No. 741 บล๊อกประจำ จันทร์ - พฤหัสบดี |
เสี้ยวหนึ่งของชีวิต ไปใช้ชีวิตในป่าลึก

|
เช้ามืดนั่งที่แคร่ไม้หน้ากระท่อมหลังเล็ก แสงแดด ลอดแสงผ่านแมกไม้ |
ไม้บนดอย สู่แปลงข้าวโพดริมลำห้วย เม็ดน้ำค้างต้องแสงเป็นประกายวิบ วับ |
|
|
ลมพัดมาเบา ๆ หมอกเป็นแผ่นบางลอยเอื่อย ๆ ยามถูกโขดหินข้างลำห้วย แผ่นหมอกแตกเป็น |
สองทาง ผสมไอน้ำจากลำห้วยลอยขึ้นมา รวมกับหมอก เสียงน้ำไหลดังคลิ๊ก ๆ |
กระแสน้ำ ดันน้ำระกิ่งไม้แห้งที่หัก ทอดยาวขวางน้ำ |
|
พี่พะก่อ หมอกจะลอยแบบนี้ อีกกี่เดือนครับ |
เป็นอะไร งามเหรอ |
ครับ สวยจริง ๆ |
ถ้าเป็นหน้าเกี่ยวข้าว ดินดูดไอแดดไว้ เช้ามาคลาย รวมกับความชึ้นในต้นไม้กับลำห้วย จะเกิด |
หมอก ลอยตรงแอ่งดอยอีกประมาณสองเดือน..ริมห้วยจะเห็นสีเขียว ถ้าบนดอยจะเห็นต้นข้าวสีเหลืองทอง เอ้าเรากินข้าวเช้ากัน |
กินข้าวเช้ากันง่าย ไข่ต้ม กับน้ำพริกถั่วเน่าป่น กับชะอมต้มเขียน เสร็จแล้วก็นั่งพัก ไม่นาน |
|
ไป... เราไปแบกฟ่อนข้าวบนดอย ลงมาไว้ที่ลาน... พี่พะก่อชวน |
เอ้อ ก่ำ.. ยังไม่ต้องตามไป. เก็บจานชามของกินบนแคร่ไปเก็บแล้วค่อยตามไปนะ |
|
เราเอาไม้คานทำด้วยไม้ไผ่ซาง หนาตรงกลาง ปลายสองข้างบางลง มีปลายแหลมสองข้าง |
พาดบ่าไปคนละอัน |
|
ไต่ตะลิ่งหน้ากระท่อม ลงลำห้วย ไอน้ำลอยเรี่ย ๆ ปลาตัวเล็ก ว่ายวิ่งไปมา คงจะกลัวยักษ์สอง |
ตนมาจับกิน 555 |

|
เหยียบลงน้ำที่อุ่น สบายเท้า เหยียบ |
กรวดกรมสีขาว ผสมดำที่ใต้แผ่นน้ำ ดังเอี๊ยดอ๊าด น้ำลึกแค่เข่า เลยดึงขาเตี่ยวสะดอ |
(กางเกงยาวเพียงน่อง)ขึ้นมานิด ไม่ให้เปียก |
|
ชายตลิ่งเป็นดินละเอียดปนทราบ นุ่มเท้ามีหญ้าขึ้นแซมบ้าง เราสองคนเดินขึ้นดอย ค่อนข้าง |
ชัน ต้องโน้มตัวไปข้างหน้า ให้เกือบสมดุลผ่านก้อนหิน ตอไม้เก่า ไม่นานก็ถึงข้าวที่เกี่ยว |
พาดตอข้าวไว้ |
|
เส.. เอาไม้หลาว(คาน) แทงลงไปที่ฟ่อนข้าวแบบนี้ จนให้โผล่แล้ว งัดอีกด้านให้ตรงเสมอกัน |
เอาฟ่อนข้าวอีกฟ่อนจับตั้ง |
ตรงแล้ว แทงเข้าไปแรง ๆ แบบนี้ พี่พะก่อสอนวิธีให้ |
|
ผมก็ทำมั่ง พองัดไม้คานตั้งขนานกับพื้น ก็เอาฟ่อนฟางแทงซ๊วบเข้าไป |
เส..แบกใส่บ่า ถ้ากลัวเจ็บเอาผ้ามัดเอว รองบ่าก่อนก็ได้ จะลดการเจ็บลงบ้าง |
|
พอไหวพี่. |
เส...เวลาให้เดินตัวตรง แล้วค่อยย่อตัวรับการขย่มของฟ่อนข้าวแต่ไม่ต้องย่อรับมากนะ |
จะได้เดินสบาย. |
|
พี่พะก่อ พาเดินลงดอย.นำหน้า พลางพูดสอนผมที่เดินตาม ถ้าช่วงไหนดอย ชัน |
เอาไม้คานขวางดอย เอาไว้ตรงต้นคอจะเจ็บต้นคอหน่อย ถ้าไม่ขวาง |
ลงดอยชัน ฟ่อนข้าวจะเทไปข้างหน้า เราจะลงไม่ได้. |
|
ผมลองหาบตาม.... เออ. ก็พอไหวแฮะ แต่เจ็บต้นคอ บ่า ยามเดินผ่านลำห้วย ขึ้นตลิ่งก็ขวาง |
ไม้คานเช่นกัน แต่การเดินหาบขึ้นดอย ยากกว่าลงดอยไม่รู้กี่เท่ากินแรง |
|
หลังกินข้าวเที่ยงที่ เด็กชายก่ำจัดหาไว้ให้ที่บนแคร่หน้าบ้านพัก ได้สักครู่ก็เดินลงห้วย ไปแบก |
ข้าวต่อ ได้สามเที่ยว |
เส...หยุดทำเตอะ วันแรกเป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวพี่จะทำต่อเอง |
ไม่เป็นไรพี่ ให้ผมทำต่อ จะได้เสร็จเร็ว ๆ |
|
หาบได้อีก สองเที่ยว...ต้องยอมแพ้ นั่งพัก บนกองฟ่อนข้าวข้างกระท่อมใต้ต้นไม้สัก |
เลยนำฟางข้าวที่มีรวงข้าว มัดรวมเป็นฟ่อน ใส่บ่าแบก เดินลงดอย สะดวกกว่า หาบ

