No. 754 บล๊อกประจำ พฤหัสบดี - พุธ |
|
|
โห..ยังบอกไม่ได้ครับ 555 เพราะยังไม่ได้ซื้อ ขอหาเงินก่อน สิ่งของราคาแพงจะใช่รถยนต์หรือไม่ |
นั่นซิ... มันอยู่ใน ช่วงเวลาของวัย หรือ...
|
ครั้งที่เป็นนักศึกษา เดินเมียงมองอยากได้นาฬิกา แหะ ๆ เปล่าพูดเรื่องลุงคนนั้น |
นะเออ จริง ๆ ก็ตอนนั้นเพื่อนแต่ละคน ยังไม่รวย มีอยู่คนหนึ่ง ขับรถเก๋งซีตรองใหม่ไปเรียน |
ดันมีนาฬิกาเรือนเดียว ผมเลยอดยืมนาฬิกา มันมีอายุยืนด้วย หุ หุ |
|
เวลาเดินผ่านแถว สี่แยกวัดตึก วังบูรพา เยาวราช จะมีร้านนาฬิกาเยอะ |
เห็นนาฬิกา โมวาโด้ ราโด้ มิโด้ ทั้งเรือนทอง ทรงกลม แบน หรือไม่ก็ทรงแบนรีคล้ายไข่ไก่ |
อยากได้ แต่คงจะไกลเกินเอื้อม |
|
ได้แต่มองนาฬิกายี่ห้อหนึ่ง ตอนนั้น อ่านว่า เซอิโก้ SEIKO ก็สวยดี แต่ไม่กล้าซื้อกลัว |
ใส่แล้วเดิน เซ.... ต่อมาเขาก็มีโฆษณาออกมา อ่านว่า ไซโก้ |
คงกลัวคนทับถมว่า ใส่แล้วเดินเซ.. เจ้าของผู้นำเข้าเลย ให้ชื่อภาษาไทยว่า ไซโก้ |
ให้คล้ายกับว่า ใครใส่แล้วโก้... แหนะ.. ทันสมัยจริง.... |
|
ไม่น่าเชื่อ จำนาฬิกาที่ซื้อใช้เรือนแรก ไม่ได้แล้วว่ายี่ห้ออะไร รู้แต่ว่าเป็นเรือนทอง สายหนัง |
สีน้ำตาล น่าจะราคาแพงเหมือนกัน หุ หุ แต่ไม่ถึง ล้าน แน่นอน |
|
ชีวิตในกรุงเทพ พี่เช่าบ้านให้ผมอยู่สบายหน่อย เช่นที่ซอยชัยพฤกษ์ใกล้กับวัดธาตุทอง |
เสียอยู่อย่าง เวลาเย็นเขาเผาศพ ในเวลาครึ้มฟ้าครึ้มฝน ควันจะตลบ ลงอยู่ระดับบ้าน |
เหม็นควันแต่ไม่ได้กลิ่นเน่านะครับ พี่เลยซื้อเครื่อง พัดลมไอเย็นมาใช้ เพื่อน ๆ คงจะยังไม่เคย |
เห็น... เป็นเครื่องสี่เหลี่ยม ต้องเติมน้ำด้านหลัง เปิดแล้วไอเย็น
|
จะพ่นออกมา เย็นสบาย ตอนนั้นคนยังไม่ค่อยใช้ ยังไม่รู้จัก แอร์คอนดิชั่น แต่ห้องเรียนผมติดแอร์เย็นสบายทุกห้อง |
อยู่บ้านเลยใช้พัดลมไอน้ำนั่งทำการบ้าน แต่เปิดเวลานอนไม่ดีเลย เป็นหวัด จามแน่นอน.. |
|
เรียนจบมาได้ทำงาน ตามจังหวัดต่าง ๆ บริษัทเขาให้พัก ชั้นบน เรียกว่าเป็นบ้านมาตลอด |
ต่อมามีครอบครัว ก็เช่าบ้านอยู่
|
ย้ายไปสาขาพิษณุโลก เช่าบ้าน อยู่สองแห่งเป็นบ้านเก่า .น่ากลัว ต่อมาก็ย้ายไปอยู่บ้าน |
ใหม่ อยู่นาน อยู่สบายดี แต่ต้องเสียค่าเช่า |
หนักครับ |
