No. 800 มิตรภาพ รสนิยม @ Ranong บันทึกการเดินทางของ หมาป่าเดียวดาย ลาพักร้อนครึ่งเดือน จากกรุงเทพ ไป พังงา ด้วยจักรยาน (ตอนที่ 8 ) ป้ายเตือนระวังทาง คดเคี้ยว 494 โค้งไม่ทำให้นักขี่จักรยานเกร็งหรือกลัวแต่ จะนึกถึง การใช้กำลังขาและใช้น้ำหนักตัว ขย่มให้จักรยานแล่นขึ้นเขามากกว่าเพราะใช้พละกำลังมากเป็นพิศษ มีการรอจังหวะส่งรถให้เร็วด้วย ส่วนการลงเขาที่เป็นทางลาดลงมากกับถนนคด โค้งทำเอานักขี่ปั่นจักรยานเสียวเป็นพิเศษ เพราะเห็นเพื่อนหลายคนกลิ้งหรือชนกับเหล็กกั้นข้างทางมากกว่า ( ไวน์กับสายน้ำ) อ่านที่หมาป่าเดียวดายเขียนเล่า ต่อ..นะครับ ความจริงเส้นที่จะตัดจากฝั่งอ่าวไทยไป อันดามันนั้นมีให้เลือกอีกเส้นครับ คือขี่ลงจากชุมพรเลาะอ่าวไทยไปก่อนแล้ว ไปตัดขวาขึ้นไปสู่พะโต๊ะ เส้นนั้นชันกว่าแต่รถก็น้อยกว่า ทางมันจะลงตรงเพชรเกษมเลียบอันดามัน จุดที่เลยตัวเมืองระนองออกมาแล้วสามารถขี่ย้อนกลับขึ้นไประนองได้ หมาป่าเบื่อขี่ขึ้นเขาชันน่ะครับเลยมาเส้นนี้แทน เส้นนี้มีรถวิ่งตลอดแต่ผมไม่ถือว่าจอแจมาก สงบกว่าเส้นที่ลงมาจาก กรุงเทพสู่ชุมพรมากกว่า อีกแหละครับ ...เส้นทางสวย อุดมด้วยเนินและความเขียวครึ้ม มีภูเขาเตี้ย ๆ ตลอดทาง เกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา และต้นหมากตลอดทาง ดูอุดมสมบูรณ์ ความอุดมสมบูรณ์ความชุ่มชึ้นของปักษ์ใต้ มาแสดงออกมากเป็นบางครั้งตรงช่วงนี้ ช่วงที่ผ่านเข้าเขตจังหวัดระนองแล้วนั้นขี่ไปสักพักริมทางซ้ายมือจะมีป้ายหินสลักจารึกพระนามอักษร จปร. ของรัชกาลที่ห้า อยู่ตรงด่านของทหารกองกำลังเทพสตรี หมาป่าแวะกินข้าวช่วงสาย ตรงเพิงพักริมทางที่นี่ เมนูมีทั้ง ภาษาไทยและภาษาพม่า ขี่ไปอีกสับสิบห้ากิโลก็พักตรงปั้ม PT ชื่อแสงฟ้าออยส์เพื่อหากาแฟสดจิบเรียกแรง บนร้านกาแฟมีพนักงานขาย ของบริษัทดอกบัวคู่สองคน คนหนุ่มกับคนมีอายุที่มาจอดรถพักทำงานเอกสารและส่งสินค้าที่ร้านคอนวีเนียนสโตร์ ของปั้ม หมาป่าเห็นเข้าป้อนตัวเลขสต๊อกยอดขายผ่านแทบเลต แทนที่จะเป็นเอกสารเป็นปึ๊ง แบบสมัยก่อน ขยับเข้าไปคุยแก้เบื่อ ได้ความรู้เกี่ยวกับเถ้าแก่ดอกบัวคู่ ผู้ใจบุญและครอบครัว พนักงานรักเถ้าแก่และนายแม่มาก ได้รู้ด้วยว่าเถ้าแก่ผู้วายชนม์เป็นคนปากพนัง ส่วนนายแม่ภรรยาเป็นคนโคราช คุยเรื่องเณรคำ ทราบว่าการออกรอบส่งสินค้าด้วยรถคอนเทนเนอร์เล็กนี้เป็นวงรอบละ 24 วันต่อเดือน แล้วก็พักยาวที่กรุงเทพก่อนออกรอบใหม่ หมาป่าชอบแปรงสีฟันดอกบัวคู่รุ่นถ่านสีดำ ที่ขนแปรงมันเล็กและแข็งซอกซอนร่องเหงือกฟันได้ดี (ผมคือไวน์ก็รู้จัก นายแม่ ของห้างใจบุญ เคยขอท่านร่วมจัดงาน สวนนหลวง ร.9 หรืองานวิ่งการกุศล หรืองานที่ผมจัด แสดงดนตรีวงใหญ่การกุศล ท่านก็ช่วยทุกครั้ง เจอหน้า นายแม่จะชวนจิบน้ำชา กาแฟในสวนหลวงกับเพื่อน ของนายแม่ แต่ท่านไม่รู้จักชื่อ ไวน์กับสายน้ำแต่ รู้จักในชื่อจริง เลยเสริม เพื่อขอบพระคุณที่ช่วยเหลือตลอดมา ครับ) ก็ถามซื้อเอาเสียเลยคุณพนักงานบอกว่าเดี๋ยวจะเอาเข้าไปขายส่งในร้านคอนวีเนียนสโตร์ในปั้นนั่นแหละ ขายกันสด ๆ โดยมีผมเป็นผู้ยืนยันเจ้าของร้านว่าแปรงใช้ดีน่ารับไว้สักโหล เจ้าของร้านก็อื่อ ๆ ผมเลยซื้อปลีกจากเจ้าของร้านมาด้าม หนึ่ง ฮะฮะฮะ ช่วยกันขายช่วยกันซื้อ โบกมืออำลาอวยชัยให้พรกันกับพนักงานขายดอกบัวคู่สองท่านนั้นและคิดว่าอาจจะเจอกันระหว่างทาง เขาขับนำไปก่อน แล้วผมขี่ตาม เขาแวะส่งสินค้าตามอำเภอรายทาง ผมก็ขี่นำไป และก็ได้มาพบกันอีกทีช่วงตรงเลยตะกั่วป่า เลยเขาหลักออกมา มีเสียงแตรรถบีบปี้น ๆ ด้านหลัง รถแซงไปก็รถดอกบัวคู่คันคุ้นเคยกัน ทางไประนองผ่านทับหลี ที่นี่ซาลาเปาขึ้นชื่อครับ ร้านข้างทางติดป้ายเจ้าเก่าทับหลีเลือกกันไม่หวาดไหว ซื้อ ติดมากอนกลางทาง (ภาพขาวดำข้างล่าง เป็นจักรยานที่ขี่ไปในครั้งนี้ ผู้เขียนชอบภาพขาวดำ) จากนั้นก็มาเจอคอคอดกระ ส่วนที่แคบที่สุดของคาบสมุทรมลายู ผมแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับป้าย ป้ายอยู่ด้านขวา ของถนนมุ่งลงใต้ อีกภาพนั้นเอารถลงไปตรงริมน้ำกั้นกลางระหว่างพม่ากับไทย ฝั่งตรงข้ามนั้นพม่านะครับ ส่วนอีกฝั่งของถนนเป็นค่าย ตชด. ที่มาตั้งรักษาตรวจการดินแดนของเราเอาไว้ ทางต่อจากคอคอดกระก็ค่อนข้างขึ้นเขา หนักแรงพอควรแต่ไม่เท่ากับขึ้นเหนือหรือขึ้นเขาใหญ่ ช่วงนี้ตอนที่ผมไป กำลังทำทางขยายเป็นถนนสี่เลนให้รถวิ่งสะดวกขึ้น การขยายทางไม่ได้เริ่มจากด้านชุมพร แต่กลับเริ่มจากด้านระนอง ย้อนกลับมา มีฝุ่นเล็กน้อยด้วยบางช่วงยังถมด้วยลูกรังอยู่ บางช่วงก็ราดยางขี่สะดวกมาก ไต่เขาขึ้นไป แล้วพอลงมา ก็ได้ความเร็วให้พอตื่นเต้นสนุกสนาน หมาป่ามุ่งหน้าไปจวนจะถึงตัวระนอง ระหว่างทางแวะกินข้าว และแวะกินน้ำที่ร้านชำ ล่วงเข้ายามบ่ายแก่เห็น เสือระนองขี่จักรยานออกกำลังมาจากทิศของตัวเมืองสองสามท่าน ภาพแทนนะครับ เจอท่านหนึ่งกินน้ำอยู่ที่ร้านเดียวกัน พี่เขาเข้ามาทักทายถามไถ่ว่ามาจากไหน แนะนำตัวกันท่านชื่อ พี่ณพครับ อายุห้าสิบเศษ ทำธุรกิจค้าขายของเก่า ขี่เสือภูเขาท่าทางกว้างขวางในหมู่จักรยานของจังหวัดระนอง พี่ณพ อาสาพาขี่เข้าเมืองระนองด้วยกันและจะแนะนำหาที่พักให้ เราขี่ขึ้นเขาสูงก่อนเข้าตัวเมืองระนองชื่อ เขาน้ำตก มีโค้งหักศอกที่สิงห์รถบรรทุก ระหว่างทางบอกหมาป่าไว้ว่ามันชัน พอควร ก็หนักแรงใช้ได้ต้องสับเกียร์ลงจานเล็กเฟือง 4 ผ่านกันมา พี่ณพขี่สบาย ๆ คงด้วยคุ้นชินขี่ออกกำลังเกือบทุกวัน หมาป่าต่างถิ่นแถมของพะรุงพะรังก็ค่อย ๆ ไต่ตามหลังไป พี่ณพเล่าบนเขานี้รถทัวร์ที่วิ่งจากระนองเข้ากรุงเทพชอบมาถ่ายของเสียจากถังเก็บลงบนถนน ให้นักจักรยานต้อง หลบเวลาขี่ผ่าน แกเห็นภาพและกลิ่นชัดเจนฟังแล้วแขยงพอควร