No. 795 แกะรอย หมาป่าเดียวดาย ไป เมืองที่ยาว..มาก |
 |
บันทึกการเดินทางของ หมาป่าเดียวดาย ลาพักร้อนครึ่งเดือน จากกรุงเทพ ไป พังงา ด้วยจักรยาน (ตอนที่ห้า) |
เพื่อตามรอย เหมืองแร่ คุณอาจินต์ ส่วนไวน์กับสายน้ำ ตามรอย หมาป่าเดียวดายต่อ หุ หุ //////////////// |
ตอนที่แล้วเขียนเล่า เจอนักท่องเที่ยวด้วย บิ๊กไบค์ เป็นกลุ่ม หมาป่าเดียวดายหันไปมอง แล้วอมยิ้มกับตัวเอง |
เมื่อพวกเขาหันมามองด้วยความประหลาดใจ คงเห็นว่า คนใช้สองขาปั่นทางไกลคนเดียว หุ หุ... |
|
ที่ปั้มน้ำมันนี้ หมาป่ามาแวะกินข้าว แต่ก่อนกินข้าวก็แวะขึ้นร้าน อเมซอนไปหากาแฟสดกิน |
เห็นรถบิกไบค์จอดเรียงกันหน้าร้านก็เริ่มครึ้มใจครับ  |
ถอดหมวกเดินขึ้นไปบนร้าน เสียงจ๊อกแจ๊กคุยกันของกลุ่มสิงห์นักบิดก็เงียบลง สักพักก็มีเสียงรำพึงของผู้อาวุโสในกลุ่ม |
พูดดัง ๆ ทำนองว่ากำลังพูดถึงนักจักรยานผู้เดินหงอยเหงาเข้าร้านมา |
กูก็เคยขี่ แต่ไม่ไหวว่ะมันเจ็บตูด |
หมาป่า(ผม)ฟังแล้วก็ยิ้มสั่งอเมซอนร้อนทำตัวเหมือนไม่ได้ยินเสียงรำพึงที่ว่า |
 |
อ้อ ตอนที่กลุ่มพี่เขาเริ่มออกเดินทางใหม่นั้น พี่หัวหน้ากลุ่มขี่บีเอ็มดับเบิลยูสองล้อ คันเบ่อเริ่มเหมือนรถฉลามบก |
แกบิดและเลี้ยวอีท่าไหนไม่รู้ตอนกำลังออกตัว |
รถล้มกลิ้งอยู่ตรงหน้าถังจ่ายน้ำมันนั่นแหละครับ ยกรถขึ้นใหม่คนเดียวไม่ไหวต้องมีทีมมาช่วยยก ก็เฮฮากันไป |
ไม่ได้เจ็บอะไรครับ |
ผมขี่ทะลุลงใต้ไปเรื่อย ๆ และเข้าสู่อำเภอกุยบุรี ๆ จะมีป้ายโปรโมทสัตว์ป่ามีชื่อเสียงของอุทยานแห่งชาติกุยบุรีอยู่ |
อยู่ข้างทางเป็นระยะ มีสัตว์อยู่สี่ห้าชนิดเหมือนเป็นเธอะบิ๊กไฟว์ ซึ่งผมจำไม่ได้หมดว่ามีอะไรบ้าง |
แต่ที่จำติดใจคือป้ายสุดท้ายที่บอกสัตว์ป่าที่มีชื่อเสียงที่สุดคือช้างครับ |
|
 |
|
ป้ายนี้จะใกล้ตัวอำเภอมากที่สุด นอกจากป้ายไวนิลอิงค์เจ็ทแล้วรู้สึกจะมีรูปปั้นช้างป่าด้วย วันที่ผมขี่ได้ราว 110 กม. |
มาพักแรมคืนที่ บังกะโลพรรักษา อำเภอกุยบุรี ไมล์นับจากบ้านได้ 312 กม. ขี่มาสามวันเฉลี่ยวันละร้อยกิโล |
ภาพข้างล่างนี้ เจ้าของรีสอร์ทบังกะโลถ่าย เห็นจักรยานของใคร...นั่นซิ ลงในเวฟของเขานะครับเพิ่งเข้าดูวานนี้เอง  |
จันทร์ที่ 3 วันที่สี่ |
|
ผมออกจากที่พักสายมากครับ ออกตั้ง 10 โมงเช้า แวะเข้าไปกินข้าวมันไก่กับกาแฟสด ในตลาดกุยบุรี |
แม่ค้ากาแฟสดแนะนำว่าถ้าไม่อยากไปบนถนนเส้นใหญ่เพชรเกษมให้ลองออกไปด้านหลังเลียบทะเล ตังต้นจาก |