เลยซื้อที่ดินเงินผ่อน ปลูกบ้านไม้หลังเล็ก มี 1 ห้องนอน กับห้องเอนกประสงค์ ครัวกับ |
ห้องน้ำ... เป็นของมีค่าสำหรับครอบครัว แต่ต้องผ่อนค่าที่ดิน หนัก..แต่ก็ทนได้ |
เพื่อชีวิตของครอบครัว |
ย้ายไปอยู่อุบลราชธานี กับ สุรินทร์ เช่าบ้านเขาอยู่ตลอด เสียดายเงินค่าเช่า หุ หุ |
|
พอย้ายเข้าทำงานในกรุงเทพ หลังแรก เช่าบ้านแถวตลาดประแจจีน อยู่ในซอยตรงข้าม เป็นห้องเช่า |
นะครับ... ผมเกือบ แหะ.. ตบ เจ้าบ้านซะแล้ว โมโหครับ |
|
วันหนึ่งนอนพักกลางวัน คัทเอ้าท์ที่อยู่ในห้อง เกิดไฟไหม้ ควันคลุ้งไปหมด เลยโวยวาย |
คนมาเต็มห้อง ผมเห็นท่าไม่ดีเลย ปีนดึงคัดเอ้าท์ไฟฟ้าออก ต่างช่วยกันสาดน้ำดับ |
|
เจ้าบ้านเป็นหญิงแก่ หึ ซะใจคราวนี้ว่า คนแก่ซะหน่อย เปล่าเป็นคำหยาบนะเออ เขาด่าว่า |
ผมทำไฟไหม้ ผมบอกว่าไม่ใช่ นะ ทั้งสิบกว่าห้องมันร้อนต่างคนต่างใช้ไฟฟ้าผ่านคัดเอ้าท์ตัวนี้ |
น่าจะใส่ลวดแทนฟิวส์ตะกั่ว เลยโหลดไฟมาก ก็ยังไม่ละลาย ตัดไฟ เจ้าของบ้านก็ยังด่า ๆ ไม่หยุด |
|
อดทนไม่ได้ เพราะงี่เง่า เลยเดินเข้าหาชี้หน้าแก.. ลูก ๆ ของเจ้าของบ้าน เป็นทั้ง พยาบาล ข้าราชการ |
ต่างเข้าห้าม บอกแม่ว่า คุณไวน์..เข้าช่วยเรานะแม่ ไม่งั้นไฟไหม้หมดทั้งหลัง |
|
รุ่งขึ้นเก็บเข้าของลงกล่องกระดาษ ย้ายออกเลย ไปอยู่โน่น ซอยวัดหลวงบางซ่อน อยู่ไป |
ก็ชอบแถวนั้น เลยย้ายไปเช่าบ้านเป็นหลัง ในสวน |
เดินออกจากบ้านผ่าน ลำประโดง ก็ร่องน้ำ ต้นผลไม้ ดินลื่น เปื้อนโคลน ต้องไปล้างเท้าใส่ |
ถุงเท้า รองเท้าขึ้นรถเมล์ไปทำงาน ในฤดูฝน
ฤดูแล้ง น้ำจะแห้ง เดินสบาย ๆ ทรงตัวให้ดีผ่าน สะพานต้นหมากต้นเดียวที่พาดข้าม
|
ตอนกลางคืน น้ำประปาไหลอ่อน ผมกับครูสติ จะช่วยกันขุดหลุมวางกาละมัง |
แล้วโน้มก๊อกลงให้น้ำไหล แบบเด็กที่ฉี่กระปริบกระปรอย... กว่าจะเต็ม
|
เรา จะผลัดกันรองคนละ ชัวโมง ใช้ขันตักน้ำจากกาละมัง ใส่กระแป๋งหิ้วไปใส่ตุ่มที่บ้าน |
ตนเอง ส่วนใหญ่จะได้นอนหลับก็เที่ยงคืน
|
อ้อ ครูสติ..ใช้ชื่อแต่งเพลง ว่า เนรัญชรา ครูสติพูดกับผมน้อยมาก จะนั่งเงียบ ๆ นัยตายิ้ม |
ทั้งที่นั่งยอง ๆ อยู่กันไม่ถึงเมตร |
ครูแต่งเพลงดังมาก บ้านของเรา (เนื้อร้อง เราซื้อเรา เช่า ฯ)บ้านหลังที่ครูอยู่ผมไม่แน่ใจ |