|
พี่ น้องก่ำไปไหน. |
อ๋อ.. ก่ำไปหาเขียดแลว ๆ จะอยู่ริมห้วย มีใบไม้ร่วงทับทม. ลองดูว่า เย็นนี้เราจะได้กินแกง |
เขียดแลว หรือกิน แกงผักหละ(ชะอม)ใส่ถั่วเน่าเปอะกัน (ถั่วเหลืองหมักห่อด้วยใบตอง) |

|
พี่... เขียดมันตัวเล็ก จะกินได้เหรอ |
น้องเส..คงไม่เคยเห็น เขียดแลว ตัวใหญ่ขนาดฝ่ามือ กิ๋นอร่อย ไม่ใช่เขียวตัวเล็ก ๆ แถวพื้นราบ |
ปล่อยก่ำ ไปหาเขียดแลว ส่วนพี่พะก่อ ยังคงไปขนต้นข้าวต่อ ส่วนผมนั่งพัก |
เอ้า เสหยุดก่อน ไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน มันจะเจ็บมาก |
|
ผม เลยถือโอกาศ ลงไปอาบน้ำห้วย กลับขึ้นมา พี่พะก่อยื่นขวดยาให้ |
|
เอาน้ำมันหมีทานะ ป่ออุ้ยบ้านปุ๊น(ตา บ้านโน้น)....ผสมยาป่า จะได้หายปวดเมื่อย |
|
ผมถอดเสื้อ ดึงลำตัวเสื้อขึ้น ผ่านหัว พาดไว้กับตอไม้ เอาน้ำมีนหมี ทาบนไหล่ เจ็บสุด ๆ |
พอน้ำมันหมีถูกบ่าร้อนวูบวาบ อยากทาข้างหลังจนใจ ทาไม่ถึงเลยทา ที่บ่า ต้นคอ |
กับเอวสองข้าง คงต้องรอให้ เด็กก่ำกลับมา ค่อยทาข้างหลัง |
|
สายลมเย็นพัดมาแผ่วเบา นั่งพิงกองฟ่อนข้าวใต้ต้นไม้สัก ไม่นานนัก หนังตามันหนัก |
ขึ้นทุกที แล้ว ก็ ผลอย...หลับ. |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
L 1,403,653 |
st. ผู้เข้าชม 1,402,059 |
= 1,594 |
งานเขียนประเภท Diarist |
|
ต้นไม้เขียวๆ มีหมอกจางๆ บรรยากาศดีจริงๆ
ชีวิตในป่าลึกน่ามีความสุขค่ะ อากาศดีๆสดชื่น ได้กลิ่นหอมๆของต้นข้าว
กินอยู่อย่างง่ายๆ ได้กินปลาสดๆ ผักพื้นบ้านไร้สารพิษ น้ำพริก เป็นสวรรค์ดีๆนี่เอง
แต่แกงเขียด ต้องขอพักไว้ก่อนนะคะ อิอิ