ๆ กล้วต้องเสีย ค่าโป้งขึ้นเครื่องบินแพง

ผมไป ส่วนใหญ่จะ ซื้อของกินแบบข้างล่างเป็นหลัก.... ที่นั่นไม่อายที่จะใช้เงินเหรียญ คนขายยินดีรับหมด

ข้างล่าง ผมว่าน่าจะเป็นคนไทย หรือจีนนี่แหละ ยอมเย็นหนาว ใส่กางเกงขาสั้น แต่ใส่ถุงน่องยาว คงพอทนได้

ผมเดินไปกับลูกสาว ไปหลายที่ คิดว่า ใกล้ ๆ เขาซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ตุ๊กตาน่ารัก.....
ดูเวลาแล้ว เกรงว่าจะหาทางกลับไม่ทันนัดหมาย มีบริการรถลาก 3 คันได้มั้ง รู้ราคามาก่อนแล้ว พาเที่ยวคนละ
3,000 เยนหรือ 1,000 บาท เดินจ้ำเอาดีกว่า
แต่ให้ตายซิ หลงทิศ หลงทาง รีบเดินกลับ ดันไปทางเนินสูง ภูเขาเตี้ย ๆ ไปไกลเลย ต้องรีบเดินกลับ
ตัดทางมา ตั้งเป็าหมายไว้ที่ สะพานแดง หุ หุ

ร้านนี้เป็นร้านขาย เนื้อเสียบไม้ย่าง มีชื่อไกด์แนะนำ เข้าไปดูเห็นขาย ไอติม บรื๊อ..มะอาว เดินเข้าไปข้างใน
เอะไม่ใช่ เดินออกมาหน้าร้าน เจรจาด้วยภาษาอังกฤษ ปนภาษามือ ใช่แล้วที่นี่เอง
เราซื้อมาสองไม้เล็ก ๆ นั่งกินตรงเก้าอี้หน้าร้าน อร่อยจริง... ขอบอก
เท่าที่รู้คนญี่ปุ่น เขาจะนั่งกิน ไม่เดินกินแบบฝรั่ง หรือพวกเราบางคน แหะ ๆ ถ้าเดินกินมารยาทไม่ดี
เราหรือ หลายคนไม่อายที่จะซื้อ ของกินชิ้นเล็ก ๆ เขายินดีขาย.. แรก ๆ ก็เขินเพราะอยู่ในไทย
อย่างน้อยต้อง 5 ไม้หรือ 10 ไม้

ที่นั่น คนไทยคงไปเยือนเยอะ เลยมีป้ายภาษาไทย ไว้ด้วย

เขาเรียกว่า เนื้อฮิดะย่าง ไม้ละ 300 เยน ก็ 100 บาท

เดินไปเดินมา ชักหิวน้ำดำ เลยแวะซื้อร้านขายเนื้อย่าง.... ถ้าจำไม่ผิด คิดเป็นเงินไทย 17 บาทถูก..

เพิ้อน ร่วมเที่ยว 33 คนน่ารักมาก....ตรงเวลา นั่งรถไปอีกแห่ง เห็นอากาศครึ้ม ๆ น่าจะเป็นหิมะโปรย นั่งรถมาตอนเช้า ทราบข่าว
ว่าที่เราจะไป หิมะตกหนัก รถไปไหนไม่ได้ ... ใจผมนึกเลยว่า เอาแล้ว...
ขอเพียงแต่โปรยปรายให้ขาวโพลนก็พอ... เคยเจอแห่งหนึ่ง พื้นเป็นนำแข็ง ลื่น เดินกางขา ใช้เวลาเดินนาน
อยู่นานไม่ได้ต้องเข้าที่อุ่น ถอดเสื้อคลุมแข็งโป๊ก ยังกับหนังควายไบซัน ถุงมือก็แข็ง ผ้าพันคอ เปียกด้วย น้ำมูก 555
ใจคิดเลยว่า อย่าเจอแบบนั้นเลย ขอเป็นหิมะโปรยปรายให้เห็นก็พอ

ดูต่อไปว่า จะเจอหิมะ หรือเจอพื้นเป็นน้ำแข็ง หรือเปล่าหนอ.....
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
L 1,421,865 |
st. ผู้เข้าชม 1.419,472 |
= 2,393 |
งานเขียนประเภท Diarist |
|
มาบอกว่า พี่เพิ่งได้ส่งผลงานตะพาบ 218
พาดพิงคุณไวน์ไว้พอท้วมๆ แก้เซ็ง
ผิดพลาดประการใด ขอ'โหสิด้วยค่ะ
บ่ายๆกลับมาอ่านที่นี่
รีบออกไปทัวร์โรงหมอก่อน