❉ การฝึกใจ ❉
ใจของเรานี่มันอยู่ในกรง ยิ่งกว่านั้น
มันยังมีเสือที่กำลังอาละวาดอยู่ในกรงนั้นด้วย
ใจที่มันเอาแต่ใจของเรานี้
ถ้าหากมันไม่ได้อะไรตามที่มันต้องการแล้ว
มันก็อาละวาด
เราจะต้องอบรมใจด้วยการปฏิบัติภาวนาด้วยสมาธิ
นี้แหละที่เราเรียกว่า การฝึกใจ พื้นฐานของการปฏิบัติธรรม
ในเบื้องต้นของการฝึกปฏิบัติธรรม จะต้องมีศีลเป็นพื้นฐาน
หรือรากฐาน ศีลนี้เป็นสิ่งอบรม กาย วาจา
ซึ่งบางทีก็จะเกิดการวุ่นวายขึ้นในใจเหมือนกัน
เมื่อเราพยายามจะบังคับใจ ไม่ให้ทำตามความอยาก
กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย นิสัยความเคยชินอย่างโลกๆ
ลดมันลง อย่ายอมตามความอยาก อย่ายอมตามความคิดของตน
หยุดเป็นทาสมันเสีย พยายามต่อสู้ เอาชนะอวิชชาให้ได้
ด้วยการบังคับตัวเองเสมอ นี้เรียกว่าศีล
เมื่อพยายามบังคับจิตของตัวเองนั้น จิตมันก็จะดิ้นรนต่อสู้
มันจะรู้สึกถูกจำกัด ถูกข่มขี่ เมื่อมันไม่ได้ทำตามที่มันอยาก
มันก็จะกระวนกระวายดิ้นรน ทีนี้เห็นทุกข์ชัดล่ะ
ทุกข์ เป็นข้อแรกของอริยสัจจ์ คนทั้งหลายพากันเกลียดกลัวทุกข์
อยากหนีทุกข์ ไม่อยากให้มีทุกข์เลย
ความจริง.. ทุกข์ที่แหละจะทำให้เราฉลาดขึ้น ทำให้เกิดปัญญา
ทำให้เรารู้จักพิจารณาทุกข์ สุขนั่นสิมันจะปิดหูปิดตาเรา
มันจะทำให้ไม่รู้จักอด ไม่รู้จักทน
ความสุขสบายทั้งหลายจะทำให้เราประมาท
กิเลสสองตัวนี้ทุกข์เห็นได้ง่าย
ดังนั้นเราจึงต้องเอาทุกข์นี่แหละมาพิจารณา
แล้วพยายามทำความดับทุกข์ให้ได้
แต่ก่อนจะปฏิบัติภาวนาก็ต้องรู้จักเสียก่อนว่า ทุกข์คืออะไร
ตอนแรกเราจะต้องฝึกใจของเราอย่างนี้
เราอาจยังไม่เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร
ฉะนั้น เมื่อครูอาจารย์บอกให้ทำอย่างใด ก็ทำตามไปก่อน
แล้วก็จะค่อยมีความอดทนอดกลั้นขึ้นเอง
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรให้อดทนอดกลั้นไว้ก่อน
เพราะมันเป็นอย่างนั้นเอง อย่างเช่น เมื่อเริ่มฝึกนั่งสมาธิ
เราก็ต้องการความสงบทีเดียว แต่ก็จะไม่ได้ความสงบ
เพราะมันไม่เคยทำสมาธิมาก่อน
ใจก็บอกว่า จะนั่งอย่างนี้แหละจนกว่าจะได้ความสงบ
อย่าทอดทิ้งจิต แต่พอความสงบไม่เกิดก็เป็นทุกข์
ก็เลยลุกขึ้นวิ่งหนีเลย
การปฏิบัติอย่างนี้ไม่เป็น การพัฒนาจิต
แต่มันเป็น การทอดทิ้งจิต ไม่ควรปล่อยใจไปตามอารมณ์
ควรที่จะฝึกฝนอบรมตนเองตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ขี้เกียจก็ช่าง ขยันก็ช่าง ให้ปฏิบัติมันไปเรื่อยๆ
ลองคิดดูซิ ทำอย่างนี้จะไม่ดีกว่าหรือ
หลวงพ่อชา
ขอบคุณที่มา fb. หอจดหมายเหตุพุทธทาสอินทปัญโญ
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