สถานีรถไฟกุยบุรี ทางเลียบทะเลมันจะไปเลาะแถวตำบลบ่อนอก แล้วค่อยหาทางมาออกเส้นเพชรเกษมอีกที |
|
เส้นทางสวยงามร่มรื่นน่าขี่มาก ไปตามเส้น 1003 หลังสถานีรถไฟ แล้วมันจะไปต่อเส้น 1020 ที่เลียบทะเล |
ทะเลสีเขียวเทอร์คอย มีบังกะโลมีรีสอร์ทอยู่เรียงรายตามเส้นทางนี้เป็นระยะ  |
มีที่ดินเปล่าติดทะเลขายด้วยนะครับ ไร่ละสี่ล้านสามล้านเอ็ง...ขายทีละหลายไร่ไม่แบ่งขาย และเส้น 1020 มันก็จะ |
กลับมาเชื่อมกับเพชรเกษมในที่สุดครับ |
เปิดแผนที่ทวนดูความจริงเราจะขี่จาก 1020 ที่มาจากปราณบุรีเลยก็ได้ไม่ต้องจอแจกับรถยนต์ ไม่ผ่านดาวน์ทาวน์ |
ของกุยบุรีด้วย มันจะเลาะริมทะเลมาเรื่อย แต่กินเวลาครับ ผมเลือกขี่ทางหลักแล้วค่อยไปหย่อนใจทางย่อย |
แบบนี้ดูจะเหมาะกว่า |
ถัดจากกุยบุรีมาก็เตรียมเข้าตัวจังหวัดประจวบแล้วละครับ ทางเพชรเกษมช่วงก่อนถึงประจวบเริ่มมีเขาชัน |
พอให้ได้ออกแรงและสนุกตอนรถวิ่งลงเขา |
ทางสวยโล่งกว้างโปร่งตาโปร่งใจ จากเพชรเกษมมีทางแยกเข้าตัวเมืองที่ต้องผ่านสะพานรถข้าม ลงสะพานมาก็เขาสู่ |
บริเวณย่านหน่วยราชการ ตลอดทางจากบ้านของผม....แทบไม่ได้ควักกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเลยครับ |
บอกตรง ๆ ว่าขี้เกียจเพราะทางช่วงที่มามันเป็นเส้นทางที่คุ้นชินเหมือนตอนขับรถยนต์มาหัวหิน ยังมานึกเสียใจว่า |
น่าจะถ่ายภาพแถวนาเกลือ ทุ่งโล่งริมทะเลตรงสมุทรปราการมาฝากเพื่อนนักจักรยานที่อาจยังไม่เคยขี่ทางไกล |
ไปแถวนั้นสักหน่อย รวมถึงแถวทางเลียบทะเลสวยแถวบ่อนอก |
อันนี้เป็นภาพแรกที่สั่งตัวเองว่าถ่ายภาพได้แล้ว ถ่ายที่ศาลหลักเมืองจังหวัดประจวบนะครับ |
 เป็นภาพถ่าย และตั้งใจจะให้เป็นภาพขาวดำ ..........ด้วยความรักในภาพประเภทนี้ ที่บ้าน หมาป่าเดียวดาย จึงมี ที่ล้างฟิล์ม น้ำยาล้างฟิล์ม ที่อัดภาพ ขยายภาพสีดำ ทำด้วยตนเอง |
 |
|
ผมตั้งใจว่าคืนนี้จะขอพักที่ที่พักทหารอากาศในกองบิน 5 อ่าวมะนาว |
 |
ขี่จากดาวน์ทาวน์ประจวบ ฯ ไปแป๊บเดียวตรงปลายถนนเลียบชายหาดก็พุ่งเข้าประตูซุ้มกองบินเลย |
อ่าวทะเลแสนสวยงาม สงบร่มรื่นด้วยการดูแลอย่างดีของทหารอากาศ และมีวีรกรรมของทหารอากาศและประชาชน |
ชาวประจวบฯ ที่ต่อสู้ปกป้องฐานบินเมื่อคราวญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 |
 |
ที่อ่าวมะนาวนี่ทั้งไทยทั้งญี่ปุ่นตายกันหลายร้อยคนครับ ส่วนใหญ่เป็นญี่ปุ่นเพราะบุกขึ้นหาดมาหาปืนกลหนัก |