จากเขาน้ำตกเราก็ดิ่งสู่ถนนสายใหญ่เข้าตัวเมือง ก่อนเข้าเมืองหมาป่าขอเลือกเช็คอิน บังกะโลข้างทางชื่อ Tar Tar ราคา 350 บาทราคาถูกที่สุดตลอดทริป เข้าซอยไปสามสี่ร้อยเมตร ห้องค่อนข้างเก่าหน่อยแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่ณพยังชวนว่าน่าจะไปหาเอาข้างหน้าที่ดีหน่อย แต่ผมอยากเอาตรงนี้แหละครับ พี่ณพ รอจนจ่ายเงินจ่ายทองเอาของเก็บในห้องแล้ว แกก็บอกว่าเดี๋ยวเราไปบ่อน้ำร้อนประจำเมืองระนองกัน มาระนองต้องมาแชงน้ำพุร้อน ขี่กันไปแล้วก็หักซ้ายขึ้นเขาเตี้ย ๆ ไปน้ำพุร้อนที่สวนสาธารณะประจำเมือง ผมตื่นตาตื่นใจมากครับ เมืองระนองทำได้ดีสะอาดน่าลงแช่น้ำ พี่น้องชาวระนองก็มาหย่อนใจที่กันคึกคัก มีบ่อแช่ทั้งตัวและมีบ่อแช่แค่ขา ผมลองแช่ขาดูก็ร้อนระอุครับ แช่ขาแต่เหงื่อตัวแตกพลั่ก คนพื้นถิ่นเขาจะมีน้ำดื่มเย็น ๆ ติดมือขวดหนึ่งไว้คอยจิบให้ร่างกายสบาย แช่สักพักพอสบายขาที่ขี่มาทั้งวันก็เตรียม ขี่กลับห้องพักเพื่อไปอาบน้ำ พี่ณพแยกกลับไปตรงทางแยกที่มีอุโมงลอดใต้ถนน น้ำใจพี่เขาที่เทคแคร์พาขี่เที่ยว เสือระนองท่านไดอ่านสรุปทริปนี้ฝากความระลึกจากหมาป่าถึงให้พี่ณพด้วยนะครับ ภาพแทนนะครับ บรรยากาศยามค่ำคืน อาบน้ำอาบท่าซักเสื้อผ้าที่ห้องพักแล้ว ผมขี่ออกมาหาข้าวเย็นกินตอนค่ำ ๆ เปิดไฟหน้าติดหลังติดหมวกพร้อม พรั่ง แล้วขี่ข้ามเพชรเกษมไปซอยที่จะไปเข้าตัวเมืองฝั่งตรงข้ามวอยบังกะโล Tar Tar เฮียเจ้าของร้านเล่น คีย์บอร์ดสดให้ขอเพลงได้แบบไม่ต้องเปิดโน๊ต มีเพลงเก่า ๆ แบบ I'll never dance again พอดึก ๆ มีแขกอีกท่านเข้ามา เป็นชายกลางคนผมยาวใส่แว่นท่าทางเป็นแขกประจำ เพราะน้องเด็กเสริฟประจำร้านไปถามภาษาอังกฤษ แกออกเสียงตัว R ของคำว่า married ชัดเจนแบบคนเก่งอังกฤษ และแซวเด็กร้านว่าไม่ตั้งใจเรียน หมาป่าเดาว่าคงเป็นพม่าเพราะคนในระนองเป็นพม่าเยอะ โดยเฉลี่ยพม่าจะเก่ง ดนตรีเวอร์ชั่นนี้ ไพเราะ คลิ๊กฟังได้เลยครับ.. VIDEO ภาษาอังกฤษกว่าคนไทย แต่สักพักแกก็ขอเพลงวอลซ์นาวี อันนี้ไม่ใช่พม่าแน่นอนแล้วละครับ ผมเลยเข้าไปทักว่านึกเป็นคนพม่าแต่ขอเพลงนี้เลยรู้ว่าเข้าใจผิด แกเล่าว่าเป็นคนชุมพรข้ามมาทำมาหากินที่ระนอง นี่ แกคิดถึงกรมหลวงชุมพรฯ นะครับเลยขอเพลงวอลซ์นาวี ก่อนออกมาผมก็ขอให้เจ้าของร้านแกเล่นเปียโน (บนคีย์บอร์ด) ในเพลง สายทิพย์ มีความสุขมากกับอาหารเย็นและค่ำคืนของเมืองระนอง เมืองที่เคยมาเป็นครั้งแรกในชีวิต กลับเข้าที่พักเช็คไมล์วันนี้ขี่ได้ 136 กม. มาหยุดไมล์สะสมที่ 685 กม ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ L st. ผู้เข้าชม 1,512,131 = ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์นิดจะได้แวะไปเยือนครับ
สวัสดียามเช้าครับพี่ไวน์
ลูกชายพี่ไวน์นอกจากเป็นนักปั่น
แล้วยังมีความเป็นนักเขียน นักจดบันทึกเรื่องราวด้วยนะครับ