ว่าเป็นบ้านครูเอง หรือเช่า แต่ของผมนะเช่าแน่นอน ค่าเช่าประมาณ 33 % ของเงินเดือน |
|
เสียดายเงินเดือนที่จ่ายเป็นค่า เช่า... เลยริ ไปซื้อที่ดิน แถวย่านอ่อนนุช เขียนแบบบ้านเอง |
จ้างเขาปลูกบ้าน กู้เงินจากบริษัทที่ทำงาน บริษัทโอเค ใช้บ้านและที่ดินบ้านหลังแรกของชีวิตที่พิษณุโลก |
ค้ำประกัน |
เป็นบ้านหลังที่สองของชีวิต ทางเข้าบ้านเป็นถนนดินแดง ลึกจากถนนอ่อนนุช 700 เมตร |
สองข้างทางซอย เป็นทุ่งนาเก่า น้ำเปี่ยม มีคนปลูกบ้านน่าจะไม่ถึง 50 หลัง |
|
บ้านผมเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ฝังเสาปูนในน้ำ หล่อเลี้ยง กันมดได้มังครับ 555 ทำสะพานไม้ |
ทอดข้ามเข้าบ้าน วัดหยุดทำงานเสาร์อาทิตย์ ปลูกต้นดอกแค
พริก มะเขือ เก็บผักบุ้งไทย |
ที่ทอดยอด บริเวณเขตบ้านเหลือเฟือ ใส่หมวกปีก นั่งตกปลาหมอในบ้าน
|
ทำอาหารกิน มีความสุขล้นเหลือ |
|
ปัจจุบัน ถนนซอยเข้าบ้านเป็นคอนกรีต สองข้างทางถมดิน ปลูกบ้านเกือบเต็ม มีที่ว่างน่าจะ |
ไม่ถึง 4 แปลง.. ส่วนบ้านผม ก็ถมที่ดินเต็ม เปลี่ยนบ้าน ไม่ใช่บ้านไม้อีกแล้ว
|
|
น่าจะเป็น สิ่งที่มีค่าราคาสูงที่ซื้อไว้... จากราคาสินทรัพย์ไม่กี่บาท ราคาค่อย ๆ ปรับสูง |
ขึ้นน่าจะหลายบาท... อดทนไว้ จะสบายภายหลัง |
สำคัญคือ ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้านอีกต่อไป
เพื่อนผม ยังมีชีวิตอยู่ แหะ ๆ มันบอกว่า ที่เอ็งคิดปลูกบ้าน เพราะเอ็งมีปมด้อยในชีวิต
อีกคน วิเคราะห์ว่า ชีวิตมันเคยสบายตั้งแต่เกิด เพราะ ปู่ย่า พ่อแม่มีฐานะมั้ง ไวน์มันเลยชอบสบายมากกว่า
นั่นซิ... อะไรกันแน่... ไม่รู้จริง ๆ |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
L 1,428,747 |
st. ผู้เข้าชม 1,424,723 |
= 4,024 |
งานเขียนประเภท Diarist |
สวัสดียามเช้าครับพี่ไวน์
อ่านบล็อกพี่
ทำให้ผมนึกถึงความหลังของตัวเอง
ผมยังทันบรรยากาศที่พี่ไวน์เล่าไว้ในบล้อก
เมื่อก่อนผมอยู่แถวสุขุมวิทซอย 16
หลังบ้านผมเป็นคลองขนาดใหญ่นะครับ
มีสะพานไม้ มีต้นไม้ใหญ่
เล่าให้เด็กยุดนี้ฟังคงจะงง 5555
ถ้าเก็บที่ตรงบ้านหลังนั้นเอาไว้ได้
ตอนนี้ผมคงเป็นเจ้าสัวไปแล้ว
กลับไปอีกครั้ง
ตรงบ้านเดิมกลายเป็นคอนโดฯสูงตระหง่านเลย
โหวตครับพี่