แต่ทหารไทยและคนไทยก็ตายกันหลายสิบ นี้รวมทั้งลูกเสือ(และยุวชนทหาร)ด้วยนะครับ |
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เขายึดฐานบินได้แต่เราก็ขึ้นไปยันตั้งรับบนเขา ล่วงจนคำสั่งหยุดยิงมาจากกรุงเทพนั่นแหละจึง |
ลงมาเก็บศพทำพิธีทางศาสนากัน  |
ผมคืนนี้พักหรูหน่อยครับ ด้วยต้องไปพักของห้องพักโรงแรมสวัสดิการทหารอากาศเป็นตึกริมทะเล ค่าห้อง |
1,100 บาทต่อคืนรวมอาหารเช้า มาหยุดที่ กม. 367 วันนี้ขี่ได้จุ๋มจิ๋มราว ๆ 55 กม.นับจากกุยบุรี |
|
โรงแรมมีที่จอดจักรยานด้านล่างให้ล่ามโซ่ไว้กับท่อเหล็ก แต่ผมขอแบกอีเขียวขึ้นไปพักบนตึกด้วยกันดีกว่าครับ |
ชั้นสามนี่กินแรงพอดู  |
เอาจักรยานเข้าห้องพักกว้างใหญ่มีเตียงสองเตียงแล้วก็ลงมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารริมหาด มีวิวสวย |
|
 |
|
คืนที่นอนโรงแรมที่อ่าวมะนาวนี้มีเรื่องแปลกนิดนึงครับ ปกติผมไม่ค่อยฝันตอนนอน แต่คืนนี้ไม่รู้เพราะอ่านประวัติ |
วีรกรรมทหารและจำนวนคนที่เสียชีวิตที่อ่าวนี้จำนวนมากด้วยหรือเปล่า |
ผมนอนเตียงที่อยู่ติดระเบียง แต่ในฝันนั้นเห็นจริงจังมากกว่าตัวเองตื่นขึ้นมาตอนดึกไฟปิด ข้าวของในห้องก็อยู่แบบ |
เดียวกับตอนที่ผมเข้านอน แต่รู้สึกว่าเตียงข้าง ๆ มีคนคนหนึ่งนอนอยู่ สักพักเขาก็ลุกขึ้นมาเป็น เงา... |
จากเตียงเขาเดินอ้อมปลายเตียงผม มายืนจ้องมองผมตรงด้านซ้ายแล้วเขาก็ล้มตัวนอนบนเตียงผมนั่นแหละครับ |
เป็นเงาคนเหมือนคนไม่มีผม รูปเงานั้นเหมือนคนใส่ชุดรัดรูปแบบมนุษย์แมงมุมแต่เป็นแค่รูปร่างคนนะครับ ไม่มีราย |
ละเอียดชุด ในฝันนั้นผมบอกตัวเองว่านี่ ผีนี่นา แต่ว่าไม่ได้กลัวอะไร |
แถมนึกในใจว่าตอนฝันด้วยว่า ผีก็ผี กูง่วง กูหลับก่อนนะ แล้วผมก็หลับอีกครั้งในฝันจนเช้า การนี้ยังเชื่อว่าเป็นเรื่อง |
ความฝันที่เกิดจากความคิดในใจก่อนนอนว่า |
อ่าวมะนาวก็คงผีเยอะ ไม่คิดว่าตัวเองเจอผีจริง ๆ นะครับ |
|
ไว้รออ่านตอนต่อไป. นะครับ(ไวน์กับสายน้ำผู้ตามรอย หมาป่าเดียวดาย) |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
L |
st. ผู้เข้าชม 1,506,349 |
= |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์นิดจะได้แวะไปเยือนครับ |
|
เดินทางคนเดียว
นอกจากเดียวดายแล้วผมว่าต้องใจแข็งด้วย
ห้ามจิตอ่อน
เหมือนเรื่องราวตอนท้ายบล็อก
ใครจิตอ่อน
ก็มีสยองขวัญสั่นประสาทกันบ้างล่ะครับ 555